ผู้จัดการออนไลน์ -- ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จอร์จ ดับเบิลยู บุช ได้ประกาศในวันเสาร์ (17 พ.ค.) ต่ออายุการใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อพม่าก่อนครบกำหนด โดยระบุว่า ยังคงปราบปรามฝ่ายค้านและมีการกระทำเป็นภัยต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการให้การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ชาวพม่าที่ประสบเคราะห์จากพายุนาร์กิสซึ่งจะดำเนินต่อไป
ปธน.สหรัฐฯ แถลงว่า การต่ออายุคว่ำบาตรมีขึ้นก่อนที่ฉบับปัจจุบันจะครบกำหนดลงในวันที่ 20 พ.ค.นี้ ส่วนหนึ่งเนื่องจากเห็นว่าระบอบทหารในพม่ายังคง “มีการกระทำปราบปรามขบวนการประชาธิปไตยในพม่า” และดำเนินนโยบายอื่นๆ ที่ “เป็นภัยข่มขู่อันใหญ่หลวงและอย่างไม่ปกติ” ต่อความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ
“ด้วยเหตุผลนี้ข้าพเจ้าเห็นว่ามีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องส่งความช่วยเหลือ (มนุษยธรรม) ต่อไป ขณะที่ต้องเร่งการคว่ำบาตรต่อทางการพม่าเพื่อเป็นการตอบโต้ต่อภัยข่มขู่คุกคาม” ปธน.สหรัฐฯ กล่าว
คำแถลงของ ปธน.สหรัฐฯ มีขึ้นในขณะที่ประชาคมระหว่างประเทศกำลังประณามทางการทหารพม่าอีกระลอก ที่ปิดกั้นความช่วยเหลือและดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างล่าช้า ซึ่งเจ้าหน้าที่สหประชาชาติเตือนว่าอาจจะทำให้มีผู้ที่รอดชีวิตเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ล้มตายลงอีกจำนวนมาก
พม่ากำลังสร้างความขุ่นเคืองใจให้ประชาคมระหว่างประเทศ ในขณะที่ผู้แทนถาวรฝรั่งเศสประจำองค์การสหประชาชาติกล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า การปิดกั้นความช่วยเหลือจากภายนอกของรัฐบาลทหารพม่า สุ่มเสี่ยงต่อการเข้าข่าย “ก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ”
โทรทัศน์พม่ารายงานในคืนวันศุกร์ เพิ่มจำนวนผู้เสียชีวิตและสูญหายในภัยพิบัติพายุนาร์กิสเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนขึ้น 1 เท่าตัว เป็น 134,000 คน มากกว่าตัวเลข 100,000 ที่สถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงย่างกุ้งประมาณไว้ตั้งแต่วันแรกๆ หลังพายุผ่านไป
เครื่องบินลำเลียงขนส่ง C-130 ของสหรัฐฯ บินขึ้นจากสนามบินบินอู่ตะเภาในประเทศไทย นำสิ่งของช่วยเหลือไปยังพม่า 5 เที่ยวในวันพุธ กับอีก 4 เที่ยวเมื่อวันศุกร์ คาดว่า จะเข้าไปอีกหลายเที่ยวในช่วงสุดสัปดาห์นี้