xs
xsm
sm
md
lg

สลดใจศพเกลื่อนทุ่งนา!! พม่าไม่ให้ยูเอ็นเข้า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<CENTER><FONT color=#FF0000>ภาพที่สำนักข่าวเอเอฟพีได้รับและนำออกเผยแพร่ในวันพุธ (7 พ.ค.) นี้ ระบุว่าเป็นศพคนและสัตว์เลี้ยงที่ลอยขึ้นอืดตามท้องนาในเขตเมืองลาบุตตา (Labutta) ปากแม่น้ำอิรวดี  </FONT></CENTER>

ผู้จัดการออนไลน์ - ภาพที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 7 พ.ค.นี้ แสดงให้เห็นศพเหยื่อไซโคลนนาร์กีส ทั้งคนและสัตว์เลี้ยงปรากฏตามจุดต่างๆ ในท้องนาใกล้กับเมืองลาบุตตา ในขณะที่ผู้รอดชีวิตเริ่มปรากฏตัวออกเดินทางลุยน้ำผ่านศพคนตาย ไปแสวงหาอาหารประทังความหิวโหยในเขตเมือง

จนถึงวันพุธ หรือเป็นเวลา 5 วัน นับตั้งแต่ไซโคลนนาร์กีส พัดกระหน่ำเขตที่ราบปากแม่น้ำอิรวดี กับกรุงย่างกุ้ง ทางการพม่ายังคงไม่ออกวีซ่าให้แก่เจ้าหน้าที่องค์การระหว่างประเทศ หน่วยงานกู้ภัยต่างๆ เข้าประเทศ รวมทั้งเจ้าหน้าที่สหประชาชาติที่จะเข้าไปประเมินความเสียหายเพื่อทำแผนให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูสำหรับประชาชนและท้องถิ่นต่างๆ

ภาพที่สำนักข่าวเอเอฟพี นำออกเผยแพร่แสดงให้เห็นศพคนและสัตว์เลี้ยง เช่น หมู กับควาย ที่ขึ้นอืดและเริ่มเน่าเฟะ พบอยู่ตามจุดต่างๆ ในท้องนาที่มีน้ำขัง โดยระบุว่า เป็นภาพที่ถ่ายจากเมืองลาบุตตา (Labutta) ในเขตที่ราบปากแม่น้ำอิรวดี

นับเป็นครั้งแรกที่ชาวโลกได้เห็นภาพผู้เสียชีวิตสภาพจากเหตุวาตภัยในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งทางการยืนยันว่า มีจำนวนกว่า 22,000 ตน และอีกกว่า 41,000 สูญหาย

เชื่อกันว่า จะมีการเปิดเผยตัวเลขที่สูงกว่านี้ในวันนี้ ขณะที่ทุกฝ่ายเริ่มออกค้นหา ซึ่งในนั้นมีเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยระหว่างประเทศ 2-3 หน่วย รวมอยู่ด้วย

ผู้สื่อข่าวของเอเอฟพี ซึ่งเป็นคนในพื้นที่ได้รายงานจากเมืองลาบุตตา (Labutta) หลังจากได้เห็นผู้รอดชีวิตนับพันๆ คน เดินทางไกลไปยังเขตเมืองเพื่อหาอาหารประทังชีวิต โดยเดินลุยไปตามท้องนาที่น้ำท่วมขัง ผ่านศพที่ลอยขึ้นอืดจำนวนมากมาย และส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่ว

ในเขตเมืองลาบุตตาซึ่งเคยเป็นที่อาศัยของประชาชนราว 90,000 คนก่อนเหตุการณ์เมื่อวันเสาร์ (3 พ.ค.) ได้กลายเป็นเมืองร้าง ไม่มีวัสดุอุปกรณ์ ไม่มีอาหารและน้ำดื่มสำหรับผู้รอดชีวิต

"ใบหน้าของผู้คนทั่วไปไร้อารมณ์ความรู้สึก พวกเขาไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน" ผู้เห็นเหตุการณ์คนหนึ่งกล่าวกับเอเอฟพี โดยผู้คนเหล่านั้นส่วนใหญ่รอดชีวิตไปจากหมู่บ้านต่างๆ ที่อยู่รอบนอกตัวเมือง ซึ่งบ้านเรือของพวกเขาถูกพายุทำลายราบ

"พวกเขาสูญเสียครอบครัว ไม่มีที่จะอาศัย และพวกเขาไม่มีอะไรจะกิน ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต" ผู้เห็นเหตุการณ์กล่าว

รอบๆ ตัวเมืองเต็มไปด้วยร่างคนกับสัตว์ตายที่เริ่มกลายเป็นสีดำ ส่วนใหญ่เริ่มเน่าเปื่อยใต้แสงแดดที่แผดร้อน หลายศพขึ้นไปติดค้างตามริมทางเดินเมื่อน้ำเริ่มลดระดับลงหลังพายุผ่านไปเมื่อ 5 วันก่อน
<CENTER><FONT color=#FF0000> ภาพถ่ายวันที่ 5 พ.ค.2551 เขตชนบทใกล้กับกรุงย่างกุ้ง ที่นี่อยู่ห่างจากเมืองลาบุตตาราว 200 กม. แต่สภาพไม่ต่างกันคือน้ำนองไปทั่ว ต่างกันก็ตรงที่นี่ไม่เกิดน้ำท่วมฉับพลัน (ภาพ: Reuters) </FONT> </CENTER>
"กลิ่นแห่งความตายคละคลุ้งไปทั่วเมือง ผู้คนเดินผ่านศพโดยใช้ผ้าหนาปิดจมูกกันกลิ่นเหม็น บ้างก็ใช้ยาหม่องทาเพื่อช่วยบรรเทากลิ่น.." ผู้สื่อข่าวเอเอฟพีอ้างการบอกเล่าของผู้รอดชีวิต

"เรานอนไม่หลับทั้งคืนเพราะได้ยินแต่เสียงผู้คนตะโกน อาจจะเป็นเสียงภูตผีในหมู่บ้าน" ผู้รอดชีวิตอีกคนหนึ่งกล่าว

ผู้รอดชีวิตกล่าวว่าเคยมีทหารเดินทางเข้าไปยังเขตเมืองลาบุตตาโดยเรือ นำสิ่งของไปแจกจ่ายเพียงเล็กน้อย แต่เรือก็ไปจอดตายอยู่ที่นั่นเนื่องจากน้ำมันหมด

มีเจ้าหน้าที่ขององค์การเวิลด์วิชั่น (World Vision) เดินทางไปถึงที่นั่นเช่นเดียวกัน แต่ทำได้เพียงแค่แจกจ่ายสารสำหรับกวนน้ำให้ใส ให้เป็นน้ำสะอาด

คนเหล่านี้ต้องการที่ซุกหัวนอนและเรียกร้องไปยังรัฐบาลให้จัดหาสิ่งนี้อย่างเร่งด่วน

ผู้รอดชีวิตหลายคนได้รับบาดเจ็บจากภัยพิบัติทมที่ผ่านมาและเสี่ยงที่จะเกิดการติดเชื้อและเกิดโรคระบาดขึ้นในตัวเมืองและตามหมู่บ้านบางแห่งที่ยังมีผู้รอดชีวิตอยู่

"เราต้องการการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ชาวบ้านหลายคนเริ่มเป็นท้องร่วงกันแล้ว เพราะทุกอย่างรอบตัวล้วนไม่ถูกสุขอนามัย" หมอในท้องถิ่นที่รอดชีวิตคนหนึ่งกล่าว

นายแพทย์ผู้นี้ยังกล่าวอีกว่า ชาวบ้านได้ออกค้นหามะพร้าว เพราะน้ำมะพร้าวเป็นน้ำสะอาดชนิดเดียวที่มีอยู่ในท้องถิ่น

"ชาวบ้านต่างคนต่างมีปัญหาต่างกันไป พวกเขาต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนพวกเขากำลังรอคอยการช่วยเหลือ สำหรับอาหารและที่พักพิง ความวิตกกังวลหลักของคนเหล่านี้คืออาหาร" ชาวบ้านอีกคนหนึ่งที่ร่วมในขบวนเดินทางสู่อนาคตใหม่กล่าว.
กำลังโหลดความคิดเห็น