xs
xsm
sm
md
lg

นักวิจัยตะลึงพบตะพาบยักษ์เวียดนามยังอยู่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<CENTER><FONT color=#00cc00> นักวิทยาศาสตร์ในเวียดนามตามหาตะพาบยักษ์พันธุ์คู่บ้านคู่เมืองนี้มานาน บางคนทุ่มเทให้ทั้งชีวิต แต่นักวิทยาศาสตร์อเมริกันยืนยันสัปดาห์นี้ว่ามันยังอยู่ (ภาพ: สวนสัตว์คลีฟแลนด์พาร์ค)  </FONT> </CENTER>
ผู้จัดการออนไลนส์ – นักชีววิทยาในรัฐโอไฮโอ สหรัฐฯ กล่าวในสัปดาห์นี้ว่า ตะพาบยักษ์ที่ค้นพบในเวียดนามนั้นเป็นสายพันธุ์ที่เชื่อว่าได้สูญพันธุ์ไปแล้ว

นักวิทยาศาสตร์แห่งสวนสัตว์คลีฟแลนด์ เมโทรพาร์ค เมืองคลีฟแลนด์กล่าวว่า ผู้เชี่ยวชาญของสวนสัตว์ได้พบตะพาบยักษ์ที่มีชื่อเรียกตามสายพันธุ์ว่า Rafetus swinhoei ในทะเลสาบทางตะวันตกของฮานอย เมืองหลวงของประเทศ หลังจากที่ได้ออกค้นหามาเป็นเวลานานถึง 3 ปี

“นี่เป็นการค้นพบที่น่าเหลือเชื่อเพราะตะพาบสายพันธ์นี้ เป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่ใกล้จะสูญพันธุ์มากที่สุดในโลก” นายด่ง อังดรี (Dong Hendrie) เจ้าหน้าที่ประสานงานโครงการเต่าเอเชียของสวนสัตว์คลีฟแลนด์ เมโทรพาร์ก ประจำเวียดนาม กล่าวเมื่อวันพุธ (17 เม.ย.)

“สายพันธุ์ดังกล่าวนี้เป็นที่รู้จักในหมู่ชาวเวียดนามทั่วไป ซึ่งอาจจะเป็นโอกาสให้มันมีชีวิตอยู่ต่อไป”

สวนสัตว์กล่าวว่า เต่าที่ถูกค้นพบดังกล่าวนี้มีเพียงแค่ 3 ตัวเท่านั้น ซึ่ง 2 ตัวอยู่ที่สวนสัตว์ในประเทศจีน และอีกหนึ่งตัวอยู่ที่ทะเลสาบในฮานอย เต่ากระดองนิ่ม (Soft Shell Turtle) สายพันธุ์ดังกล่าวนี้สามารถมีน้ำหนักมากถึง 136 กิโลกรัม ยาวถึง 0.9144 เมตร และ มีชีวิตอยู่ได้นานกว่า 100 ปี

นักวิจัยกล่าวก่อนหน้านี้ว่า ตะพาบสายพันธุ์นี้ได้สูญพันธุ์ไปแล้วเนื่องจากถูกล่าเพื่อนำไปเป็นอาหาร การสูญเสียที่อยู่อาศัยและมลภาวะ เครือข่ายอนุรักษ์เต่าเอเชียกล่าวว่ามีเต่ามากถึง 15 ล้านตัวที่ถูกขายในแถบประเทศเอเชีย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมักจะถูกส่งไปยังประเทศจีน

เต่าที่อาศัยอยู่ในทะเลสาบหว่านเกี๋ยม (Hoan Kiem) หรือ “ทะเลสาบคืนดาบ” (The Lake of the Returned Sword) นั้นมีบทบาทสำคัญในตำนานพื้นบ้านของชาวเวียดนาม บ้างก็เชื่อว่าการปรากฏตัวของสัตว์จำพวกนี้เป็นเสมือนลางบอกเหตุต่างๆ
<CENTER><FONT color=#00cc00>เจดีย์กลางน้ำที่บึงหว่านเกี๊ยมในยามบ่ายฟ้าคลึ้ม กับในยามค่ำคืนช่วงเทศกาล ที่นี่อยู่ในกลางย่านเมืองเก่ากรุงฮานอย เป็นที่สิงสถิตย์ของตะพาบยักษ์โบราณ </FONT> </CENTER>
ตามตำนานที่ถูกเล่าขานมายาวนานสู่เด็กๆ ชาวเวียดนามรวมถึงนักท่องเที่ยว เล่าว่าในศตวรรษที่ 15 จักรพรรดิเลเลย (Le Loi) ได้ใช้ดาบศักดิ์สิทธิ์ในการขับไล่ชาวจีนราชวงศ์หมิงที่รุกราน ให้ออกไปจากเวียดนาม

จากนั้นในขณะที่พระองค์อยู่บนเรือก็มีตะพาบน้ำตัวหนึ่งโผล่ขึ้นมาจากผิวน้ำและบอกกับพระจักรพรรดิให้ส่งดาบนั้นกลับคืนแก่กษัตริย์แห่งมังกร ดาบนั้นก็ได้พุ่งออกจากฝักดาบเข้าไปในปากของตะพาบก่อนที่เต่าตัวนั้นจะหายกลับลงไปสู่ใต้ผิวน้ำ

จากนั้นมาทะเลสาบดังกล่าวที่เคยถูกเรียกว่า ทะเลสาบลึกถวี๋ (Luc Thuy) หรือ ทะเลสาบน้ำเขียว ต่อมาจึง ได้กลายมาเป็นที่รู้จักกันในชื่อทะเลสาบคืนดาบ

เป็นเวลามากกว่า 7 ปีมาแล้วที่นักสัตว์วิทยาห่าดิ่งดึ๊ก (Ha Dinh Duc) ได้ตั้งชื่อให้กับเต่าสายพันธุ์ดังกล่าวซึ่งมีน้ำหนักถึง 200 กิโลกรัมโดยประมาณ ทั้งนี้เพื่อเป็นเกียรติแก่พระจักรพรรดิเลเลย
กำลังโหลดความคิดเห็น