ผู้จัดการรายวัน-- หลายปีมานี้ยังไม่เคยมีการเปิดเผยตัวเลขรายได้จากการเก็บค่าผ่านประตูเข้าชมปราสาทหินนครวัด แหล่งมรดกโลกที่ทำเงินทำทองให้แก่กัมพูชาเป็นกอบเป็นกำและจำนวนสูงขึ้นทุกปี พร้อมกับการขยายตัวของการท่องเที่ยว
แต่หลังถูกเร่งเร้าจากพรรคฝ่ายค้าน ตัวเลขย้อนหลังไป 2 ปีจึงเปิดออกมา
ปี 2550 บริษัทที่ได้รับสัมปทานให้ดูแลและเก็บผลประโยชน์จากนครวัดคือ กลุ่มโรงแรมสุขา (Sokha Hotel Group) เก็บค่าผ่านประตูได้ 32 ล้านดอลลาร์ นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สมเด็จมหาเสนาบดีเดโชฮุนเซน แถลงเรื่องนี้ผ่านประธานรัฐสภา สมเด็จฯ เฮงสัมริน
ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เกาะสันติภาพ (Koh Santepheap) แต่ละปีจะมีผู้เข้าชมระดับวีไอพีที่ไม่ต้องซื้อตั๋วผ่านประตูจำนวนมาก แต่ถึงกระนั้นปี 2549 จำนวนผู้ที่ซื้อตั๋วเข้าเที่ยวชมนครวัดกับอาณาบริเวณก็มีถึง 857,822 คน เป็นรายได้ทั้งสิ้น 25,389,520 ดอลลาร์
ค่าเข้าชมนครวัดคิดหลายอัตราแตกต่างกัน คือ 20, 40 และ 60 ดอลลาร์ตามจำนวนวันที่เข้าชม 1 วัน 2 วันและ 7 วันตามลำดับ
ปีที่แล้วมีผู้ซื้อตั๋วราคา 20 ดอลลาร์คิดเป็น 54% ของทั้งหมด อีก 44% ซื้อตั๋วราคา 40 ดอลลาร์ และที่ซื้อตั๋วราคา 60 ดอลลาร์ สำหรับการเที่ยวชมเป็นเวลา 7 วัน มีจำนวนคิดเป็นเพียง 2% เท่านั้น เกาะสันติภาพกล่าว
ในปี 2550 จำนวนนักท่องเที่ยวที่ซื้อตั๋วเข้าชมปราสาทหินโบราณเพิ่มขึ้นเป็น 1,106,800 คน ในนั้น 54% ซื้อตั๋วราคา 20 ดอลลาร์ อีก 44.3% ซื้อตั๋ว 40 ดอลลาร์ สำหรับตั๋ว 60 ดอลลาร์มีผู้ซื้อคิดเป็นเพียง 1.7% ทั้งหมดทำรายได้รวมทั้งสิ้น 32,741,080 ดอลลาร์
เงินดังกล่าวเป็นรายได้สุทธิหลังหักภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว จากนั้นจะถูกแบ่งเป็น 2 ส่วนเท่าๆ กับส่วนแรกตกเป็นขององค์การอัปสรา (APSARA Authority) ซึ่งเป็นตัวแทนของรัฐ เพื่อนำเข้าท้องพระคลังหลวง กับอีกครึ่งที่เหลือเป็นของกลุ่มโรงแรมสุขาผู้ดำเนินการ
อย่างไรก็ตามการแบ่งปันผลประโยชน์จากค่าผ่านประตูเข้าชมโบราณสถานแห่งนี้ยังมีวิธีคิดคำนวณที่สลับซับซ้อนในอัตราก้าวหน้าตามระดับรายได้ ในนั้นจะมีการหักจากส่วนของกลุ่มธุรกิจ เข้าส่วนกลางสำหรับหน่วยงานบริหารเขตนครวัด แต่ยังไม่มีการเปิดเผยตัวเลขในส่วนนี้
นายสนชัย (Son Chhay) สส.พรรคสมรังสีเป็นผู้เปิดประเด็นเรื่องนี้โดยตั้งกระทู้ถามนายกรัฐมนตรีในปลายเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา หลังจากมีความสงสัยกันมานานว่าประชาชนทั่วไปอาจจะไม่ได้รับประโยชน์จากเงินได้ที่เก็บค่าเข้าชมนครวัด แต่ผลประโยชน์ไปตกที่บริษัทเอกชน และรัฐบาลควรทบทวนเรื่องนี้
กลุ่มโรงแรมสุขาซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจหนึ่งในสามกลุ่มที่มีความใกล้ชิดกับรัฐบาลสมเด็จฯ ฮุนเซนมากที่สุด ได้รับสัมปทานเข้าบริหารจัดการรายได้จากค่าเข้าชมปราสาทนครวัด ตั้งแต่เดือน มิ.ย.2548 โดยได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี กระทรวงเศรษฐกิจและการเงินรวมทั้งสภาเพื่อการพัฒนาแห่งกัมพูชาหรือ SCIC (Council for the Development of Cambodia)
สมเด็จฯ ฮุนเซน เป็นผู้ลงนามในใบอนุญาต เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.2548 โดยมีอายุสัญญา 5 ปี เกาะสันติภาพกล่าว
ปี 2550 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติไปกัมพูชาราว 2 ล้านคน ทางการคาดว่าจำนวนจะเพิ่มขึ้นเป็นปีละ 3 ล้านคนในปี 2553.