ผู้จัดการรายวัน-- รัฐบาลกัมพูชาได้อนุมัติให้กลุ่มบริษัทผู้ค้าน้ำมันใหญ่ของประเทศ เข้าลงทุนพัฒนาเขตวนอุทยานแห่งชาติโบกอร์ (Bokor) ซึ่งรวมทั้งการทำถนนและฟื้นฟูโรงแรม-กาสิโน ยุคอาณานิคมอายุเกือบ 100 ปี เพื่อให้กลับมาใช้การได้อีก ในความพยายามสร้างแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ขึ้นในเขตอ่าวไทย
รัฐบาลได้อนุมัติให้กลุ่มบริษัทโรงแรมสุขา (Sokha Hotel Group) เป็นผู้พัฒนาโบราณสถานโบกอร์ด้วยเงินลงทุนประมาณ 1,000 ล้านดอลลาร์ ตลอด 15 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ เป็นรายงานของสำนักข่าวเอเคพี (Agence Kampuchean-Presse) ซึ่งเป็นสำนักข่าวของทางการ
กลุ่มโรงแรมสุขาเป็นบริษัทลูกของกลุ่มโสคิเม็กซ์ (Sokimex) เป็นบริษัทค้าน้ำมันใหญ่ที่สุดในประเทศ ซึ่งถือหุ้นโดยกลุ่มธุรกิจที่ใกล้ชิดกับรัฐบาล รวมทั้งยังมีคนในครอบครัวนายกรัฐมนตรีร่วมถือหุ้นอยู่ด้วย
การเซ็นความตกลงเรื่องนี้จัดขึ้นในวันที่ 19 ม.ค.โดยมีสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโชฮุนเซน นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เอเคพีกล่าว
นักลงทุนจำนวนมากกำลังร่วมพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในเสียมราฐ กับสีหนุวิลล์ และรัฐบาลได้อนุมัติให้กลุ่มโรงแรมสุขาเป็นผู้ลงทุนพัฒนาเขตวนอุทยานแห่งชาติโบกอร์ให้เป็นปลายทางท่องเที่ยวสำคัญ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ สำนักข่าวของรัฐบาลกล่าว
โครงการนี้รวมทั้งการทำถนนระยะทาง 30 กิโลเมตรขึ้นไป ยังเนินโบกอร์ (Bokor Hill) จัดสร้างระบบระบายน้ำ บูรณะโรงแรม-กาสิโน จัดสร้างโมเตล คอนโดมิเนียมและแมนชั่นที่พัก สวนสาธารณะแหล่งพักผ่อน ร้านค้า ภัตตาคาร โรงพยาบาล และโรงเรียนด้วย เอเคพี กล่าว
“สมเด็จเดโชฯ ฮุนเซน กล่าวว่า การลงทุนนี้จะเปิดโอกาสใหม่ๆ ในการดึงดูดผู้ไปเยือนจากนานาชาติ จึงเป็นการส่งเสริมการพัฒนาภาคการท่องเที่ยวและพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในจังหวัดกัมโป้ท” เอเคพี กล่าว
โบกอร์เป็นเขตวนอุทยานแห่งชาติที่อุดมด้วยชีวนานาพันธุ์และมีภูมิอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี
ในช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1920 ผู้ปกครองฝรั่งเศสได้ก่อสร้างสถานที่พักตากอากาศขึ้นบนยอดเขา นอกจากนั้น ยังมีที่ตั้งทางทหารสามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวในเขตทะเลอ่าวไทยได้จากทุกมุมอีกด้วย
เวลาผ่านเกือบ 100 ปี โรงแรมกาสิโนโบกอร์พาเลส (Bokor Palace Hotel) ได้ถูกปล่อยให้ร้างว่างเปล่า และยังคงมีร่องรอยการต่อสู้ระหว่างกองกำลังฝ่ายเขมรแดงกับทหารเวียดนามในช่วงปลายทศวรรษที่ 1970 หลงเหลือให้เห็น
ปัจจุบันยังมีโบสถ์คาทอลิกอีก 1 หลังที่ยังมีโครงสร้างแข็งแรงคงสภาพเดิมมากที่สุด ส่วนอาคารหลังอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นภัตตาคาร โรงเรียน และโรงพยาบาล รวมทั้งโรงทหารได้หักพังลงหมดแล้ว
ในช่วงทศวรรษที่ 1960 โบกอร์ได้เป็นแหล่งพักผ่อนยอดนิยมของชนชั้นสูงในกัมพูชา อดีตกษัตริย์นโรดมสีหนุโปรดให้สร้างพระราชฐานขึ้นในอาณาบริเวณใกล้เคียงกัน
ในปัจจุบันการเดินทางขึ้นเนินไปถึงยอดเขาที่ตั้งของโรงแรม-กาสิโน ยังคงยากลำบาก ใช้เวลาในการเดินทางราว 3 ชั่วโมง โดยรถจักรยานยนต์หรือรถปิกอัพเป็นหลัก แต่ในช่วงปีใกล้ๆ นี้ นักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยที่เดินทางไปยังสีหนุวิลล์ ได้ไปเที่ยวชมโบกอร์ด้วย
ยังไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับเงื่อนไข การแบ่งผลประโยชน์เกี่ยวกับการลงทุน ตลอดจนแผนการฟื้นฟูบูรณะและรูปลักษณ์ของโบราณสถาน แต่เอเคพีกล่าวว่าการก่อสร้างจะเริ่มขึ้นในทันที หลังการเซ็นสัญญา
นายสอน สุขา (Sorn Sokha) รองประธานโสคิเม็กซ์ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ในกัมพูชาเดือน มิ.ย.ปีที่แล้วว่า บริษัทกำลังจะพัฒนาโบกอร์ ให้กลับคืนสู่สภาพดั้งเดิมในช่วงทศวรรษที่ 1960-1970 ซึ่งเป็นยุครุ่งเรืองก่อนที่พวกเขมรแดงจะขึ้นครองอำนาจ
การฟื้นฟูบูรณะโบราณสถานแห่งนี้ให้เป็นกลับไปเป็นสถานกาสิโนหรูอีกครั้ง ถูกคัดค้านจากหลายฝ่าย รวมทั้ง สส.พรรคสมรังสี พรรคการเมืองฝ่ายค้านที่เห็นว่า โบกอร์ความสำคัญทางประวัติศาสตร์ รัฐบาลควรจะบูรณะขึ้นมาให้เป็นพิพิธภัณฑ์มากกว่า
จ.กัมโป้ท (Kampot) ใช้เวลาเดินทางจากกรุงพนมเปญราว 2 ชั่วโมงตามทางหลวงเลข 3 (พนมเปญ-สีหนุวิลล์) เมืองกัมโป้ทซึ่งเป็นเมืองเอกตั้งอยู่ริมทะเล ยังคงมีอาคารเก่ายุคฝรั่งเศสหลงเหลือจำนวนมาก เป็นสถาปัตยกรรมแปลกปลอมที่สวยงามในเขตเมือง
จังหวัดนี้ยังมีเมืองแก๊ป (Kep) เมืองท่องเที่ยวชายทะเลที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งใกล้กับชายแดน จ.เกียนยาง (Kien Giang) ของเวียดนาม เป็นปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวในประเทศ
ในปีที่ผ่านมากัมพูชามีรายได้จากภาคการท่องเที่ยวราว 1,400 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจาก 1,040 ล้านดอลลาร์ในปี 2549 เอเคพีอ้างคำกล่าวของรัฐมนตรีการท่องเที่ยว นายทองคูน (Thong Khon) วันที่ 17 ม.ค.ที่ผ่านมา
ร้อยละ 60 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ากัมพูชาปีที่แล้ว คือประมาณ 2 ล้านคนเป็นชาวเอเชีย อีก 20% เป็นชาวยุโรป 18% จากสหรัฐฯ ที่เหลือเป็นนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคอื่นๆ และ มีอัตราเฉลี่ยอยู่ในกัมพูชา 3-4 วัน ใช้จ่ายเงินเฉลี่ยหัวละ 770 ดอลลาร์
นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มุ่งหน้าไปยังนครวัด รองลงมาเป็นกรุงพนมเปญ กับแหล่งท่องเที่ยวริมทะเลในภาคตะวันออกเฉียงใต้ ที่เหลือไปเที่ยวจังหวัดภาคตะวันตกเฉียงเหนือ กลุ่มใหญ่ที่สุดไปจาก เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น สหรัฐฯ เวียดนาม จีน กับจีนไทเป ตามลำดับ
กัมพูชากำลังเร่งพัฒนาเมืองสีหนุวิลล์ให้เป็นศูนย์การบิน การค้า อุตสาหกรรมและการท่องเทียวของประเทศ กุญแจดอกสำคัญในการพัฒนาการท่องเที่ยวชายทะเลอ่าวไทย ก็คือ การพัฒนายกระดับสนามบินเมืองสีหนุวิลล์ให้เป็นสนามบินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ
ในปัจจุบันสนามบินแห่งนี้รับได้แค่เครื่องบินโดยสารขนาดเล็กระดับ ATR72 หรือ แอนโตนอฟ-24
ผู้บริหารกลุ่มบริษัทฝรั่งเศสเจ้าของสัมปทานบริการสนามบินสีหนุวิลล์ กล่าวว่า เดือน มี.ค.ปีนี้โบอิง 737 กับแอร์บัส A320 จะสามารถลงจอดที่นั่นได้ ส่วนเครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่ระดับโบอิง 747 จะลงจอดได้ในปี 2554