ผู้จัดการรายวัน-- ในเดือน มี.ค.นี้ เครื่องบินโดยสารขนาดที่ใหญ่ขึ้นเช่นโบอิ้ง 737 หรือ แอร์บัส A320 จะสามารถลงที่สนามบินกางแก็ง (Kang Keng) เมืองสีหนุวิลล์ของกัมพูชาได้ อันเป็นอีกก้าวหนึ่งในการพัฒนาเมืองท่าแห่งนี้เป็นศูนย์กางธุรกิจ การค้า อุตสาหกรรม การบินและการท่องเที่ยวในเขตทะเลอ่าวไทย
รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยว นายทองคูน (Thong Khon) กล่าวถึงเรื่องนี้สัปดาห์ที่แล้ว
ภายใต้แผนการที่จะใช้เงินลงทุนราว 200 ล้านดอลลาร์ กลุ่มบริษัทจากฝรั่งเศส กำลังพัฒนายกระดับสนามบินกางแก็ง (Kang Keng) ให้เป็นท่าอากาศยานใหญ่ที่สุดทันสมัยที่สุดในประเทศ และในระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า เครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่ระดับโบอิ้ง 747 หรือ แอร์บัส A300 ก็จะลงจอดได้
"เราวางโครงการให้สีหนุวิลล์เป็นเมืองที่ได้รับการพัฒนาอย่างดี ให้มีศักยภาพในสามด้านคือ การค้า อุตสาหกรรมกับการท่องเที่ยว" สำนักข่าวเอเอฟพีอ้างการสัมภาษณ์นายทองคูน ซึ่งกล่าวด้วยว่า รัฐบาลมีนโยบายที่จะให้สนามบินสีหนุวิลล์มีขนาดใหญ่กว่าท่าอากาศยานนานาชาติกรุงพนมเปญ
การให้สัมภาษณ์ของรัฐมนตรีกัมพูชา เป็นการตอกย้ำข่าวก่อนหน้านี้ซึ่งผู้บริหารบริษัท SCA (Societe Concessionnaire des Aeroports) กลุ่มบริษัทฝรั่งเศสที่ได้รับสัมปทานบริการท่าอากาศยานในกัมพูชากล่าวว่า สีหนุวิลล์กำลังจะได้รับการพัฒนาเป็นปลายทางท่องเที่ยวหมายเลขหนึ่งไม่ใช่อันดับรองอีกต่อไป
ปัจจุบันสนามบินเมืองสีหนุวิลล์มีทางวิ่งขึ้นลงของเครื่องบินความยาวเพียง 1,800 เมตร จึงขึ้นลงได้เฉพาะเครื่องบินโดยสารขนาดเล็กเช่น ATR-72 หรือ แอนโตนอฟ 24 (AN-24)
แต่ผู้บริหารของบริษัทแว็งชี กงเซชิญ็อง (Vinci Concession) จำกัด ผู้ถือหุ้นใหญ่ของกลุ่ม SCA เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า การพัฒนายกระดับในเฟสใหม่นี้ จะมีการขยายทางวิ่งขึ้นลง (Runway) ให้ยาว เป็น 2,200 เมตร รองรับการขึ้นลงของเครื่องบินโบอิ้งหรือ แอร์บัส
เมื่อเปิดใช้การในเดือนข้างหน้าสนามบินสีหนุวิลล์ก็จะสามารถรองรับเครื่องบินขนาดใหญ่ขึ้นจากประเทศเพื่อนบ้าน หรือจากปลายทางอื่นๆ ในภูมิภาคนี้ได้
การพัฒนายกระดับสนามบินแห่งนี้จะดำเนินต่อไปด้วยเงินลงทุนระหว่าง 70-80 ล้านดอลลาร์ ภายในปี 2554 ที่นั่นก็จะเป็นสนามบินนานาชาติที่สมบูรณ์แบบ เครื่องบินขนาดโบอิ้ง 747 หรือ แอร์บัส A300 สามารถลงจอดได้
ผู้บริหารของกลุ่มบริษัทฝรั่งเศสเคยกล่าวว่าในระยะ 10 ปีข้างหน้าท่าอากาศยานนานาชาติสีหนุวิลล์จะรองรับผู้โดยสารได้ปีละ 5-10 ล้านคน จะช่วยเติมเต็มให้แก่การท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้
สีหนุวิลล์อยู่ห่างจากกรุงพนมเปญไปทางใต้ราว 250 กิโลเมตร มีหาดทรายสวยงาม มีเกาะใหญ่น้อยใกล้ชายฝั่งอีกหลายเกาะ นักลงทุนต่างชาติกำลังพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่
ปัจจุบันสามารถเดินทางจากเมืองหลวงไปที่นั่นได้โดยรถไฟที่เก่าและช้า หรือโดยรถโดยสารประจำทาง รถยนต์เช่าเหมาไปตามทางหลวงที่อยู่ระหว่างการพัฒนายกระดับ
ตามตัวเลขที่เป็นทางการ แม้ว่าการคมนาคมจะยังไม่สะดวก ในปี 2549 ก็ยังมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางไปท่องเที่ยวสีหนุวิลล์ราว 240,000 คน เชื่อว่าปี 2550 จำนวนจะมีมากกว่านั้น
ในช่วงปีใกล้ๆ นี้ได้มีการเปิดเที่ยวบินเช่าเหมาลำจากท่าอากาศยานเสียมราฐ-อังกอร์ ไปยังสีหนุวิลล์มากขึ้น ทำให้สามารถประหยัดเวลาในการเดินทางมากขึ้น
ตามรายงานของสื่อในกัมพูชา นักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยได้เดินทางต่อไปยังเมืองกัมโป้ทกับเมืองแก๊ป (Kep) ที่เคยเป็นเมืองตากอากาศสำคัญของชาวฝรั่งเศสทางตะวันออกของสีหนุวิลล์
จ.กัมโป้ทมีหาดทรายที่ยังเป็นธรรมชาติอีกหลายแห่ง ที่นั่นยังมีโรงแรมกาสิโนเก่าของชาวฝรั่งเศสบนเขาโบกอร์ (Bo Kor) ที่ปิดตัวเองลงเมื่อกว่า 80 ปีก่อน กัมพูชาได้เชื้อเชิญนักลงทุนไปพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว
สำหรับชาวกัมพูชา กัมโป้ท-แก๊ปเป็นปลายทางท่องเที่ยวยอดนิยมไม่แพ้สีหนุวิลล์ จากที่นั่นสามารถเดินทางไปยังเกาะฟุก๊วก (Phu Quoc) ได้ด้วยเรือเร็ว ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง รัฐบาลเวียดนามกำลังพัฒนาเกาะอ่าวไทยแห่งนี้ให้เป็นปลายทางท่องเที่ยวระดับโลกเช่นเดียวกัน
ในเวียดนามกำลังมีการพัฒนายกระดับทางหลวงหลายสายในภาคใต้ เพื่อเชื่อมการท่องเที่ยวทางบกเข้ากับกัมพูชา
ถนนลาดยางทันสมัยสายหนึ่งที่สร้างด้วยความร่วมมือช่วยเหลือจากประเทศไทย เพื่อใช้เป็นทางลัด ผ่าน จ.เกาะกง (Koh Kong) ไปยังกรุงพนมเปญกับสีหนุวิลล์ มีกำหนดเปิดใช้การในเดือน ก.พ.นี้ เป็นการส่งเสริมการขนส่งและท่องเที่ยวทางบกระหว่างสองประเทศ
เมื่อปีที่แล้วเช่นเดียวกันเอกชนเวียดนามเริ่มพัฒนาการท่องเที่ยวทางเรือเชื่อม จ.เกียนยาง (Kiem Giang) เกาะฟุก๊วก (Phu Quoc) สีหนุวิลล์ เกาะช้าง กับเมืองพัทยาของไทย โดยใช้เรือด่วนขนาดใหญ่ แม้จะยังไม่ได้รับความนิยมมากนักก็ตาม
การท่องเที่ยวทั้งทางบกและทางเรือได้เริ่มขึ้นแล้วในเขตอ่าวไทยของกัมพูชาและเวียดนาม เพื่อต่อเชื่อมกับแหล่งท่องเที่ยวในประเทศไทยที่พัฒนาก้าวหน้าไปก่อน
ตามตัวเลขที่เป็นทางการ เมื่อปีที่แล้วมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ากัมพูชา 2 ล้านคน เพิ่มขึ้น 20% จากปี 2549 เป้าหมายในปีนี้คือ 2.4 ล้านคน ในอนาคตนักท่องเที่ยวเหล่านี้ จะสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวในประเทศเพื่อนบ้านของกัมพูชาได้สะดวกยิ่งขึ้น
ในเดือน ธ.ค.2550 ไทยกับกัมพูชาได้ร่วมกันลงนามในความตกลงฉบับหนึ่ง เพื่อให้พลเมืองจากประเทศที่สามขอวีซ่าครั้งเดียว สามารถเดินทางเข้าทั้งไทยและกัมพูชาได้ โดยไปชำระค่าธรรมเนียมที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองปลายทางซึ่งจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศ.