xs
xsm
sm
md
lg

ยัน “แรมโบ” ไม่ได้โม้.. พม่าโหดจริง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คลิกไอคอน Manager Multimedia มุมบนขวาชมคลิปตัวอย่าง


หลายฝ่ายกำลังกล่าวหาว่า ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน (Sylvester Stallone) ได้พยายามโปรโมตหนังแบบใส่สีตีไขลงไปอย่างมากมายเกินความจำเป็น และหลายเรื่องอาจจะไม่เป็นความจริง


แต่นักศึกษาชาวพม่าพลัดถิ่นที่ได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้ กล่าวว่า สภาพที่เป็นจริงก็ไม่ต่างไปจากในหนัง และหลายคนอยากจะทำได้อย่าง “แรมโบ” บ้าง

นักศึกษาพม่าหลายร้อยคนในสิงคโปร์ รวมทั้งพระภิกษุ ได้ไปชมภาพยนตร์ “แรมโบ 4” ที่จัดเป็นรอบพิเศษที่โรงภาพยนตร์แห่งหนึ่ง ในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา พวกเขายืนยันว่า ทุกๆ ฉากในหนังของสตอลโลนไม่ได้ต่างไปจากเรื่องจริงที่เกิดในพื้นที่

แรมโบ้ตอนล่าสุดนี้ได้ฉายภาพความโหดร้ายของทหารพม่า ที่เข้าปราบปรามชนกลุ่มน้อยชนชาติปกากะญอในแนวชายแดนติดกับไทย ตั้งแต่การยิงกราดเข้าใส่หมู่บ้าน สังหารผู้คนแบบไม่จำแนก การจับกุมคุมขังตามอำเภอใจ การทรมานระหว่างการสอบสวน และ ข่มขืนผู้หญิง

หลังจากลังเลอยู่ระยะหนึ่ง จอห์น แรมโบ ก็รวบรวมพลพรรคจำนวนหนึ่งลักลอบข้ามแดนจากประเทศไทยเข้าไปเพื่อติดตามกลุ่มเผยแผ่ศาสนากลุ่มหนึ่งที่เข้าไปให้ความช่วยเหลือแก่ชาวกะเหรี่ยงเหล่านั้น ภายใต้สโลแกน “Live for nothing, die for something”

ไม่มีผู้ใดข้ามพรมแดนกลับมายังฝั่งไทย และสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงเทพฯ ปฏิเสธที่จะช่วยติดตามหา

ผู้ชมพากันปรบมือกึกก้องโรงภาพยนตร์ เมื่อแรมโบ้กับพลพรรคไปถึงที่เกิดเหตุ ช่วยเหลือตัวประกัน และ ยิงสังหารทหารพม่าล้มตายไปอย่างมากมาย ในการสู้รบที่ดุเดือดเลือดพล่านตามสไตล์ของแรมโบ้

“มันก็เหมือนกับในภาพยนตร์แรมโบ้ พม่ากำลังรอคอยพระเอกหรือใครสักคนหนึ่งเพื่อนำการปฏิวัติ” หม่องซอว์ (Maung Zaw) วิศวกรชาวพม่าที่ได้ไปดูภาพยนตร์เรื่องนี้กล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพี

นายตูเยง (Thu Yein) ผู้ชมอีกคนหนึ่ง บอกว่า หนังได้สะท้อนเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงในพม่า ตัวเขาเองรู้สึกเศร้ามากที่ได้เห็นเหตุการณ์นี้บนจอ

“ผมไม่สามารถที่จะเป็นอย่างแรมโบได้ แต่ก็จะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อประเทศชาติ” นายเยงกล่าว

นายอาการ อ่อง (Ahkar Aung) กล่าวหลังออกจากโรงภาพยนตร์ว่า “มันได้เตือนให้เราได้ตระหนักถึงการไร้ความปรานีของพวกทหาร”

นางอองสะยาร์ปี (Aung Sayar Pyi) แห่งกลุ่มพม่าโพ้นทะเลผู้รักชาติ (Overseas Burmese Patriots) ซึ่งจัดการไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้ กล่าวว่า ได้จองตั๋วทั้งหมดจำนวน 600 ใบ สำหรับสมาชิก และรู้สึกยินดีที่กิจกรรมนี้ได้รับความสำเร็จ

ผู้จัดกิจกรรม กล่าวว่า ได้รับอนุญาตจากทางการสิงคโปร์ให้จัดภาพยนตร์รอบพิเศษนี้ได้ ก่อนที่หนังจะเข้าฉายในโรงอย่างเป็นทางการ

ผู้ชมพากันลุกยืนแสดงความเคารพเมื่อมีการเปิดเพลงชาติพม่า ผ่านทางระบบเสียงในโรงภาพยนตร์แห่งนั้น มีการปราศรัย และจบลงด้วยเสียงไชโยโห่ร้อง

ในเดือน ก.ย.ปีที่แล้วทางการพม่าได้ใช้กำลังติดอาวุธเข้าปราบปรามประชาชนที่เดินขบวนประท้วงจำนวนหลายแสนคนอย่างรุนแรง

ประชาชนได้พร้อมใจกันลงสู่ท้องถนนโดยมีพระสงฆ์เป็นแกนนำ พากันประท้วงการที่รัฐบาลขึ้นราคาน้ำมัน และก๊าซหลายเท่าตัวโดยไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า ทำให้เกิดความเดือดร้อนกันไป

การประท้วงค่อยๆ ลามจากกรุงย่างกุ้ง ไปยังมัณฑะเลย์ (Mandalay) สิตต่วย (Sittwe) หงสาวดี (Bago) เมืองแปร (Prome) และ เมืองใหญ่น้อยอื่นๆ ทั่วประเทศ นับเป็นการเดินขบวนต่อต้านรัฐบาลที่ใหญ่ที่สุดในรอบ 20 ปี

องค์การสหประชาชาติ กล่าวว่า จนถึงปัจจุบันพบผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 30 รายได้

อย่างไรก็ตาม องค์การ Human Rights Watch ที่ติดตามความเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนทั่วโลก และมีสำนักงานใหญ่ในนครนิวยอร์กกล่าวเมื่อเร็วๆ นี้ ว่า พบผู้เสียชีวิตแล้วประมาณ 100 ราย อีกหลายร้อยคนยังคงถูกคุมขัง โดยไม่นับรวมกับนักโทษการเมืองอีกประมาณ 1,100 คน

ในสิงคโปร์มีชาวพม่าอาศัยอยู่ประมาณ 30,000 คน หลายคนไปที่นั่นเพื่อทำงานรับจ้างขายแรงงานตามท่าเรือซึ่งได้รับค่าตอบแทนสูงกว่าอย่างเทียบกันไม่ได้กับการเป็นกรรมกรในประเทศบ้านเกิด

รัฐบาลสิงคโปร์ควบคุมการชุมนุมต่างๆ อย่างรัดกุมมาก การเดินขบวนเป็นสิ่งที่ไม่อาจจะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ แต่ในเดือน ก.ย.ปีที่แล้ว ทางการได้อนุญาตให้ชาวพม่านับหมื่นคนชุมนุมใหญ่ประท้วงการปราบปรามของรัฐบาลทหารในประเทศ

“เราอยากจะสร้างความสนใจเพื่อสนับสนุนอะไรต่างๆ ในพม่า และแสดงให้ประจักษ์ว่ามันเกิดสิ่งเลวร้ายอะไรบ้างที่นั่น” สะยาร์ปี กล่าว

เมื่อภาพยนตร์จบลง ผู้ชมพากันยืนขึ้นและปรบมือเสียงดังยาวนานติดต่อกันประมาณ 80 วินาที ผู้จัดกิจกรรมนี้กล่าวว่า เลข 8 เป็นเลขสำคัญ ซึ่งหมายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเดือน 8 ปี (19)88

สมาชิกกลุ่ม HRW ได้เสี่ยงชีวิตเข้าไปในหมู่บ้านชนกลุ่มน้อยชนชาติปกากะญอตามแนวชายแดนติดกับไทย ถ่ายภาพออกมาเป็นหลักฐาน ยืนยันการกล่าวหาที่ว่า ทหารพม่าได้ข่มขืนสตรีบังคับใช้แรงงาน ตลอดจนการสังหารโดยไม่มีการไต่สวน

ชนชาติส่วนน้อยชาวปกากะญอได้จัดตั้งกองทัพขึ้นต่อสู้กับรัฐบาลกลางมาเป็นเวลากว่า 60 ปีแล้ว และ ได้กลายเป็นสงครามกลางเมืองที่ยาวนานที่สุดในโลก

ภาพยนตร์แรมโบ ที่เชื่อว่า จะเป็นภาคสุดท้ายนี้ สร้าง กำกับ และแสดงนำโดย สตอลโลน นอกจากนั้น พระเอกของเรื่องยังได้ร่วมในการเขียนบทอีกด้วย

สตอลโลน กล่าวที่กรุงมาดริดในช่วงสุดสัปดาห์ว่าเขาพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับผู้นำทางทหารในพม่า เพื่อที่จะเปิดโปงการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เขาได้พบเห็นในช่วงที่กำลังถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ตามแนวชายแดนไทย เดือน ก.ย.ปีที่แล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น