xs
xsm
sm
md
lg

ต้องรีบๆ ไปชม..ก่อนเขมรจะปิดนครวัด!?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online



ทางการกัมพูชากำลังเตรียมแผนการที่จะปิดกั้นมิให้นักท่องเที่ยวเข้าไปในเขตปราสาทนครวัด หลังจากมีสภาพเสื่อมโทรมลงทุกวันๆ จากน้ำหนักตัวของนักท่องเที่ยวปีละนับล้านๆ คนจากทั่วโลก

หมายความว่า นักท่องเที่ยวรุ่นหลังจะไม่มีโอกาสเข้าไปชมถึงชั้นในองค์ปราสาท และทำได้แค่ชมความยิ่งใหญ่อลังการจากภายนอกเท่านั้น ไม่สามารถเข้าไปชมระเบียงคด และภาพสลักงดงามความยาวรวมกันกว่า 600 เมตรได้

ทางการกัมพูชาได้ห้ามนักท่องเที่ยวปีนขึ้นไปยังชั้นบนขององค์ปราสาทมาระยะหนึ่งแล้ว ท่ามกลางเสียงเรียกร้องจากหลายฝ่ายที่ต้องการให้มีมาตรการเข้มงวดมากกว่านี้ เพื่ออนุรักษ์องค์ปราสาทที่มีอายุ 1,000 ปี รวมทั้งป้องกันศิลปะล้ำค่าต่างๆ จากการถูกทำลาย หรือได้รับความเสียหาย

รูปสลักนางอัปสร (Apsara) บนผนังนครวัดหลายรูปได้รับความเสียหาย เนื่องจากการกัดกร่อนของความเค็มจากมือของนักท่องเที่ยว ที่ลูบคลำติดต่อกันมาเป็นเวลา 20 ปี นับตั้งแต่กัมพูชาเปิดปราสาทนครวัดเป็นสถานที่ท่องเที่ยว หลังสงครามกลางเมืองสงบลง

นายทองคูน (Thong Khon) รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยว เปิดเผยเมื่อเร็วๆ นี้ ว่า ในเร็วๆ นี้กำลังจะมีการออกมาตรการเพิ่มความเข้มงวดเกี่ยวกับการเที่ยวชมปราสาทนครวัด

ตามรายงานของสื่อในกัมพูชา มาตรการในชั้นแรกอาจจะยังไม่ถึงกับปิดตาย ห้ามนักท่องเที่ยวเข้าไปในชั้นใน แต่อาจจะเปิดให้เข้าชมได้เป็นบางเวลา และใช้เวลาในการเที่ยวชมสั้นลง มิให้เดินเที่ยวได้อย่างเสรีอย่างเช่นในปัจจุบัน

นอกจากนั้น ทางการอาจจะจัดเก็บค่าเข้าชมปราสาทในราคาแพงอีกด้วย
<CENTER><FONT color=#3366ff> วันข้างหน้าซึ่งยังไม่รู้ว่าเมื่อไร อาจจะต้องชมความอลังการของปราสาทนครวัดจากระยะไกลขนาดนี้ก็เป็นได้ การปล่อยให้นักท่องเที่ยวนับล้านเข้าไปถึงชั้นในกำลังทำลายปราสาทนครวัดให้ผุกร่อนลงทุกวันๆ  </FONT></CENTER>
<CENTER><FONT color=#3366FF> อาจจะหมดโอกาสเข้าไปเที่ยวชมภาพสลักนูนต่ำและความล้ำค่าเชิงโบราณคดีและประวัติศาสตร์กับความงดงามทางสถาปัตยกรรม </FONT></CENTER>

นักท่องเที่ยวนิยมปีนป่ายบันไดที่สูงชันหลายสิบขั้นขึ้นไปยังชั้นบนขององค์ปราสาท โดยเชื่อว่า เป็นการปีนป่ายขึ้นไปสู่ที่ประทับของกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ในยุคโบราณ ซึ่งจำลองให้เป็นสรวงสวรรค์ การปีนขึ้นไปให้ถึง จึงเหมือนกับได้ขึ้นสวรรค์

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวหลายคนที่ร่างกายไม่แข็งแรงพอ และพลัดตกขณะกำลังปีนขึ้นไป ทำให้ได้รับบาดเจ็บ หลายคนพิการ และถึงแก่ชีวิตก็เคยมี

หลังปิดซ่อมมาระยะหนึ่งเมื่อปีที่แล้ว ปัจจุบันทางการได้ใช้เชือกกั้นห้ามนักท่องเที่ยวปีนขึ้นชั้นบนได้อีก

“ช่วงเวลาแห่งการเที่ยวนครวัดฟรีๆ ใกล้จะหมดลงแล้ว” เว็บการท่องเที่ยวแห่งหนึ่งสะท้อนรายงานของสื่อกัมพูชา

อย่างไรก็ตาม ก่อนจะถึงเวลานั้น จะมีการเตือนล่วงหน้าและมีการเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกรีบๆ ไปชมก่อนจะหมดโอกาสที่จะได้เข้าใกล้ชิดกับองค์ปราสาท

ที่ผ่านมา รัฐบาลกัมพูชาได้ออกมาตรการหลายอย่างในความพยายามอนุรักษ์มรดกโลกแห่งนี้ รวมทั้งอุบายที่จะให้นักท่องเที่ยวต้องสวมรองเท้าพื้นยาง หรือรองเท้าผ้า ในการเดินเที่ยวชมชั้นในของปราสาท

ทางการยังได้เคยห้ามรถบัสโดยสารขนาดใหญ่ กับรถบรรทุกแล่นเข้าไปในทั่วทั้งอาณาบริเวณเมืองพระนคร (Angkor Wat) หรือ นครวัด เพื่อป้องกันพื้นดินทรุด

แต่ที่ผ่านมา แผนปฏิบัติการหลายอย่างก็ไม่สามารถนำไปสู่การปฏิบัติจริงได้ เนื่องจากได้รับการคัดค้านจากผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว รวมทั้งนักท่องเที่ยวก็ร้องเรียนว่าไม่ได้รับความสะดวก

แต่ในขณะเดียวกัน ทางการกัมพูชาได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ฐานที่ปล่อยให้นักท่องเที่ยวเข้าไปยังแหล่งประวัติศาสตร์ต่างๆ ได้อย่างเสรีเพียงเพื่อแลกกับเงิน

ในปัจจุบันปราสาทอายุนับพันปีหลายแห่งก็มีชะตากรรมไม่ต่างกัน รวมทั้งปราสาทบายนในเขตนครธม ที่อยู่ห่างออกไปเพียงประมาณ 3 กม.ปราสาทแปรรูปและบาปวนที่กำลังอยู่ระหว่างการบูรณะ

<CENTER><FONT color=#3366ff>รถบัสโดยสารจำนวนมากยังแล่นขนคนเข้าออกเขตเมืองพระนครอย่างเสรี ผืนดินเริ่มทรุดลงอย่างเห็นได้ชัด กระเทือนถึงองค์ปราสาทอย่างไม่มีทางเลี่ยง  </FONT></CENTER>
<CENTER><FONT color=#3366ff> ตุ๊กตุ๊ก หลายร้อยคันให้อาณาบริเวณเมืองพระนครเป็นแหล่งทำมาหากิน </FONT></CENTER>

<CENTER><FONT color=#3366ff>ห่างออกไปไม่ไกลจากปราสาทนครวัด</FONT><FONT color=#FF0000> ที่พนมบาแค็ง (Phnom Bakeng)</FONT><FONT color=#3366ff>นักท่องเที่ยวปีนป่ายขึ้นไปถ่ายรูปกันได้อย่างสะดวกใจขณะกำลังบูรณะ กัมพูชาถูกวิจารณ์มากฐานปล่อยปะละเลยเรื่องนี้ เพื่อเอาใจนักท่องเที่ยว </FONT></CENTER>
เมื่อปีที่แล้วมีนักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางไปเที่ยวกัมพูชาราว 2 ล้านคน คิดเป็นอัตราเพิ่มราว 20% เทียบกับปีก่อน

กระทรวงการท่องเที่ยวกำลังขยายแหล่งท่องเที่ยวออกไปยังสถานที่อื่นๆ อย่างกว้างขวาง รวมทั้งหาดทรายในเขตทะเลอ่าวไทย ที่ยังเป็นธรรมชาติ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มีทางเลือกมากขึ้นและใช้เวลาท่องเที่ยวในประเทศนี้ให้นานขึ้น

ในเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา ไทยกับกัมพูชาเซ็นความตกลงว่าด้วยการออกวีซ่าให้แก่นักท่องเที่ยวจากประเทศที่สามสามารถเดินทางเข้าทั้งสองประเทศได้ โดยขอวีซ่าจากต้นทางเพียงครั้งเดียว ซึ่งเชื่อว่าจะอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวได้มากขึ้น

ด้วยวิธีการดังกล่าว หลังจากขอวีซ่าจากสถานทูต หรือสถานกงสุลไทยหรือกัมพูชาในต่างแดนได้แล้ว เมื่อจะเดินทางผ่านไปยังอีกประเทศหนึ่งก็เพียงแต่ไปชำระค่าธรรมเนียมเข้าเมืองที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองเท่านั้น ไม่ต้องเสียเวลาขอวีซ่าอีกครั้ง
<CENTER><FONT color=#3366ff>หลายฝ่ายกำลังวิตกว่า ในอนาคตลูกหลานอาจจะไม่มีโอกาสได้เห็นความงดงามแห่ง อรุณรุ่งที่นครวัด เช่นนี้อีก </FONT>  </FONT></CENTER>
วิธีปฏิบัตินี้ทำให้ทั้งสองประเทศมีรายได้จากการเก็บค่าธรรมเนียมวีซ่าต่อไปตามปกติ แต่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของทั้งสองประเทศ ได้เข้าไปมีบทบาทในการจัดเก็บอีกหน่วยงานหนึ่ง

เจ้าหน้าที่ไทย กล่าวว่า ปัจจุบันนักท่องเที่ยวเดินทางไปเที่ยวกัมพูชาเป็นจำนวนมากขึ้นทุกวัน แต่ทั้งสองประเทศมีจุดดึงดูดการท่องเที่ยวที่แตกต่างกัน ประเทศไทยมีสถานทูตและสถานกงสุลมากกว่ากัมพูชาในทั่วโลก จึงเชื่อว่า สองฝ่ายจะได้รับประโยชน์จากความร่วมมือนี้อย่างเท่าเทียมกัน

เจ้าหน้าที่ของไทย เชื่อว่า ความตกลงดังกล่าวอาจจะสามารถเริ่มปฏิบัติได้ภายในเดือน มี.ค.-เม.ย.ศกนี้ หลังจากการกระทรวงมหาดไทยแก้ไขกฎกระทรวงเกี่ยวกับการตรวจคนเข้าเมือง
กำลังโหลดความคิดเห็น