ยุคนี้ องค์กรที่คิดรอบด้านและมุ่งสร้างผลดีที่ยั่งยืน พากันทำตัวและสื่อสารในแนวทางESG คือผลิตสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม(Environmental) สร้างผลดีต่อสังคมผู้เกี่ยวข้อง(Social)และบริหารจัดการด้วยหลักธรรมาภิบาล(Governance)
ยุคนี้ ESG จึงไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นทางรอด เพราะบัดนี้กลายเป็นคุณสมบัติในกติกาโลกธุรกิจยุคใหม่ ที่นักลงทุนมืออาชีพใช้พิจารณา ที่จะ คบ-ค้า หรือซื้อหุ้นบริษัทใด ตลาดหลักทรัพย์ฯจึงกำหนดให้บจ.เปิดเผยผลลัพธ์ใน “รายงานความยั่งยืน”
ในโอกาสครบรอบ 13 ปีของทีมข่าวGreen&SD สื่อในเครือผู้จัดการที่มุ่งเน้นสื่อสารบทบาทขององค์กรภาครัฐและเอกชน ที่โดดเด่นในแนวทางESG และมีกลยุทธ์และวิธีการเร่งลดมลภาวะ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ที่ทำให้ภูมิอากาศโลกรวน จนเกิดภัยธรรมชาติร้ายแรง และกระทบความหลากหลายของชีวภาพ จนเกิดความเสี่ยงต่อคุณภาพและปริมาณพืชและสัตว์วัตถุดิบทำอาหาร
ตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน(SDGs17ข้อ)ที่ไทยเราร่วมในภาคีสหประชาชาติ193ประเทศช่วงปี 2015 ได้ยืนยันแผนทำให้เกิดผลคืบหน้าสู่เป้าหมายภายในปี2030 และในการประชุมความคืบหน้าCOP26 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเมื่อปี 2021 ได้ไปประกาศเป้าหมายเป็นกลางทางคาร์บอน(Carbon Neutrality)ภายใน 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero)ภายใน 2065
ทั้งในระดับโลกและประเทศไทย จึงมีการออกมาตรการบังคับและสนับสนุน ภาครัฐและเอกชนไปสู่การบรรลุเป้าหมาย เช่นผลักดันสู่ “สังคมคาร์บอนต่ำ” มีการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ส่งเสริมGreen Finance การปลูกป่าสร้างคาร์บอนเครดิต ที่มีระบบการรับรองมูลค่าซื้อขายได้ อีกทั้งการรายงานผลร่องรอยการปล่อยคาร์บอน(Cabon Footprint)
โดยเฉพาะข้อบังคับใหม่ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นปลายปีนี้ คือพ.ร.บ.อากาศสะอาด และภายในปีหน้าจะมีพ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ออกมาประกาศใช้ ดังนั้นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ในทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ต้องตระหนักรู้ และปรับวิธีคิดและการกระทำใหม่ ให้สอดคล้องวัตถุประสงค์ตามกฎระเบียบ ในแนวทางการบริหารที่ “เก่ง+ดี” จึงจะเป็นที่ยอมรับในทางสากล
ถ้าถามว่าหลักESG ตามกติกาโลกธุรกิจยุคใหม่น้ัน คุณคิดว่าเป็นปัญหา อุปสรรคหรือเป็นโอกาส ?
ก่อนตอบ ลองตั้งหลักให้เหมาะ… ก็เมื่อเป็นกติกาบังคับ ซึ่งทุกกิจการต้องอยู่ในกติกา
นี่จึงเป็น “วิกฤตหรืออุปสรรค”สำหรับกลอนที่ไม่ปรับตัวให้ทันการณ์-ทันเกม แต่กิจการที่รู้จักปรับตัวให้ทันกฎกติกา หรือพร้อมก่อน ก็ย่อมเป็น “โอกาส”ในการได้ลูกค้าหรือคู่ค้า และพันธมิตรธุรกิจ เพราะได้เพิ่มความสามารถในการแข่งขันตามกติกาและความต้องการของลูกค้ายุคที่ต้องการพลังงานสะอาด สินค้าและบริการที่ไม่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนะครับ
ในโอกาสนี้จึงขอชวนท่านผู้อ่านทั้งโดยส่วนตัวและองค์กร ที่ร่วมจุดมุ่งหมายเดียวกัน ในการพัฒนาที่สมดุลอย่างยั่งยืน คือ 1.สร้างเศรษฐกิจธุรกิจเจริญก้าวหน้า 2.สร้างผลดีต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 3.ใช้ทรัพยากร ธรรมชาติอย่างคุ้มค่า และไม่สร้างมลพิษให้โลก 4. ยึดหลักธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการ ด้วยความสุจริต ถูกต้องตามกฎระเบียบ และด้วยความเป็นธรรมต่อผู้เกี่ยวข้องรอบด้าน