xs
xsm
sm
md
lg

EXIM BANK ผลักดันธุรกิจไทย Go Green Go Blue สร้าง Supply Chain ที่แข็งแกร่งและยั่งยืน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ทุกประเทศทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยมุ่งสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนโดยเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อม รัฐบาลไทย ประกาศเจตนารมณ์ที่จะบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2593 และ บรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2608 

ทุกภาคส่วนทั้ง ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนจึงร่วมกันสร้างเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) ดูแลรักษาและใส่ใจ สิ่งแวดล้อมโลกมากขึ้น เพื่อลดผลกระทบจากวิกฤตโลกร้อน ซึ่งการเดินหน้าสู่ Green Economy อย่างสมบูรณ์จะเกิดขึ้นไม่ได้หากละเลยความสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจสีน้ำเงิน (Blue Economy)

Blue Economy มีความสำคัญต่อโลกอย่างยิ่ง ราว 3,000 ล้านคนทั่วโลก หรือเกือบ 40% ของประชากรโลกพึ่งพาอาหารและรายได้จากทะเล มูลค่าเศรษฐกิจทางทะเลจึงมีสูงถึง 2.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และ 80% ของปริมาณการค้าโลกมาจากการขนส่งทางทะเล แต่การใช้ทรัพยากรทางทะเลอย่างไม่มีประสิทธิภาพและการ กระทำของมนุษย์ทำให้โลกเสื่อมโทรมและเกิดมลพิษมากขึ้น ส่งผลให้ความอุดมสมบูรณ์และระบบนิเวศทางทะเล เสียสมดุล

ดร.รักษ์วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า การเชื่อมโยงของทรัพยากรธรรมชาติบนบกและทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลทำให้ขนาดของปัญหาในการดูแลรักษาใหญ่เกินกว่าธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งจะรับมือได้ ต้องอาศัยความร่วมมือกันทุกภาคส่วน ทำให้ความต้องการเงินทุนเพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ (Green Finance) สูงขึ้นเรื่อย ๆ จึงเกิดผลิตภัณฑ์ทางการเงินสีเขียวที่หลากหลาย เช่น ตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืน (Sustainability Bond) พันธบัตรเพื่อพัฒนาสังคม (Social Bond) พันธบัตรเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) กองทุนรวมตราสารทุนสีเขียว (Green Equity Funds)และพันธบัตรสีน้ำเงิน (Blue Bond)

EXIM BANK ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง ในบทบาทของ Green Development Bank สานพลังกับภาครัฐและภาคเอกชนร่วมสร้าง Ecosystem ที่นำไปสู่การเติบโตของเศรษฐกิจสีเขียว โดยเป็น Playmaker จัดสรรเงินทุนและทรัพยากรเพื่อสนับสนุนให้ภาคธุรกิจดำเนินงานโดยคำนึงถึงเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนตามเป้าหมายของประเทศ

EXIM BANK ได้ระดมทุนด้วยผลิตภัณฑ์ทางการเงินสีเขียวอย่างต่อเนื่อง โดยระดมทุนผ่านพันธบัตรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) ในปี 2565 จำนวน 5,000 ล้านบาท ในปี 2566 ระดมทุนด้วยพันธบัตรอนุรักษ์ สิ่งแวดล้อมเพื่อ SMEs (SME Green Bond) อายุ 3 ปี จำนวน 3,500 ล้านบาท และในปี 2567 EXIM BANK เป็น สถาบันการเงินแห่งแรกของไทยที่ระดมทุนผ่านพันธบัตรเพื่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรทางทะเล (Blue Bond) อายุ 3 ปี จำนวน 3,000 ล้านบาท ภายใต้ SustainableFinance Framework ซึ่งธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) เป็นที่ปรึกษาการจัดท าและให้การรับรอง โดย DNV (Thailand) Co., Ltd.องค์กรรับรองมาตรฐานชั้นนำระดับโลก และได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ AAA จาก Fitch Ratings เพื่อนำไปใช้สนับสนุนสินเชื่อของ ธนาคารให้แก่ธุรกิจที่อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางทะเลและชายฝั่ง

ดร.รักษ์กล่าวว่า จากข้อมูลของ ADB ระบุว่า ประเทศไทยมีมูลค่าเศรษฐกิจทางทะเลและที่เกี่ยวเนื่องถึง 30% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ครอบคลุมในหลายอุตสาหกรรม เช่น การท่องเที่ยว พาณิชยนาวี อุตสาหกรรมอาหารทะเล และการประมง คิดเป็นสัดส่วนการจ้างงานถึง 26% ของการจ้างงานรวมของประเทศ จึงต้องให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืน การออก Blue Bond ของ EXIM BANK ในครั้งนี้นับเป็นนวัตกรรมทางการเงินที่ช่วยเติมเต็มเศรษฐกิจสีเขียว ผนวกกับเศรษฐกิจสีน้ำเงิน เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจควบคู่กับการดูแลรักษาระบบนิเวศอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ประเทศไทย “IGNITE THAILAND” ตามนโยบายของรัฐบาลที่จะพัฒนาประเทศไทยให้เป็น Financial Hub ในภูมิภาค

“EXIM BANK ได้ทำหน้าที่เป็น Lead Bank นำพาผู้ประกอบการไทยไปปักหมุดธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ จำนวนกว่า 400โครงการ กำลังการผลิต 8,800 เมกะวัตต์ ลดการปล่อยคาร์บอนได้ มากกว่า 100 ล้านตัน โดยเป็นการสนับสนุนทางการเงินกว่า 68,600 ล้านบาท สร้างมูลค่าการลงทุนกว่า 578,300 ล้านบาท ส่วนการดูแลรักษาทรัพยากรทางทะเลก็ให้ความสำคัญกับธุรกิจพาณิชยนาวีให้เป็น Green Logistic และยังจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อบรรลุเป้าหมายเพิ่มสัดส่วน Green Portfolio และที่เกี่ยวเนื่อง จาก 38% ใน ปัจจุบัน ให้เป็น 50% ภายในปี 2570” ดร.รักษ์กล่าว


นอกจากนี้ EXIM BANK ยังได้สนับสนุนภาคธุรกิจปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สร้าง Green Supply Chain ด้วยการเปลี่ยนผ่านเศรษฐกิจและธุรกิจไทยไปพร้อมกันบนพื้นฐานของความยั่งยืน โดยการเติมความรู้ เติมโอกาส และเติมเงินทุน เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะ SMEs มีจุดยืนบนเวทีโลกอย่างภาคภูมิ รวมถึงกลุ่มเปราะบางทางสังคม มีองค์ความรู้และพื้นฐานอาชีพที่มั่นคงก่อนจะขยายไปสู่ตลาดโลก

ดร.รักษ์กล่าวต่อไปว่า ในการสนับสนุนให้ประเทศไทยเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจสีเขียว EXIM BANK ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ เช่น บริการสินเชื่อ EXIM Solar D-Carbon Financing สนับสนุนเงินทุนติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ โดยได้รับสิทธิการขึ้นทะเบียนรับรองคาร์บอนเครดิต "โครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานประเทศไทย (T-Ver)" สินเชื่อ EXIM Green Start เงินทุนหมุนเวียนเพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการทุกขนาดที่ทำธุรกิจเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สินเชื่อ EXIM Green Goal เงินลงทุนเพื่อการปรับปรุงโครงการให้ดำเนินธุรกิจและบริการอย่างมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (ESG) รวมทั้งสินเชื่อเพื่อธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและ Blue Economy ครอบคลุมทุกขนาดธุรกิจ

ด้วยความมุ่งมั่นเป็นมากกว่าธนาคาร EXIM BANK ยังได้ร่วมมือกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือน กระจกกระตุ้นให้ภาคธุรกิจขึ้นทะเบียนลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจ ผลักดันให้เกิดการซื้อขายคาร์บอนเครดิต ขึ้นในประเทศไทย สนับสนุนการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน 


ผู้ประกอบการที่สนใจจะขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนบนเวทีการค้าโลก สามารถปรึกษา EXIM Contact Center 0 2169 9999


กำลังโหลดความคิดเห็น