พลายโค๊กช้างป่าเขาอ่างฤาไน ที่ได้รับบาดเจ็บจากการถูกยิงและได้รับการดูแลรักษาจากทีมสัตวแพทย์นานร่วม 4 เดือน ได้เสียชีวิตแล้วตอนเวลา 18:16 น. เมื่อวานนี้ (19 เมษายน 2565)
อาการล่าสุดก่อนเสียชีวิต เกิดภาวะช็อค ทีมสัตวแพทย์พยายามช่วยเหลือเต็มที่ก็ไม่มีสัญญาณชีพกลับมา ต่อจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการผ่าซาก ณ หน่วยพิทักษ์ป่าสีระมัน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน พบกระสุนกระจายทั่วร่างถึง 39 นัด
วันนี้ (20 เมษายน 2565) นางสาวมัชฌมณ แก้วพฤหัสชัย หัวหน้าศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ 2 (กระบกคู่) เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 19 ถึง 20 เมษายน 2565 ทีมสัตวแพทย์และสัตวบาลจากศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ 2 (กระบกคู่) ร่วมกับหัวหน้าชุดเคลื่อนที่เร็วเฝ้าระวัง ผลักดันช้างป่าและแก้ไขปัญหาช้างป่าออกนอกพื้นที่ชุดที่ 6 เจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ป่าสีระมัน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน อาสาสมัครในพื้นที่ตำบลพลวงทองและตำบลห้วยทับมอญ และกลุ่มอนุรักษ์ช่วยเหลือสัตว์ป่า เข้าติดตามและรักษาอาการบาดเจ็บของช้างป่า “พลายโค้ก” บริเวณพื้นที่ข้างโรงเรียนบ้านคลองยาง หมู่ที่ 8 ตำบลบ่อทอง อำเภอบ่อทอง จังหวัดชลบุรี อยู่ภายในรั้วไฟฟ้าชั่วคราวจากพลังงานแสงอาทิตย์
พลายโค๊ก นอนตะแคงเอาตัวฝั่งซ้ายลง เนื่องจากมีอาการปวดทั้งขาหน้าซ้ายและขวา แผ่นตีนหน้าซ้ายมีการสร้างเนื้อเยื่ออ่อนขึ้นมาใหม่ เริ่มเป็นแผ่นแข็งขึ้นมาในส่วนหน้า แต่มีการติดเชื้อพบหนองเหนียวข้นใต้แผ่นตีนที่มีเนื้อใหม่สร้างขึ้นมา พบว่าหนองลดลง และมีเนื้อแดงสร้างขึ้นมาใหม่ ขาหน้าขวาบริเวณข้อเท้าบวมอักเสบขึ้นมาทำให้ไม่ลงน้ำหนัก ได้ทำการเอกซเรย์บริเวณข้อเท้าที่บวม พบว่ามีวัตถุแปลกปลอมคล้ายโลหะอยู่ภายใน
โดยพลายโค๊กกินอาหารมากกว่าปกติ ขับถ่ายปกติ มีปัสสาวะมากกว่าปกติ เจ้าหน้าที่ทำการล้างแผลบริเวณแผ่นตีนหน้าซ้าย พ่นไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์เจือจางและโพวิโดนไอโอดีนเจือจาง ทายารักษาการติดเชื้อ ทาครีมรักษาการติดเชื้อ และพันแผลกันน้ำฉีดยาลดปวดลดอักเสบ ให้กินยารักษาการติดเชื้อ โปรตีนอัลบูมิน แบนเนอร์โปรตีน ซิงค์ วิตามินซี แคลเซียม ยาบำรุงตับ และยาบำรุงเลือด
สำหรับผลเลือดที่เจาะตรวจเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2565 มีค่าไตสูงกว่าปกติเล็กน้อย สำหรับค่าเลือดอื่นๆ รอผลเลือดจากห้องปฏิบัติการ หากได้รับผลแล้วจะรายงานให้ทราบต่อไป เมื่อล้างแผลบริเวณแผ่นตีนหน้าซ้ายเสร็จ ได้ช่วยให้พลายโค้กพยายามลุกขึ้นยืนเพื่อจะทำการรักษาแผลบริเวณอื่นๆ ของลำตัวต่อ เนื่องจากมีฝนตกหนัก พื้นดินลื่นเป็นโคลน ทำให้พลายโค้กลุกนั่งทรงตัวได้ลำบาก พลายโค้กได้พยุงตัวลุกขึ้นทั้งหมด 2 ครั้ง ครั้งที่ 2 เนื่องจากเจ็บขาหน้าทั้ง 2 ข้างมาก จึงพยายามพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นได้ยากลำบาก ทำให้ล้มนอนลงไปแล้วเกิดภาวะช็อกขึ้นมา
ทีมสัตวแพทย์และสัตวบาลได้ให้ยากันช็อคและสารน้ำเข้า ทางหลอดเลือดดำ รวมไปถึงการกระตุ้นด้วยวิธีอื่นๆ เพื่อช่วยชีวิต แต่ปรากฏว่าไม่มีสัญญาณชีพกลับมา พลายโค้กเสียชีวิตเมื่อเวลา 18:16 น. จึงทำการผ่าซากพลายโค้ก ณ หน่วยพิทักษ์ป่าสีระมัน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน ก่อนเคลื่อนย้ายพลายโค้กได้นิมนต์พระสงฆ์มาประกอบพิธีทางศาสนา
ทั้งนี้ผลผ่าซากพลายโค้ก พบว่าปอดมีการคั่งของเลือด ม้ามมีขอบมนเล็กน้อย และพบการคั่งเลือด ตับมีสีซีด มีขอบมนเล็กน้อย พบปื้นสีขาวขนาดประมาณ 8 x 6 เซนติเมตร ไตมีการคั่งของเลือด แคปซูลลอกออกยาก ทั้งข้างซ้ายและขวา ในช่องท้องพบว่ามีน้ำใสปริมาณมาก แผลบริเวณขาหน้าขวา เมื่อผ่าเข้าไปข้างในพบว่ากล้ามเนื้อไม่เสียหายและบริเวณปากแผลตื้นมากใกล้ปิดแล้ว และไม่ลึกถึงกระดูก แผลบริเวณขาหน้าซ้ายลึกเป็นโพรงลงไปด้านล่างและมีเนื้อตายสีดำ ทำการสแกนโลหะและผ่าเอาวัตถุแปลกปลอมออกมา พบว่ามีโลหะกระสุนปืนอยู่ทั่วตัว ที่ผ่าออกมาได้ ทั้งหมด 39 เม็ด
ชมคลิป รายงานทางการแพทย์จากการผ่าชันสูตรพลายโค๊ก ตามลิงก์ https://www.facebook.com/1293664979/videos/1071119287084334/
ทั้งนี้สัตวแพทย์ได้เก็บตัวอย่างชิ้นเนื้อส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ เพื่อวินิจฉัยและตรวจโรคที่สำคัญอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาสาเหตุเสียชีวิตต่อไป เบื้องต้นสันนิษฐานสาเหตุการเสียชีวิตอาจเกิดจากระบบหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน เจ้าหน้าที่ได้ทำการถอดงาออกทั้ง 2 ข้าง เก็บรักษาไว้ที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน เพื่อส่งมอบงาช้างไปเก็บรักษาตามระเบียบต่อไป จากนั้นจึงทำการฝังกลบและโรยปูนขาวตามหลักวิชาการเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค ณ หน่วยพิทักษ์ป่าสีระมัน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน
ทั้งนี้ กรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้แสดงความขอบคุณคณะเจ้าหน้าที่ ซึ่งประกอบไปด้วยอาสมัครในพื้นที่ตำบลพลวงทองและอำเภอห้วยทับมอญ กลุ่มอนุรักษ์ช่วยเหลือสัตว์ป่า เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไนทุกหน่วย และผู้ที่ไม่ได้เอ่ยนาม คนไทยทั่วประเทศที่ติดตามให้การช่วยเหลือและสนับสนุนในการรักษาพลายโค๊กมานานร่วม 4 เดือน
ข้อมูลอ้างอิง ประชาสัมพันธ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช