Strip Test ชุดตรวจสอบการปลอมปนเนื้อสัตว์ต้องห้ามในอาหารฮาลาลแบบฉับ ใช้งานง่าย ได้ผลแม่นยำ ตรวจหาดีเอ็นเอสัตว์ได้ถึง 5 ชนิดพร้อมกันในการตรวจเพียงครั้งเดียว นวัตกรรมล่าสุดจากศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาฯ
อาหารปลอมปนเนื้อสัตว์ต้องห้ามในบทบัญญัติศาสนาเป็นข้อห่วงใยสำคัญของมุสลิมทั่วโลก จากสถิติสำรวจพบประเทศไทยเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ตรวจพบเนื้อสุกรปลอมแปลงเป็นเนื้อวัว ในอินโดนีเซียพบเนื้อหนูเจือปนในอาหาร และในเวียดนามพบเนื้อสุนัขปนเปื้อน ขณะที่ออสเตรเลียและมาเลเซียปรากฏอาหารฮาลาลปลอมปนเนื้อจิงโจ้
การปลอมปนดังกล่าวไม่เพียงผิดข้อกำหนดทางศาสนาอิสลาม แต่ยังส่งผลด้านความปลอดภัยต่อสุขภาพของผู้บริโภคไม่ว่าจะนับถือศาสนาใดก็ตาม
จากข้อห่วงใยข้างต้น ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้คิดค้น Strip Test ชุดตรวจหาเนื้อสัตว์ปลอมปนที่ผู้บริโภคและผู้ประกอบการผลิตอาหารสามารถตรวจสอบการปนเปื้อนในอาหารได้ด้วยตัวเอง
“นวัตกรรมนี้ตอบโจทย์ความกังวลเรื่องอาหารให้กับผู้บริโภคมุสลิมและบุคคลทั่วไปได้อย่างแน่นอน Strip Test อาศัยหลักการทำงานของการตรวจวิเคราะห์ดีเอ็นเอเป้าหมาย จึงให้ผลตรวจสอบที่แม่นยำถูกต้อง 100% ภายใน 3 ชั่วโมง เร็วกว่าการส่งตัวอย่างไปตรวจสอบในห้องปฏิบัติการที่ปกติจะใช้เวลาหนึ่งถึง 5 วันทำการ นอกจากนี้ ยังใช้งานง่าย ราคาถูกและสะดวกอีกด้วย” อาณัฐ เด่นยิ่งโยชน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการและหัวหน้ากลุ่มภารกิจบริการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาฯ กล่าว
นอกจากจะลดต้นทุนด้านเวลาในการตรวจสอบแล้ว Strip Test ยังตรวจการปนเปื้อนของสัตว์ต้องห้ามในอาหารพร้อมกันในการตรวจเพียงครั้งเดียวได้ถึง 5 ชนิด ได้แก่ สุกร สุนัข แมว หนู และลิง ทั้งยังใช้ตรวจสอบผลิตภัณฑ์อาหารได้ทั้งอาหารสด อาหารแปรรูป และวัตถุดิบอื่นๆ ด้วย
“เราอยากให้ผู้บริโภคมุสลิมและประชาชนทั่วไป รวมทั้งผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารสามารถตรวจสอบอาหารได้ด้วยตัวเอง ลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฎิบัติการเพื่อความปลอดภัยและสบายใจในการบริโภคอาหารฮาลาลของทุกคน”
อาณัฐ เผยที่มาของการพัฒนาชุดตรวจ StripTest ที่ต่อยอดจากเทคโนโลยี HRMA (High Resolution Melting Analysis) ที่ใช้อยู่ในห้องปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์ฮาลาล เพื่อตรวจสอบการปนเปื้อนสัตว์ต้องห้ามในอาหารฮาลาล 9 ชนิด ได้แก่ สุกร สุนัข แมว หนู ลิง ลา งู จระเข้ และกบ นอกจากนี้ ที่ผ่านมาศูนย์ฯ ยังได้ให้บริการสาธารณะ อาทิ การตรวจสอบแหล่งที่มาของเจลาติน ตรวจสอบสัดส่วนกรดไขมัน และตรวจสอบปริมาณแอลกอฮอล์ เป็นต้น
ปัจจุบัน ผู้ใช้ Strip Test ยังจำกัดอยู่ที่ผู้ประกอบการ หน่วยงานตรวจสอบฮาลาล และผู้บริโภคบางรายที่มีพื้นความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ แต่ในอนาคต ด้วยการสนับสนุนงบประมาณวิจัยจากสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) ร่วมกับบริษัท ทาเลโนเมะ ดีเอ็นเอ โปรเฟสเชอนัล จำกัด ซึ่งศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล นำทีมโดย รศ.ดร.วินัย ดะห์ลัน ศ.ดร.สุวิมล กีรติพิบูล และคณะผู้วิจัย หวังจะผลักดันให้นวัตกรรมนี้เข้าถึงชาวมุสลิมและประชาชนทั่วไป โดยวางแผนจะจำหน่ายชุดตรวจ Strip Test ในราคา 300-500 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าการตรวจในห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ถึง 10 เท่า
“นอกจากนี้ เราจะพัฒนาต่อยอดเป็นชุด Test kits แบบครบวงจรของการตรวจวัด ซึ่งจะมีประสิทธิภาพสูงขึ้น สามารถตรวจวัดผลได้เร็วขึ้นกว่าเดิม ใช้ตรวจได้หน้างานจริง ผู้บริโภคสามารถใช้งานได้ง่าย เพียงอ่านคู่มือแล้วทำการทดสอบหาสัตว์ที่ปนเปื้อนในอาหารได้ด้วยตัวเอง” อาณัฐ กล่าวทิ้งท้าย