เพจเฟซบุ๊ก ประชาสัมพันธ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช รายงานข่าว การจับกุมผู้ลักลอบค้าสัตว์ป่าสงวนผิดกฎหมายทางสื่อออนไลน์ ว่า เจ้าหน้าที่ชุดเหยี่ยวดงล่อซื้อเหยี่ยวขาว หลังพบชายโพสต์ขายผ่านเพจเฟซบุ๊ก รับสารภาพขายสัตว์ป่าคุ้มครองมา 3 ปีแล้ว
นายนาวี ช้างภิรมย์ นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการพิเศษ สำนักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่า(ชุดเหยี่ยวดง) รายงานเข้ามาว่า เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการปราบปรามการกระทำความผิดด้านสัตว์ป่าและพืชป่า (ชุดเหยี่ยวดง) ดำเนินการตรวจสอบการลักลอบค้าสัตว์ป่าทางอินเทอร์เน็ต พบมีการโฆษณาหรือประกาศจำหน่ายสัตว์ป่าคุ้มครอง จำพวกนก ชนิดเหยี่ยวขาว ผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก เจ้าหน้าที่จึงให้สายลับทำการติดต่อขอซื้อเหยี่ยวขาว จำนวน 3 ตัว ในราคา 2,000 บาท และได้โอนมัดจำเป็นจำนวนเงิน 500 บาท โดยนัดรับของในท้องที่ อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท
ในวันนี้ (15 ม.ค. 64) เวลา 10.30 น. คณะเจ้าหน้าที่ประกอบด้วยชุดปฏิบัติการปราบปรามการกระทำความผิดด้านสัตว์ป่าและพืชป่า (ชุดเหยี่ยวดง) ชุดปฏิบัติการพิเศษ 1362 สำนักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่า สำนักงานสนับสนุนการป้องกันและปราบปราม ที่ 1 (ภาคกลาง) กก.2 บก.ปทส. และเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรสรรพยา จังหวัดชัยนาทได้ร่วมกันวางแผนจับกุม โดยให้สายลับติดต่อนัดหมายกับเจ้าของเฟซบุ๊กดังกล่าว บริเวณคอสะพาน ริมถนนสายสรรพยา – ห้วยกรด ตำบลสรรพยา อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท
เมื่อถึงเวลานัดหมาย ได้มีชายทราบชื่อภายหลังคือนายไรวินท์ (ขอสงวนนามสกุล) นำกล่องกระดาษ มาส่งให้กับสายลับ เมื่อตรวจสอบภายในกล่อง พบว่าเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง จึงได้ส่งสัญญาณให้คณะเจ้าที่ ซึ่งอยู่บริเวณโดยรอบ และสังเกตเห็นพฤติการณ์โดยตลอด เข้าดำเนินการตรวจยึด-จับกุม
จากการตรวจสอบพบสัตว์ป่าคุ้มครองจำพวกนก ชนิดเหยี่ยวขาว (ลูกป้อน) จำนวน 3 ตัว ซึ่งนายไรวินท์ ฯ ให้การว่าตนเองมีอาชีพหาหนูนาขายตามทุ่งนา และได้พบชายไม่ทราบชื่อและที่อยู่ นำลูกป้อนเหยี่ยวขาวมาขายให้กับตนเอง ตัวละ 200 บาท ตนเองจึงได้ซื้อไว้ แล้วนำไปประกาศขายทางเฟซบุ๊ก ในราคาตัวละ 700 บาท โดยตนเองได้ขายสัตว์ป่าคุ้มครองทางเฟซบุ๊กมาประมาณ 3 ปี โดยจะขายเฉพาะช่วงฤดูลูกป้อนประมาณช่วงเดือนมกราคม – เมษายน
เจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันพิจารณาแล้ว เห็นว่าพฤติการณ์ดังกล่าว ของไรวินท์ (ขอสงวนนามสกุล) กรณีครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครองจำพวกนก โดยไม่มีหลักฐานการได้มาของทางราชการ และนำมาประกาศหรือโฆษณาหรือนำเสนอทางสื่อโทรทัศน์ วิทยุ สิ่งพิมพ์ ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือสื่อใดๆ เพื่อการค้า มีความผิดดังนี้
1. มาตรา 17 ฐาน “มีสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากอธิบดี” มีอัตราโทษตามมาตรา 92 จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2. มาตรา 29 ฐาน “ค้าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” มีอัตราโทษตามมาตรา 89 จำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ประกอบมาตรา 112 และ มาตรา 116 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562
จึงควบคุมตัวไรวินท์ฯ ผู้ต้องหา พร้อมตรวจยึดสัตว์ป่าคุ้มครองดังกล่าวข้าวต้น พร้อมอุปกรณ์การกระทำผิด นำส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรสรรพยา จังหวัดชัยนาท เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยมอบให้นายคุณากร สุขนิธิ นักวิชาการป่าไม้ปฏิบัติการ เป็นผู้กล่าวโทษ และนายอรรถพร บัวฝ้าย นักวิชาการป่าไม้ปฏิบัติการ เป็นพยาน โดยสัตว์ป่าคุ้มครองของกลาง พร้อมอุปกรณ์การกระทำผิด ขออนุมัติพนักงานสอบสวนรับมอบ ส่งให้ฝ่ายจัดการสุขภาพสัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช รับไปดูแลและเก็บรักษาต่อไป
ข้อมูลจากเพจเฟซบุ๊ก “สิ่งละอันพันละนก” โพสต์เรื่องเกี่ยวกับเหยี่ยวขาวว่า เหยี่ยวขาว (Black-shouldered Kite) น่าจะเป็นเหยี่ยวที่น่ารักที่สุดในเมืองไทยแล้ว
ตาแดงก่ำ ขนขาวปุย ตัวเล็กกะทัดรัด เหยี่ยวขาวเป็นเหยี่ยวประจำท้องทุ่งนาทั่วประเทศไทย เวลาวิ่งรถไปต่างจังหวัด ริมถนน โดยเฉพาะลึกเข้าไปจากทางหลวงหลัก มักจะพบเหยี่ยวขาวเกาะสายไฟริมทางอยู่เสมอ
วิธีการหาเหยื่อของเหยี่ยวขาวนั้น ออกจะไม่เหมือนใคร คือ มันสามารถกระพือปีกเลี้ยงตัวอยู่กลางอากาศได้ ระหว่างนั้นมันก็เล็งเหยื่อเป็นอันดี ปรับระดับความสูงต่ำซ้ายขวา แล้วค่อยทิ้งตัวลงไป
ฟุ่บ ถ้าไม่โผล่ขึ้นมาอีกมักจะแปลว่าได้เหยื่อแล้ว ส่วนถ้าแห้ว ก็บินตีนเปล่าขึ้นมาลองใหม่อีกสักที
แต่ “เหยี่ยวสามัญประจำทุ่ง” ของไทยตัวนี้กำลังประสบปัญหา เป็นหนึ่งในนกหาง่ายที่ลดจำนวนลงรวดเร็วที่สุดชนิดหนึ่ง สาเหตุแรกคือ การใช้สารเคมีในท้องนาจนหนูที่เป็นอาหารหลักตายหมด ตายไม่ว่า ตัวที่เหลือปนเปื้อนยาเบื่อ เหยี่ยวกินเข้าไป ไม่ตายก็สืบพันธุ์ไม่ได้
นอกจากนี้ เนื่องจากเป็นเหยี่ยวรักบ้านเกิด ทำรังตามหัวไร่ปลายนา ป่าละเมาะใกล้บ้านคน จึงถูกควักลูกเหยี่ยวมาขายจำนวนมาก
ภาพเหยี่ยวขาวตัวป้อม เกาะสายไฟ หรือบินล่าเหยื่อตามท้องนาบ้านเรา จึงกลายเป็นภาพยากขึ้นทุกวัน น่าเสียดายจริงๆ ถ้าเราจะเสียพวกมันไป