เดือดสุดๆ!! การฆ่าแม่พะยูนท้องแก่เพื่อตัดเขี้ยว “อ.ธรณ์” ระบุเป็น “กรณีทำร้ายทะเลที่โหดร้ายที่สุดในรอบปี” ในฐานะประธานคณะสัตว์ทะเลหายากลั่น “เรื่องนี้จะไม่เงียบแน่นอน” ยืนยันภาพและความคิดเห็นส่วนตัวของดร.ก้องเกียรติคือจุดเริ่มต้น พร้อมเสนอแนะ 6 ข้อทุกฝ่ายร่วมกัน
ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีฝ่ายกิจการพิเศษและประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนิเวศทางทะเล โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว Thon Thamrongnawasawat ว่า
ดร.ก้องเกียรติ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องสัตว์ทะเลหายากให้ “ความเห็นส่วนตัว” จากร่องรอยที่ปรากฎบนแม่พะยูน ว่าเป็นเจตนาฆ่าพะยูน
ทั้งนี้ ได้สันนิษฐานว่า เรือชนโดยบังเอิญ แต่คนร้ายใช้มีดแทงและใช้เชือกรัด
จนท้ายสุด แม่พะยูนท้องแก่เสียชีวิต ก่อนถูกเลาะฟัน
ความคิดเห็นส่วนตัวนี้ ขยายความจากการชันสูตรครั้งแรก
สำหรับผม คงต้องบอกว่าให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก
เพราะเจตนาฆ่าเพื่อเอาฟัน แตกต่างจากมาเจอซากแล้วเลาะฟัน
ต่างจากการตายโดยอุบัติเหตุ
ในฐานะประธานคณะสัตว์ทะเลหายาก ผมจะขอเชิญดร.ก้องเกียรติมานำเสนอประเด็นนี้ (ทันทีที่สามารถจัดประชุมได้แบบปลอดภัย)
ทั้งนี้ ดร.ก้องเกียรติ อยู่ในคณะทำงานอยู่แล้ว
นอกจากนี้ ในคณะของเรายังมีคุณหมอหนิง สามารถช่วยให้ความคิดเห็นเพิ่มเติม
สองความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญและคุณหมอที่ถือเป็นมือวางของทะเลไทย ย่อมมีความหมาย
และจะแปรเปลี่ยนจากความคิดเห็นส่วนตัว กลายเป็นสรุปจากที่ประชุมของคณะทำงาน
เพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการทะเลแห่งชาติ ที่มีท่านรองนายกฯ เป็นประธาน และมีท่านรัฐมนตรีเป็นรองประธาน
เรื่องนี้จึงจะไม่เงียบแน่นอน และจะเข้าสู่ระบบตามที่ควรเป็น
นอกจากนี้ ผมจะประชุมคณะที่ปรึกษาอุทยานทางทะเลในอีกไม่กี่วัน (ถ้าได้ประชุม)
ผมจะเรียนถามในที่ประชุมเช่นกัน
เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่แค่แม่พะยูนตายเพราะโชคร้าย
ไม่ใช่แค่ความสงสาร
มันมีความหมายมากกว่านั้น
ภาพและความคิดเห็นส่วนตัวของดร.ก้องเกียรติคือจุดเริ่มต้น
ให้กำลังใจทุกฝ่ายในการหาผู้กระทำผิดในกรณีพะยูนแม่ลูกที่ตรัง ผมจะนำเรื่องนี้เข้าคณะสัตว์ทะเลหายาก เพื่อหาทุกทางที่จะไม่ให้เกิดกรณีเช่นนี้อีก
๐ "ความเห็นส่วนตัว" ดร.ก้องเกียรติ
ดร.ก้องเกียรติ กิตติวัฒนาวงศ์ ผู้อำนวยการ ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามัน (ภูเก็ต) โพสต์ในเฟซบุ๊ก Kongkiat Kittiwatanawong ว่า “กรณีการเสียชีวิตของแม่พะยูนที่ตั้งท้องลูกใกล้คลอดที่จังหวัดตรัง ผมตีความเหตุการณ์จากประสบการณ์ตามข้อมูลและรูปภาพที่ได้รับจากเจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลฝั่งอันดามันตอนล่างที่มีอยู่ในขณะนี้ จึงขอให้ใช้วิจารณญานในข้อมูลที่นำเสนอซึ่งเป็น "ความเห็นส่วนตัว" เท่านั้น ผมน้อมรับในความเห็นต่างเพื่อเอามาปรับปรุงให้ได้ความชัดเจนมากที่สุด ร่วมกับข้อมูลที่อาจมีเพิ่มขึ้นในอนาคต”
ผมคิดว่าการตายของพะยูนตัวนี้เกิดจากอุบัติเหตุทางเรือโดยบังเอิญ แต่ผู้อยู่ในเรือ "มีเจตนาฆ่าพะยูนเพื่อเอาเขี้ยว" ไม่ว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไร "ผู้ร้าย" ที่กระทำการเช่นนี้ควรได้รับการลงโทษตามกฎหมาย และที่สำคัญที่สุดคือบทเรียนครั้งนี้จะทำให้ทุกภาคส่วนร่วมกันคิดและ "ลงมือ" เพื่อการอนุรักษ์อย่าง "จริงจังและต่อเนื่อง"
๐ สรุปสาเหตุ - 6 ข้อเสนอแนะ
เฟซบุ๊กส่วนตัว Thon Thamrongnawasawat โพสต์ก่อนหน้านี้ว่า ทีมสัตวแพทย์ของทช.รายงานว่า “สรุปสาเหตุการเสียชีวิตคาดว่าเกิดจากการถูกของมีคมแทงทะลุจนถึงอวัยวะภายในร่างกาย ส่งผลให้สัตว์มีการเสียเลือดมากและส่งผลกระทบต่อลูกสัตว์ภายในท้อง ร่วมกับพะยูนอยู่ในภาวะใกล้คลอด ทำให้ลูกและแม่พะยูนเสียชีวิตอย่างฉับพลัน”
ยังพบว่าแม่พะยูนอยู่ในระยะใกล้คลอด เริ่มหลั่งน้ำนม พร้อมเลี้ยงลูกน้อยเพศเมีย
แต่เธอไม่มีโอกาสให้นมลูกแล้ว
นางเงือกถูกฆ่าพร้อมลูกน้อยในท้อง
เจ้าตัวเล็กที่ไม่มีโอกาสลืมตาดูโลก ยาว 82 เซนติเมตรเท่านั้น
ยังมีร่องรอยการเลาะเขี้ยวด้านซ้ายของแม่พะยูน
การฆ่าแม่พะยูนท้องแก่เพื่อตัดเขี้ยว เป็นการกระทำที่อุกอาจ ไม่คำนึงถึงกฎหมาย
เพราะเป็นที่ทราบกันทั่วไปว่าพะยูนเป็นสัตว์สงวน
การกระทำดังกล่าวทำร้ายความรู้สึกของคนไทยอย่างมาก จนบางท่านถึงขั้นหลั่งน้ำตา
(ท่านไหน - ผมเอง และเพื่อนธรณ์อีกเพียบ)
ในสถานการณ์ที่ทะเลกำลังดีขึ้น คนไทยกำลังมีความสุขกับการพบสัตว์ทะเลหายากจำนวนมาก
กรณีเช่นนี้ ถือเป็นเรื่องเลวร้ายที่สุดของทะเลไทยในปีนี้
ในอดีตอาจมีการพบพะยูนถูกเลาะเขี้ยวบ้าง แต่ไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าถูกแทงเช่นครั้งนี้
ในฐานะผู้ทรงคุณวุฒิคณะกรรมการทะเลแห่งชาติฯ และประธานคณะทำงานสัตว์ทะเลหายาก ขอเสนอแนะว่า
1. ดำเนินการอย่างเฉียบขาด จับกุมผู้กระทำผิดให้ได้โดยเร็วที่สุด
จะตั้งรางวัลนำจับ หรือใดๆ ก็ได้เพื่อให้เกิดผล
2. ร่วมกับหน่วยงานฝ่ายปกครอง/มั่นคง สืบสวน/จัดการขบวนการลักลอบตัด/ขายเขี้ยวพะยูนเพื่อเป็นของขลัง
3. เร่งรัดประกาศกระทรวงทรัพยากรฯ คุ้มครองทะเลในจังหวัดตรัง
(ทราบว่าผ่านครม.แล้ว อยู่ระหว่างการตรวจของกฤษฎีกา)
4. เร่งรัดการนำแผน “พะยูนแห่งชาติ/มาเรียมโปรเจ็ค” ที่ผ่านการพิจารณาของคณะทะเลแห่งชาติ เพื่อนำเสนอต่อครม. โดยเร่งด่วน
ในแผนมีการยกระดับการดูแลพะยูนและสัตว์หายากทั้งประเทศครบถ้วน จะมีส่วนช่วยเรื่องต่างๆ เป็นอย่างมาก
5. ขอร้องพี่น้องสื่อมวลชนช่วยกันติดตามกรณีนี้ด้วยครับ
6. สุดท้ายคือการขอร้องเพื่อนธรณ์
จะแชร์ จะไลค์ จะเขียนใหม่ จะทำอะไรก็ได้ ขอให้เรื่องนี้ไม่เงียบหายไป
เพราะเมื่อเรามองเจ้าตัวน้อยที่ไม่มีโอกาสเกิด
มันเจ็บใจ โกรธ
เราไม่สามารถเบือนหน้าหนี “กรณีทำร้ายทะเลที่โหดร้ายที่สุดในรอบปี”
จึงใคร่ขอความกรุณาช่วยกันทุกทาง
และช่วยสนับสนุนการทำงานของกระทรวงทรัพยากร และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
เพราะความชั่วเช่นนี้ไม่สมควรมีในทะเลไทยครับ
๐ รายงานการพบครั้งแรก
เพจเฟซบุ๊ก “ประชาสัมพันธ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช” โพสต์รายงานการพบพะยูนเสียชีวิต เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2563 ว่า
สลด!!! เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จ.ตรัง พบพะยูนเสียชีวิต เบื้องต้นพบบาดแผลภายนอก และเขี้ยวบริเวณปากถูกตัด ก่อนส่งต่อศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลฯชันสูตรหาสาเหตุอย่างละเอียด
18 ธันวาคม 2563 นายณรงค์ คงเอียด หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม รายงานว่า เมื่อวันที่ 17 เดือน ธันวาคม ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 16.00 น. อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหมได้รับแจ้งจากหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ จม.3 เกาะกระดาน ว่าพบพะยูนเสียชีวิต 1 ตัว ลอยอยู่ในทะเล ระหว่างเกาะแหวนกับเกาะกระดาน หมู่ที่ 2 ตำบลเกาะลิบง อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง เพศเมีย ความยาว 2.56 ซม. ความยาววัดแนบลำตัว 2.57 น้ำหนักประมาณ 300 กก.ลักษณะภายนอก มีบาดแผลประมาณ 3-4 นิ้ว บริเวณปากเหมือนถูกตัดเขี้ยวออกไป ทั้งนี้อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหมได้ประสานสัตวแพทย์ ประจำศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนล่างเพื่อชันสูตรหาสาเหตุการตายอย่างละเอียดต่อไป