วันนี้ (18 ธ.ค.) นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) กล่าวว่า ตนได้รับรายงานด่วนจากพื้นที่เมื่อวานนี้ (17 ธ.ค.) ว่า พบพะยูนท้องแก่เสียชีวิตบริเวณอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ระหว่างเกาะแหวนกับเกาะกระดาน หมู่ที่ 2 ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง โดยพะยูนที่พบมีลูกในท้องอายุประมาณ 13-15 เดือน และพบว่า ภายในปากมีบาดแผลใหญ่ เขี้ยวหายไป 1 ข้าง ตนรู้สึกเสียใจและสะเทือนใจเป็นอย่างมาก ซึ่งนับตั้งแต่กรณีน้องมาเรียม และน้องยามีล สังคมไทยได้บทเรียนเรื่องขยะพลาสติกในทะเลไปแล้ว
นายวราวุธ กล่าวอีกว่า ครั้งนี้คาดว่าจะเป็นเหตุจากความประมาทของการทิ้งสมอเรือ ส่วนการที่เขี้ยวหายไปคาดว่าเกิดจากการลักลอบตัดไปของผู้ที่พบเห็นซากพะยูน ซึ่งนับว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 และตามอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ หรือ CITES กำหนดให้พะยูนเป็นชนิดพันธุ์ของสัตว์ที่ห้ามค้าโดยเด็ดขาด เนื่องจากใกล้จะสูญพันธุ์
นายวราวุธ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ คณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ ได้พิจารณาให้ความเห็นชอบ (ร่าง) ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง มาตรการคุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ในพื้นที่ อ.ปะเหลียน อ.หาดสำราญ อ.ย่านตาขาว อ.กันตัง และ อ.สิเกา จ.ตรัง ซึ่งอยู่ระหว่างการเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นชอบ เพื่อจะได้ดำเนินประกาศตามกระบวนการต่อไป ซึ่งจะช่วยดูแล คุ้มครองพะยูนในพื้นที่ จ.ตรัง ซึ่งตนได้ย้ำกับ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัด ทส. ให้กำชับและกำกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งให้ดำเนินการตามกฎหมายให้ถึงที่สุด
สุดท้ายตนอยากฝากถึงพี่น้องประชาชนทุกคนว่า “เราจะต้องสูญเสียพะยูนไปอีกสักกี่ตัวเพื่อเรียนรู้ถึงความผิดพลาดของมนุษย์ อย่าใช้ชีวิตพะยูนเป็นเครื่องสะท้อนความผิดพลาดของเราอีกต่อไปเลย”
ด้าน นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีพะยูนท้องแก่เสียชีวิตเป็นพะยูนเพศเมีย ความยาว 257 ซม. น้ำหนักประมาณ 260-270 กก. ลักษณะภายนอก มีบาดแผลประมาณ 3-4 นิ้ว บริเวณปากเหมือนถูกตัดเขี้ยวออกไป 1 ข้าง โดยเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ได้ประสานทีมนักวิชาการและสัตวแพทย์ ประจำศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนล่าง (ศวอล.) เพื่อชันสูตรหาสาเหตุการตายอย่างละเอียด เบื้องต้นได้ดำเนินการแจ้งความกรณีพบพะยูนเสียชีวิตดังกล่าวไว้ที่สถานีตำรวจ สภ.กันตัง แล้ว
นายโสภณ เผยต่อว่า สำหรับการชันสูตรโดยเจ้าหน้าที่ ศวอล. ร่วมกับ สัตวแพทย์หญิง ปิยฉัตร บัวศรี สัตวแพทย์ประจำสถาบันทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีชัยวิทยาเขตตรัง และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม พบว่า เป็นซากพะยูน สภาพซากสด ลักษณะภายนอก มีเพรียงเกาะบริเวณหลังเล็กน้อย พบบาดแผลรอยบาดจากของมีคมบริเวณด้านหลังส่วนท้าย และพบลักษณะแผลจากการถูกของมีคมและเป็นวัตถุแข็งกระแทกบริเวณส่วนท้ายของลำตัวด้านขวา ทำให้พบรอยช้ำบริเวณรอบบาดแผล ผิวหนังลอกหลุดบริเวณกว้าง และพบกล้ามเนื้อมีรอยช้ำ เกิดการฉีกขาดอย่างรุนแรง โดยแผลทะลุเข้าไปในชั้นกล้ามเนื้อจนถึงอวัยวะภายใน ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นสมอเรือ
“นอกจากนี้ ยังพบว่าเขี้ยวของพะยูนข้างซ้ายบางส่วน มีรอยตัดจากของมีคมตัด ซึ่งคาดว่าถูกเลาะออกไปภายหลังจากการเสียชีวิต เนื่องจากไม่พบรอยช้ำของบาดแผลโดยรอบ เมื่อเปิดผ่าอวัยวะภายในพบลูกพะยูน ขนาดความยาว 82 ซม. น้ำหนัก 9.2 กก. เพศเมีย อยู่ภายในช่องท้อง คาดอยู่ในช่วงระยะใกล้คลอด สำหรับเรื่องนี้ กรม ทช. ได้เดินหน้าป้องกันแก้ไขปัญหามาอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ซึ่งได้กำหนดแผนพะยูนแห่งชาติ โดยตั้งเป้าหมายเพิ่มจำนวนพะยูนจาก 250 ตัว เป็น 280 ตัว ภายในปี 2565”
นายโสภณ เผยอีกว่า ที่ผ่านมา ตนได้กำชับหน่วยงานปฏิบัติการลาดตระเวนและทีมนักวิชาการในการสำรวจ ติดตาม และเฝ้าระวังฝูงพะยูนในทุกพื้นที่ นอกจากนี้ ยังได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการตรวจลาดตระเวนและรายงานผลแบบ Real Time สำหรับพะยูนและสัตว์ทะเลหายากอื่นๆ ด้วย ทั้งนี้ ต้องขอขอบคุณอาจารย์ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ที่ห่วงใยทรัพยากรทางทะเลและสัตว์ทะเล และยังให้ความรู้ ความเข้าใจแก่ประชาชนให้ทราบอย่างถูกต้องและต่อเนื่อง
“ผมอยากฝากย้ำกับพี่น้องประชาชนหากพบการเสียชีวิตหรือเกยตื้นของสัตว์ทะเลหายาก ขอให้แจ้งหน่วยงานกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในพื้นที่ต่างๆทันที ห้ามมิให้จับหรือครอบครองทั้งในสภาพที่มีชีวิต หรือแม้แต่เพียงซากชิ้นส่วนใด ๆ ของสัตว์เหล่านั้น ซึ่งจะถือว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 กำหนดว่าผู้ที่ล่าสัตว์ป่าสงวนต้องระวางโทษจำคุก 3-10 ปี ปรับตั้งแต่ 3 แสนบาท แต่ไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ กรณีครอบครองสัตว์ป่าหรือซากสัตว์ป่ามีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 5 แสนบาท” อธิบดี ทช. กล่าวย้ำชัดเจน