เราเคยเข้าใจมาตลอดว่าปริมาณคนเดินทางจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เศรษฐกิจจะโตขึ้นเรื่อยๆ และความร่วมมือระหว่างประเทศที่เคยคุยกันไว้ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 มันจะเกิดขึ้นเรื่อยๆ
อยู่ดีๆ เส้นกราฟที่เคยตรงและขยับขึ้นมาเรื่อยๆ มันเกิดผันผวนมันเลี้ยวเข้าไปสู่แดนที่เราไม่เคยเตรียมไว้เลย ดังนั้น วิธีการที่จะปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงให้ได้ ก็ต้องทำในสิ่งที่มันแตกต่างจากที่เราทำมา
แต่เราคิดว่านี้คือสิ่งที่อยู่กับเราแค่เพียงชั่วคราว เมื่อตอนมกราคมเราพูดว่า “ชั่วคราว” 3 เดือน 5 เดือน วันนี้เราเข้าใจแล้วว่า 3 ปี 5 ปี อาจจะเป็นตัวเลขที่ไม่ได้ห่างไกลความจริงมากนัก
เมื่อเช้านี้บริษัทผลิตยาที่ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ด ประกาศยุติการพัฒนาวัคซีนที่จะจัดการกับโควิด-19 ซึ่งเป็นพื้นฐานการพัฒนาวัคซีน 10 ตัว เพราะพบว่าเมื่อเอาสิ่งที่สกัดขึ้นมาได้จากการทดลองในสัตว์คือลิงชิมแปนซี แล้วเอามาใช้กับมนุษย์นั้น มีคนเกิดอาการบาดเจ็บที่สันหลังโดยเฉียบพลัน ยังตอบไม่ได้ว่ามันเกิดขึ้นเนื่องจากการฉีดเข้าไปหรือมาจากเหตุอื่น ตอนนี้จึงขอหยุดก่อนเพื่อตรวจสอบใหม่
ฉะนั้น ที่เราเข้าใจว่าต้นปีหน้าจะมีวัคซีนใช้นั้น มันอาจจะมาจากสถาบันอื่นก็ได้ แต่ที่แน่ๆ ของที่นี่มันถูกเลื่อนออกไปแล้ว
ฉะนั้น เราก็ต้องอยู่กับความชั่วคราวไปอีกพอสมควรนี่ยังไม่ต้องกล่าวถึงว่าถ้ามีวัคซีนออกมาแล้วได้ผลดีจะเกิดการช่วงชิงแย่งกันบังคับซื้อ บังคับขายอย่างไร เงื่อนไขการกู้ยืมต่างๆ เข้าไปให้กับประเทศ หรือหน่วยพื้นที่ต่างๆ อย่างไร
จากนี้ไปจนถึงเดือนพฤศจิกายนก็จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐซึ่งจะมีผลทำให้การตัดสินใจของผู้นำและการดำเนินกิจกรรมของเขา อาจจะมีความแหวกแนวก็ได้จึงต้องเตรียมรับการภาวะความไม่แน่นอน ที่จะเกิดขึ้น
เมื่อวานนี้บริษัทที่เป็นเจ้าของ Louis Vuitton ได้ตัดสินใจยกเลิกการจะเข้าซื้อกิจการที่ชื่อว่า ทิฟฟานี แอนด์ โค ของสหรัฐ ถ้ามันเกิดขึ้นก็จะเป็นการซื้อขายหุ้นระดับ 16.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ เป็นการซื้อกิจการที่ใหญ่ที่สุดของประวัติศาสตร์วงการแฟชั่น ปฏิกิริยานี้จึงเป็นการตอบโต้การที่สหรัฐขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากยุโรปและฝรั่งเศส จึงเป็นการตอบโต้กันด้วยความรู้สึกมากกว่าด้วยเหตุผลซะทีเดียวนะครับ
อาการแบบนี้เกิดขึ้นเพราะในช่วงที่เกิดโควิด ขณะที่ความร่วมมือระหว่างประเทศที่กำลังขยายตัว ระดับภาคประชาชนก็ถูกหักเหจากการมาของไวรัส แทบทุกที่มีการปิดพรมแดนของตัวเพื่อที่จะบริหารพื้นที่ของตัวก่อน จึงกลายเป็นเรื่องของการป้องกันตัวเองโดยที่ลืมมองเรื่องความร่วมมือระหว่างประเทศไป
การ Restart โลกให้กลับมามีความร่วมมือกันใหม่นั้นจะต้องผ่านหลายด่านรวมทั้งการแบ่งปันวัคซีนด้วยแปลว่าเรายังต้องอยู่กับความชั่วคราวเหล่านี้ไประยะหนึ่งแล้วใช้ความคิดความรู้และสำนึกใหม่ๆ ในการกลับเข้าสู่เส้นดั้งเดิมที่เราเคยคิดเอาไว้แต่ผมคิดว่ามันจะไม่เป็นเส้นหน้าตาเดิมๆ นะครับ
แต่คนพยายามจะกลับเข้าไปสู่ Old Normal ให้ได้ ซึ่งเป็นความคิดที่น่าจะไม่ถูกต้อง แต่ก็ความพยายาม เพราะอย่างน้อยก็เป็นเส้นเดิมที่เคยรู้จัก มันมีปัญหาดั่งเดิมของมัน กลับไปอยู่ตรงนั้น หวังว่าต่างจากภาวะที่ในสถานการณ์โควิดซึ่งควบคุมไม่ได้ ก่อนนอนก็จะเห็นตัวเลขคนติดเชื้อเพิ่มวันละ 2-3 แสนคน กว่าจะถึงสิ้นปียอดรวมคงจะ 40 ล้านคน
แต่การกลับเข้าไปที่เดิมก็ยังทำไม่ได้ สิ่งที่ทำได้ในเวลานี้ถ้าจะตอบโจทย์เจ้าของงานคือ MICE สิ่งที่ทำได้ในเวลานี้คือ Domestic MICE แล้ว MICE ก็ไม่ใช่เป็นแค่ธุรกิจการจัดการประชุมสัมมนา พาคนมากินข้าว สิ่งที่ใหญ่กว่าคือการที่ทำให้สมอง ความรู้ ทัศนคติ ได้ถูกแลกเปลี่ยนส่งมอบ สร้างความไว้วางใจให้แก่กันและกัน
เราจะจัดประชุมผ่าน Zoom กันอีกกี่ร้อยครั้งก็ได้แต่ความไว้วางใจมันไม่เหมือนเวลาที่มนุษย์ได้มี Interaction กัน เรามีเส้นบางอย่างที่มันสร้างสะสมถ่ายทอดกันมาตั้งแต่บรรพชนสามารถอ่านอาการได้ในสิ่งที่ไม่ได้อยู่ในกล้องแค่ชะโงกหน้าดูนิดหน่อยเหลือบตาไปดูเราจะรู้สึกได้ว่าไว้วางใจต่อเหตุการณ์นั้นมากขึ้นหรือไม่
จริงอยู่ ความรู้และข้อมูลนั้นเราจัดเข้าระบบเทคโนโลยีออนไลน์ได้ แต่มนุษย์เชื่อในสัญชาตญาณของตัวเอง ในการจ้องตา ดูอาการ ดูลมหายใจ วิธีการเดินของเขาออกจากห้อง วิธีที่เขาปฏิบัติต่อคนอื่นๆ ในขณะที่กล้องไม่สามารถตามเข้าไปดูได้ทั้งหมด
ดังนั้น MICE จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ทำให้เราอยู่ในพื้นที่ใหม่ซึ่งไม่เคยเผื่อไว้มาก่อนิ เราจึงต้องค้นหาทิศทาง วิธีการและความร่วมมือใหม่ที่เราสามารถตกลงใจกันในสังคมแต่ละกลุ่มความสนใจที่จะร่วมกันเดินโดยไม่ขัดขากัน แต่ MICE ลักษณะอย่างนั้นต้องไม่ใช่เป็นประเภทมาบอกให้ฟังเพื่อที่จะแสดง แต่จะต้องทำให้เกิดการเข้าไปร่วมมีประสบการณ์เดียวกันแล้วแลกเปลี่ยนเปิดใจแล้วร่วมเดิน
Domestic MICE เมื่อก่อนอาจจะถูกมองว่ายังไงลูกค้าคนไทยก็จ่ายน้อยกว่าชาวต่างชาติคุยกันที่ “มูลค่า” แต่ถ้านับที่ “คุณค่า” คือผลลัพธ์จากการพาให้สังคมไทยเคลื่อนไปที่ไหนในพื้นที่ใดและกลุ่มความสนใจใด เคลื่อนไปพร้อมกัน Domestic MICE คือเครื่องมือที่จำเป็นและสำคัญ
วันนี้ผมเลือกใส่เสื้อผ้าที่ทำโดยวัฒนธรรมของภูเก็ต เพราะผมอยากจะบอกว่าในขณะที่พื้นที่สามอำเภอที่พึ่งพาการท่องเที่ยวสูงที่สุดในประเทศไทยก็ยังสามารถตกลงกันได้ทั้งเกาะว่า ตกลงจะพร้อมรับความเสี่ยงในการทำพื้นที่รับการท่องเที่ยวแนวใหม่ จะเรียกเป็นชื่ออะไรก็ตามเพราะมีกลุ่มของคนที่ไม่ได้พึ่งพาหรือได้ประโยชน์จากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ก็อาจถามว่าแล้วฉันต้องมาเสี่ยงร่วมกันเพื่ออะไร
แปลว่าต้องมีเวทีการหันหน้าเข้าหากันมาสนทนาจับเข่าร่วมประสบการณ์แลกเปลี่ยนความรู้และอาจจะต้องแบ่งปันผลประโยชน์อย่างเป็นธรรม
MICE ไม่ใช่เวทีของการไปโน้มน้าว แต่เป็นเวทีของการเปิดใจค่อยคุยกันหยิบปัญหาเก่าออกมาวาง เรียงกันให้หมดเลยว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงการพัฒนา 15-30 ปีที่ผ่านมาของพื้นที่นั้น เขาสัมผัสอะไรร่วมกัน แล้วคิดว่าจะอยู่กับช่วงชั่วคราวขณะนี้ยังไงและถ้ามันเกิดกลับมาใหม่ได้ แม้จะไม่เป็น Old Normal หรือ Re Open New Normal เขาคิดว่ามันต้องเปลี่ยนอะไรบ้าง เป็นไปไม่ได้ละครับที่จะไม่คุยกัน ส่วนคุยแล้วจะได้ทางออกว่าอย่างไรขึ้นอยู่กับทักษะการสนทนา
แต่ทักษะก็เป็นแค่หน้าปก สิ่งที่เป็นเนื้อในที่แท้จริงคือ “หัวใจ” ของการที่จะออกมาให้เห็นกันว่าฉันเป็นผู้รับผลกระทบอะไร ฉันสามารถให้อะไรได้ มันเป็นการให้ การแลกเปลี่ยนเสมอ
ดังนั้น MICE ที่เป็น Domestic จึงเป็นมากกว่าการกระตุ้นคนเดินทางเป็นการทำให้คนที่มีข้อจำกัดในการสื่อสารด้านภาษาได้มาเจอกัน
ถ้าเราสนใจเฉพาะเรื่อง “มูลค่า” เราก็อาจจะมองแค่ว่ารายจ่ายของเขาจะไม่สามารถเกินหัวละ 350 บาทต่อเบรก แต่สิ่งที่ได้จากการพูดคุยแล้วได้ข้อยุติที่เป็นธรรมและทุกฝ่ายพอใจแล้วเราจะเริ่มกันตั้งแต่ต้นเดือนหน้าเป็นต้นไปในเรื่องนี้พื้นที่นี้ ถ้านับเป็นมูลค่า มันกี่แสนล้าน แต่ “คุณค่า” ที่สำคัญกว่านั้นก็คือว่าทุกคนไม่มีใครรู้สึกถูกทิ้งไว้ข้างหลังหรือถูกลืมไปจากสมการ
เวทีโลกหลายกรณีที่มีความวุ่นวายนั้น ปัญหามักมาจากเรื่องของคนที่ถูกทิ้งไว้นอกสมการ แล้วเขาต้องการแสดงตัวว่าเขามีตัวตนในสมการ การปรากฏตัวของกลุ่มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใช้ความรุนแรงหรือกลุ่มรณรงค์ชนิดใดก็ตาม บ่อยครั้งเขาทำเพราะเขาถูกทิ้งไว้นอกสมการ
MICE คือพื้นที่สำคัญที่ทำให้เกิดการใช้สมการที่มีทุกคนอยู่ร่วมกัน ดังนั้น Domestic MICE ที่จะไปเอาคนท้องถิ่น คนพื้นที่ คนต่างประเทศที่มาอยู่อาศัยในประเทศได้มาเจอกันแล้วได้มาคุยกัน ถ้าทำในระดับชาติไม่ได้เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายนะครับที่จะเอาคนทั้งประเทศมาคุยกัน เขาก็ทำเป็นพื้นที่แม้แต่กรณีพื้นที่มีความอ่อนไหวแตกต่างกันก็ตาม
เพราะฉะนั้น MICE ซึ่งมาจากตัวย่อ M (Meetings) I (Incentive Trvel) C (Conventions) E (Exhibitions) จึงมีบทบาทสำคัญของการพาไปเปลี่ยนบรรยากาศเป็นการขอบคุณ วันนี้เราอาจจะต้องการให้เกิดความรู้สึกว่าออกนอกสถานที่เพื่อไปเห็นความจริงร่วมกันบางอย่าง เมื่อก่อนมองแค่เป็นกิจกรรม CSR ไปทำดีทำงานแล้วภูมิใจร่วมกัน แต่ไม่แน่นะต่อไปนี้ ตัว I อาจจะกลายเป็นเรื่องแรงจูงใจเพื่อที่จะชักนำเราให้กล้าเปลี่ยนแปลงบางอย่าง
ในภาวะที่เราทำอะไรในด้านตลาดไม่ค่อยได้มาก ได้แค่ทำกิจกรรมภายในประเทศพาคนเดินทางหรือทำนี่ทำนั่น แต่อย่าลืมว่านั้นคือการพาคนใช้จ่ายนะครับ ในภาวะที่โลกกำลังต้องการให้มีเงินออม แต่เรารีบกระตุ้นให้คนใช้จ่ายมากนั้นอาจจะไม่เป็นผลดีในระยะกลาง ระยะยาว แต่ถ้าเขาออกไปเดินทางแล้วได้เปิดมุมมอง ความคิด เข้าใจวิธีการของคนแต่ละพื้นที่ว่าเขาอยู่กันมาได้ซึ่งมีอีกหลายเมืองที่ไม่ถูกผลกระทบจากโควิดมากนัก แล้วเขาอยู่ได้หรือถ้าเขาถูกกระทบแล้วอยู่ได้ เราก็เรียนรู้การเดินทางท่องเที่ยวแบบนี้ก็กลายเป็นการลงทุนในชีวิต เขาจะกลับมาพร้อมกับความรู้สึกว่าก็ทำได้
เรียบเรียงจากปาฐกถา “The New Phenomenon of Global Economy : เมื่อเศรษฐกิจโลกเปลี่ยนเราต้องปรับ”
โดย วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในงานสัมมนา MICE Talk 2020