‘ท็อป-วราวุธ’ ยอมเปลี่ยนตัวเอง เป็นแบบอย่างที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม

นั่งเก้าอี้ เจ้ากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) มาครบ 1 ปีเต็ม ทายาทนักการเมือง ฉายามังกรสุพรรณ ‘บรรหาร ศิลปอาชา’หัวหน้าพรรคชาติไทย และนายกรัฐมนตรีคนที่ 21 ซึ่งกว่าจะก้าวมาถึงวันนี้ ในอดีต “ลูกท็อป” เคยติดตามและได้เรียนรู้ชีวิตการทำงานเพื่อประชาชนจากคุณพ่อ

เวลาที่ผ่านไป ผลงานด้านสิ่งแวดล้อม คือบทพิสูจน์ความสามารถ ซึ่ง รมว.ทส.คนนี้มีมุมมองว่าทุกๆ วัน จะมีอุปสรรคเข้ามาให้เราได้เรียนรู้อยู่ตลอด

ตอนเข้ามานั่งเจ้ากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) คิดมาก่อนแล้วว่าเราสามารถทำประโยชน์เพื่อพี่น้องประชาชนได้หลายด้าน ทั้งเรื่องป่าไม้ ไฟป่า แหล่งน้ำ อากาศ หรือปัญหาขยะ “เรียกว่าเป็นบทบาทที่เกี่ยวข้องกับ ดินน้ำลมไฟก็คงพูดได้ พอเข้ามาทำก็ได้เห็นจริงอย่างที่คาดเอาไว้ แต่ไม่ว่าจะทำเรื่องอะไร ผมอยากทุ่มเทให้กับการทำงานอย่างเต็มที่นะ”

“คนที่ใกล้ชิดผมคงยืนยันได้ว่าผมเป็นคนพร้อมที่จะทำงานเสมอหรือไม่ ผมมีโทรศัพท์เครื่องเดียวก็ทำงานได้แล้ว”

เมื่อมานั่งที่นี่เป็นหัวเรือ เสมือนผู้นำองค์กรแห่งหนึ่ง เราก็ควรทำตัวให้เหมาะสมกับตำแหน่ง หลายๆ อย่าง ผมพยายามเป็นแบบอย่างที่ดีแก่เขาได้ ผมคิดเสมอว่าบทบาทการทำหน้าที่เป็นความรับผิดชอบที่จะต้องมาก่อนเรื่องอื่นใด

วราวุธ บอกว่างานที่ ทส.มีความท้าทายสูงเสมอ ช่วงที่ผ่านมาคงจะเห็นว่ามีปัญหาขยะพลาสติก ฝุ่น PM2.5 ไฟป่า ภัยแล้ง ขาดแคลนแหล่งน้ำอุปโภคบริโภค ทั้งหมดเป็นผลกระทบต่อคนทั้งประเทศ แต่ก็รู้สึกสนุกกับการทำงาน ไม่ว่าจะมีคำถาม ข้อสงสัยที่เกี่ยวกับงานในหน้าที่ความรับผิดชอบ ผมพร้อมตอบให้ได้ และผมพยายามลงไปสัมผัสเกือบทุกงานด้วยตนเอง

“เวลาทำงานผมจะทำอย่างเต็มที่ เรื่องไหนรู้ตอบได้ตอบ อันไหนไม่รู้ก็พร้อมรับฟัง และพยายามจะหาคำตอบ อะไรที่ไม่รู้จริงส่วนมากก็จะไม่พูด แต่ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องก็จะไปค้นหาข้อเท็จจริง ผมเป็นคนพูดตรงๆ ไม่ชอบมีวาระซ่อนเร้น อย่างก่อนหน้ามาเป็น รมว.ทส.ผมก็ไม่ถึงกับใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมนัก ไปซื้อของก็ใช้ถุงพลาสติกเพราะสะดวก แต่พอมาอยู่ที่นี่ พอได้ศึกษาเรียนรู้ปัญหาขยะพลาสติกจะแก้ไขได้อย่างยั่งยืน ก็ต้องเริ่มต้นจากตัวของเราเอง ตอนนี้ไปไหนจึงเตรียมถุงผ้า กระเป๋าสำหรับใส่ของไว้เสมอ”

“ถามว่าเมื่อก่อนทำหรือไม่ ยอมรับว่าไม่ได้ทำ แต่เมื่อมาเป็นรัฐมนตรีต้องทำ จะว่าสร้างภาพก็ใช่ เพราะถ้าหัวไม่ทำก็เป็นแบบอย่างที่ดีให้คนอื่นไม่ได้ ผมอยากให้ทุกคนในกระทรวงเห็นแล้วตระหนักและลองปฏิบัติดู พอเราทำได้เกิน 21 วัน จะติดเป็นนิสัย"


วราวุธ โชว์กระติกน้ำดื่มคู่กาย พร้อมบอกว่า เวลาไปไหนต่อไหนก็พกพาไปด้วย กระหายน้ำยามใดก็ยกดื่มได้ทันที จึงทำให้เลิกใช้หลอดพลาสติก เช่นเดียวกับผลิตภัณพ์พลาสติกอื่นๆ ที่ใช้แล้วทิ้ง กล่องโฟม ถุงก๊อบแก๊บ เลิกใช้ เปลี่ยนไปใช้ถุงผ้า ถุงไนลอนที่ใช้ได้ยาวนานแทน โดยมีพกติดกระเป๋า ติดรถไว้ ส่วนขวดพลาสติกสามารถนำกลับไปอัพไซเคิลเป็นเสื้อได้ซึ่งตอนนี้มีหลายแบรนด์ดังทำ ผมก็สนับสนุน และจะมีถุงคอยเก็บพวกขวดน้ำดื่มเอาไว้

สิ่งที่ผมทำได้เห็นกับตัวเองถึงความเปลี่ยนแปลง ซึ่งดีต่อสิ่งแวดล้อมของเราและโลก พอทำให้คนอื่นเห็นโดยเฉพาะคนในกระทรวงนี้ เขาก็เกิดแรงกระตุ้นที่จะเริ่มทำตามด้วย ซึ่งพวกเขาก็จะเป็นแบบอย่างที่ดีแก่คนภายนอก ได้เห็นความมุ่งมั่นทำจริงๆ ของพวกเรา ไม่ใช่แค่ไปรณรงค์ สร้างแคมเปญเลิกใช้พลาสติกที่ใช้แล้วทิ้ง แต่เบื้องหลังกลับยังติดความสะดวกสบายในการใช้ถุงหูหิ้วก๊อบแก๊บใส่ของ

“ผมอยากย้ำว่าการเปลี่ยนแปลงโดยเริ่มจากตัวเราเองเกิดขึ้นได้ครับ ถ้าหากเราลงมือทำ”