“สอดแนมการเมือง”
“ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”
การเมืองไทยไม่พัฒนา ก็เพราะ “นักการเมือง” ส่วนใหญ่สามานย์ ด้อยคุณภาพไร้คุณธรรมเห็นแก่ตัวกับพวกพ้องและพรรค แทนที่จะใช้อำนาจรัฐทำดีให้ชาติกับประชาชน!
หลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ “นายกฯ อานันท์ ปันยารชุน” ได้จัดให้มีการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2535 โดย “ชวน หลีกภัย” หน.พรรคปชป.ได้เป็น “นายกรัฐมนตรี”
ยุค “รัฐบาลชวน” มีทั้งการตั้งและปรับครม. ด้วย “นายกฯชวน” เป็นนักกฎหมายมือฉมัง จึงเน้นคณะรัฐมนตรีทุกคนให้ระมัดระวัง การบริหารกระทรวงทบวงกรมต่างๆให้โปร่งใส ต้องไม่เกิดการคอร์รัปชั่นโกงชาติเหมือนรัฐบาลอื่น ทำให้ประชาชนคนไทยเชื่อมั่นว่า เมื่อ“หัวงูไม่ส่าย-หางงูต้องไม่กระดิก”
ทว่า “นักการเมืองหลายคน” ที่เป็นรัฐมนตรี รวมทั้งพลพรรคนักการเมืองที่เข้าไปทำงาน ตามกระทรวงทบวงกรมต่างๆหาได้เป็นเช่นนั้นไม่..
แม้ “นายกฯ ชวน” จะระวังตัวแจกับการทำงาน เข้มงวดอย่างยิ่งมิให้เกิดความบกพร่องผิดพลาด ทั้งระเบียบและข้อกฎหมาย จนทำให้การบริหารชาติหลายเรื่องราว เกิดความล่าช้า กระทั่งบางเรื่องช้าไม่ทันการณ์ จนได้สมญาจากสื่อทั้งหลายว่า “รัฐบาลชวนเชื่องช้า”
อย่างไรก็ตาม..ในห้วงปลายปี 2537 รัฐมนตรี 2 คนใน“รัฐบาลชวน” ได้ถูกฝ่ายค้านที่นำโดย “บรรหาร ศิลปอาชา” แฉพฤติกรรมในบางเรื่องที่ไม่น่าไว้วางใจ
นั่นเพราะเกิดปัญหาในกระทรวงเกษตรฯ เรื่องความไม่โปร่งใสในการจัดสรรที่ดิน“สปก.4-01” ที่มี“นิพนธ์ พร้อมพันธุ์” เป็น รมว. และ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” เป็น รมช.
โดย “รัฐบาลชวน”ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2535 ในเรื่องเศรษฐกิจด้านการเกษตร ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาความยากจนของเกษตรกร ด้วยนโยบายจะยกระดับรายได้ของเกษตรกรให้สูงขึ้น ด้วยวิธีการเร่งรัดปฏิรูปที่ดินออกเอกสารสิทธิ เพื่อกระจายสิทธิการถือครองที่ดินให้กับราษฏรผู้ยากไร้ และเกษตรกรที่ครอบครองที่ดินของรัฐประเภทต่างๆ โดยจะทำให้ได้เฉลี่ยปีละ 4 ล้านไร่
ทว่า วันที่ 20 ตุลาคม 2537 รมช.เกษตรฯ“สุเทพ เทือกสุบรรณ” ที่สื่อฯและผู้คนเรียก “เทพเทือก” กันจนติดปาก ที่รับผิดชอบกำกับดูแลเรื่องการปฏิรูปที่ดิน ได้เป็นประธานมอบเอกสิทธิ์ สปก.4-01 ให้กับราษฏรในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต จำนวน 486 ราย พื้นที่ทั้งหมด 10,536 ไร่ 2 งาน 95 ตารางวา
มีเรื่องไม่ชอบมาพากลโผล่ขึ้นมา เพราะในจำนวน 486 รายนั้น มีคนในตระกูลเศรษฐีมีชื่อเสียงของจ.ภูเก็ต รวมอยู่ด้วยนับสิบราย จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางจากสื่อมวลชนและประชาชน
ทำให้ “ก.เกษตรฯ” ต้องมีคำสั่งวันที่ 29 พฤศจิกายน 2537 ตั้ง คกก.ตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ที่ดิน สปก.4-01 ที่ได้แจกจ่ายให้ราษฏรใน จ.ภูเก็ต โดย คกก.นี้ได้ลงไปตรวจสอบที่ดินในพื้นที่จริง เมื่อวันที่ 2-4 ธันวาคม 2537 ซี่ง คกก.ได้สุ่มตัวอย่าง 73 ราย โดย 15 ตระกูลดังที่สื่อฯเสนอเป็นข่าวนั้น พบว่า 6 ตระกูลมีที่ดิน สปก.4-01 เกินกว่า 100 ไร่
ที่สำคัญ พบว่า..ที่ดินสปก.4-01 บางจุด เป็นป่าค่อนข้างสมบูรณ์ และผิดทั้งหลักเกณฑ์-วิธีการ-เงื่อนไขในการคัดเลือกเกษตรกร ซึ่งจะมีสิทธิ์ได้รับที่ดินเพื่อการเกษตร พ.ศ.2535 ในข้อ 6 (6) และข้อ 8 (1) รวมทั้งความหมายของคำว่า “เกษตรกร”? แหม..ก็แค่เศรษฐีแปลงร่างมาเอาที่ดินรัฐในคราบ “เกษตรกร” ว่ะ!
แต่เรื่องผิดๆของรมต.ใน “รัฐบาลชวน” แบบนี้ เสมือน “สมันน้อยสองตัว” ตกไปอยู่ท่ามกลางวงล้อม ของ “ฝูงพยัคฆ์” ที่กำลังหิวโหย มีหรือจะรอดสายตากับฝีปากฝ่ายค้านไปได้..
ผู้นำฝ่ายค้าน“บรรหาร ศิลปอาชา” หน.พรรคชาติไทย ที่สื่อฯ และ “คอการเมือง”ดูแคลนว่า “ค้านไม่เป็น”นั้น ได้ผนึกพลังกับ “น้าชาติ-พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ” หน.พรรคชาติพัฒนา โดยมีการประชุมนักการเมืองแกนนำระดับ “บิ๊ก” ของทั้งสองพรรค มาวางแผนและหาข้อมูลหลักฐานร่วมกัน เพื่อเตรียมการเปิดการอภิปรายไม่ไว้วางใจทันที
เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง จึงส่ง “นักการเมืองกลุ่ม 16” ซึ่งจัดว่าเป็น “กลุ่มขุนพล”ระดับ “พระกาฬ” เดินทางไปตรวจสอบพื้นที่จริงในจ.ภูเก็ตทันที
ส่วน “น้าชาติ-จารย์โต้ง”ได้เรียกประชุมทีมงาน มาส่องลึกลงไปถึงจุดอ่อนทางการเมือง เรื่องของ “ส.ป.ก.4-01” อีกด้วย โดยข้อมูลที่ “น้าชาติ” ป้อนให้ทีมงานในสำนักงานเลขาฯ รวมทั้งข้อมูลที่ “จารย์โต้ง” ได้รับจากเครือข่ายเพื่อนพ้องน้องพี่ ทั้ง “นักวิชาการ” และ“เอ็นจีโอ.”มากมาย แสดงจุดบกพร่องผิดพลาด ของ “นิพนธ์-เทพเทือก”รมต.กับรมช.เกษตรฯ ของ “รัฐบาลชวน”อย่างชัดเจน
หลังจากรวบรวมข้อมูลหลักฐานแล้ว ฝ่ายค้านจึงกล่าวหา “รัฐบาลชวน” ว่า ได้มีการนำที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จ.ภูเก็ต ไปแจกจ่ายอย่างไม่โปร่งใส ให้กับประชาชนที่มิใช่เกษตรกร เนื่องจากที่ดินบางส่วนเหมาะสมสำหรับทำเป็นที่พักตากอากาศ มากกว่าทำเกษตรกรรม
ที่สำคัญ ที่ดิน“สปก.4-01”ในจ.ภูเก็ต ที่แจกในครั้งนั้น ดันมีชื่อ“ทศพร เทพบุตร”สามีของ “อัญชลี วานิช เทพบุตร” ส.ส.หญิง ที่เป็นเลขาฯรมช.เกษตรฯ“เทพเทือก” เสียด้วยสิ..อ้าว..“เทพเทือกเลยเรือหาย”ว่ะ!
ส่วน รมว.“นิพนธ์” จะรู้หรือไม่รู้ในเรื่องนี้ ก็พลอยต้อง “อิ๊บอ๋าย”ไปด้วยโดยปริยาย..
งานนี้..ไม่มีรีรอชักช้าให้เสียเวลา! พรรคฝ่ายค้านจึงยื่นญัตติขอเปิดอภิปราย ไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล นั่นคือ “นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์” รมว.เกษตรฯ กับ “นายสุเทพ เทือกสุบรรณ” รมช.เกษตรฯ ในช่วงปลายปี 2537 ทันที
สถานการณ์ข่าวช่วงนั้นจึงอึกทึกครึกโครม เพราะทุกสื่อฯมีแต่ข่าวความไม่โปร่งใส เรื่องแจกที่ดิน“ส.ป.ก.4-01”ให้เศรษฐีที่มาในคราบ “เกษตรกร” ส่วนเกษตรกรผู้ยากจนจริงๆ ส่วนใหญ่ยังไร้ที่ดินไว้ทำการเกษตรเพื่อเลี้ยงชีวิตและครอบครัว
ความเหลื่อมล้ำที่ไม่ถูกต้องชอบธรรมเช่นนี้ ได้ทำลายศรัทธาความน่าเชื่อถือของรัฐบาลพรรคปชป. ที่ “นายกฯ ชวน”กุมบังเหียน ชื่อเสียงพรรคปชป. เสียหายอย่างหนัก คะแนนนิยมของพรรคลดฮวบลงอย่างน่าใจหาย แม้คนในรัฐบาลและพรรคปชป. จะพยายามใช้สื่อฯรัฐออกมาอธิบายสารพัด ยกแม่น้ำทั้งห้า ลากทะเลทั้งผืน แถมทุกคาบมหาสมุทร มาช่วยอุ้ม รมว.กับรมช.“นิพนธ์-เทพเทือก” ก็ตาม
แต่รัฐบาลและพรรคปชป. ก็ถูกสื่อฯรัฐและเอกชนที่รักความจริง อีกทั้งนักวิชาการที่รักชาติบ้านเมือง รวมทั้ง “นักการเมืองฝ่ายค้าน” และ “กลุ่ม16” ที่ปักหลักเปิดโปงแฉโพยสารพัด ความไม่ถูกต้องชอบธรรมเรื่องแจกที่ดิน “สปก.4-01” อย่างตรงไปตรงมาโดยไม่เกรงกลัว งานนี้ “ฝ่ายค้านกัดไม่ปล่อย”จริงๆ!
โดย “น้าชาติ-จารย์โต้ง” กับผมและทีมงาน ได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับ “ส.ส.กลุ่ม16” บางคน เพื่อเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ กับการเปิดอภิปราย ไม่ไว้วางใจ “นิพนธ์-เทพเทือก” เรียกว่า..ศึกไม่ไว้วางใจเป็นรายบุคคลครั้งนี้ บรรดา “ดาวสภาฝีปากกล้า” อย่าง “ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง” กับนักการเมือง “ดาวรุ่งพุ่งแรง” อย่าง “กลุ่ม16” พร้อม “ได้เสีย” กับการเปิดเวทีปะฉะดะกับ “นักพูดมือฉมัง” อย่าง “เทพเทือก” และพลพรรคปชป.ทุกคน
ทว่า..ศึกปะทะเดือดในสภาของ “รัฐบาล” กับ “ฝ่ายค้าน” ที่ประชาชนรอคอย ซึ่งกำหนดจะมาถึงในวันที่ 17 ธันวาคม 2537..พลันหายวับไปกับตาดื้อๆ..
7 ธันวาคม 2537 แค่สิบวัน ก่อนถึงวันอภิปรายไม่ไว้วางใจ “รัฐบาลชวน” เป็นรายบุคคล รมต.กับรมช.เกษตรฯ “นิพนธ์-เทพเทือก” ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่ง..เผ่นหนีไปเฉยเลย(ว่ะ)!
อย่างไรเสีย..ความจริงก็คือความจริง! เพราะในปี 2552 ศาลฎีกาได้พิพากษาคดีที่ดิน สปก.4-01 ซึ่งสนง.การปฏิรูปที่ดินจ.ภูเก็ต เป็นโจทก์ฟ้องขับไล่ “ทศพร เทพบุตร” ที่ครอบครองที่ดิน 99 ไร่ ให้ออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นผู้ไม่มีคุณสมบัติตามที่ พรบ.ปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกำหนด (ซึ่งคดี “ทศพร” เป็นหนึ่งใน 3 รายของเศรษฐีใน จ.ภูเก็ต ที่ต้องคืนที่ดินให้รัฐ โดยมีอีกหลายร้อยรายที่ต้องคืนที่ดินนับแต่เกิดกรณีสปก.4-01)
แต่มรสุมไม่ผ่านพ้นไปง่ายๆ หรอก เพราะฝ่ายค้านโหมมาถล่มใส่ “รัฐนาวาชวน”ทั้งคณะเชียวล่ะ..
..โปรดติดตามตอนต่อไปในสัปดาห์หน้า..