xs
xsm
sm
md
lg

พลังนักนวัตกรรมสังคม กำลังผลักดันการแก้ปัญหา/ดร.สุวัฒน์ ทองธนากุล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผลกระทบจากยุคโควิด-19 ขณะนี้น่าจะให้บทเรียนที่ผู้นำและผู้บริหาร ผู้ที่มีจุดมุ่งหมายที่ดีในความรับผิดชอบทางการงานได้เกิดตระหนักรู้ถึงแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน ให้ความสำคัญกับการอยู่ร่วมกันของมนุษย์และสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล


คณะกรรมาธิการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำของวุฒิสภา ซึ่งมี ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ เป็นประธาน เสนอให้รัฐบาลกันเงิน 1 แสนล้านบาท เพื่อสนับสนุนโครงการเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ให้ใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพจากเงินกู้ที่รัฐบาลเตรียมสำหรับนโยบายนี้ 4 แสนล้านบาท ที่อยู่ภายใต้ พรก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท

ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์   ผลักดันกลไกกรรมาธิการวุฒิสภา แก้ปัญหาความยากจน-ลดความเหลื่อมล้ำ

ดร.สังศิต มีความเห็นว่า รัฐบาลน่าจะพลิกวิกฤตโควิด-19 ให้เป็นโอกาส ด้วยกลยุทธ์ที่ดีก็สามารถใช้เงินกู้ดังกล่าว ช่วยเยียวยาผลกระทบพร้อมกับฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและสนับสนุนให้ 8,000 ตำบลทั่วประเทศเข้มแข็ง มั่งคั่ง ยั่งยืน


แนวคิดนี้ มุ่งพัฒนาอาชีพให้เกิดคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมที่ดี ส่งเสริมให้ประชาคม ท้องถิ่นทุกภาคส่วนในพื้นที่ร่วมคิดร่วมทำ โดยหน่วยงานของรัฐทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงให้การสนับสนุนที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง ด้านการสร้างโอกาสทางสังคม ด้านความสามารถในการแข่งขันและด้านสิ่งแวดล้อม


“รัฐบาลควรให้หน่วยงานของรัฐที่มีความคล่องตัวในการบริหารเป็นเจ้าภาพสนับสนุน มีคณะกรรมการกำหนดทิศทาง กำกับนโยบายที่มีผู้ทรงคุณวุฒิจากทั้งภาคประชาสังคม นักวิชาการจากทั้งภาคประชาสังคม นักวิชาการเอกชนและจากภาครัฐ”


ส่วนระบบสนับสนุนการใช้เงินก็ให้ระดับตำบล มีคณะกรรมการพหุภาคีวางแผนพัฒนาชุมชนแก้วิกฤต พัฒนาเศรษฐกิจฐานราก คุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นองค์รวม


ทั้งนี้ โดยให้ทำเป็นโครงการเสนอเพื่อพิจารณารับการสนับสนุนงบประมาณ อาจมีกรอบโครงการที่เปิดกว้าง ได้แก่ การสร้างความมั่งคงด้านอาหาร การพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็กเพื่อระบบสาธารณูปโภคและพัฒนาภาคเกษตรกร


ตัวอย่างเช่น โครงการบ่อบาดาลน้ำตื้น ฝายต้นน้ำ ธนาคารน้ำใต้ดิน การพัฒนาวิสาหกิจฐานราก การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวชุมชน การสร้างอาชีพใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ การเสริมสร้างสันติสุข การพัฒนาระบบดูแลผู้ได้รับผลกระทบหนี้สินครัวเรือน ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังที่สั่งสมเพิ่มขึ้น ทั้งจำนวนหนี้และจำนวนครัวเรือน ยิ่งเจอปัญหาตลาดชะงัก ผู้ซื้อหดหาย ราคาผลผลิตตกในยุคโควิด ก็ยิ่งซ้ำเติม ปัญหาก็ย่ำแย่

ดร.มู ฮัมหมัด ยูนูส เปลี่ยน “คนหางานทำ” เป็น “ผู้สร้างงานใหม่”

ดร.สังศิต กล่าวถึง ดร.มูฮัมหมัด ยู นูส นักเศรษฐศาสตร์ชาวบังกลาเทศ ผู้ได้รับรางวัลโนเบลจากนวัตกรรมเพื่อสังคมที่ริเริ่มและพัฒนาแนวคิด “ไมโครเครดิต” หรือการให้กู้เงินโดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน เป็นแนวคิดแบบ “ทุนนิยมสร้างสรรค์” หรือ “ทุนนิยมเพื่อผู้อื่น” โดยใช้เครื่องมือ เช่น วิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Business)


ดร.ยู นูส ได้ตั้งกองทุน Social Business Fund สนับสนุนโครงการโนบิน ซึ่งเปิดกว้างให้คนยากจนคนเดียวหรือรวมกลุ่มเสนอโครงการเพื่อ “สร้างงานใหม่” ไม่ใช่เป็นภาระของคนว่างงานหรือ “คนหางานทำ”
ผลลัพธ์ที่เกิดจึงได้ทั้งการเปลี่ยนปัญหาให้กลายเป็นทรัพยากร สร้างคุณค่าและมูลค่าซึ่งเป็นผลดีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม


กรณีเมืองไทย ดร.สังศิตและคณะกรรมาธิการดูจะให้น้ำหนักกับการแก้ปัญหา “การขาดแคลนน้ำ” เป็นปัจจัยสำคัญทั้งการผลิตและการบริโภคของประชาชน ซึ่ง 78% ยังขาดแคลน และเห็นว่ารัฐบาลควรให้ความสำคัญ


ทางออกสำหรับการแก้ “ภัยแล้ง” จึงอยู่ที่การรู้จักบริหารจัดการน้ำ เพื่อให้มีน้ำใช้ตลอดปี และจากที่คณะกรรมาธิการชุดนี้ได้ไปดูผลงานตัวอย่างที่ชาวบ้านดิ้นรนทำกัน 600 โครงการ ก็ได้ข้อสรุปว่าจะถอดบทเรียนให้ได้ต้นแบบสัก 10 รูปแบบในการแก้ปัญหา


แนวทางคือ จัดการแหล่งน้ำขนาดเล็ก ใช้งบจัดสร้างระดับเงินหมื่นหรือไม่เกินแสนบาท ใช้เวลาทำไม่เกิน 10 วัน สามารถช่วยให้ครอบครัวมีน้ำกินน้ำใช้ได้ทุกฤดูแล้ง


ดร.สังศิต ยังชี้ให้เห็นความสำคัญของการแก้ปัญหาเรื่องน้ำ จะช่วยเยียวยาบรรเทาความเดือดร้อนอย่างถึงแก่นให้เกิดผลดีต่อประชาชนส่วนใหญ่ ซึ่งประกอบอาชีพเกษตรกรรม


“ก่อนหน้าเกิดสถานการณ์โควิด-19 ภาคเกษตรกรก็ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำหนักหน่วงอยู่แล้ว เมื่อเกิด
วิกฤตโควิดก็เหมือนมาซ้ำเติมประชาชนให้การใช้ชีวิตและการประกอบอาชีพเกษตรกรรมยิ่งแย่ลงไปอีก”



อย่างไรก็ตาม แม้มีน้ำใช้แล้วก็ยังไม่หายจน เพราะเกษตรกรในเขตชลประทานส่วนใหญ่มีหนี้สินจากการเกษตรแบบพืชเชิงเดียว และมีการใช้ปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลง ทำให้ต้นทุนสูงจึงมีหนี้สิน


กรรมาธิการชุดนี้จึงเสนอให้ปลูกพืชอย่างน้อย 3-4 ชนิด ทั้งประเภทให้ผลผลิตระยะสั้น 1-2 สัปดาห์ พืชที่ให้ผลตอบแทน 4-6 เดือน และแบบเป็นระยะยาว 10-15 ปี แบบไม่มีมูลค่า ผสมผสาน


ข้อคิด....
แนวคิดแบบ ดร.สังศิต ประธานกรรมาธิการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา ซึ่งเป็นนักเศรษฐศาสตร์และเคยเป็นคณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต ได้เคลื่อนไหวครั้งนี้นับว่าน่าสนับสนุนมาก


เพราะนี่เป็นแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน มีจุดมุ่งหมาย (Purpose) เพื่อให้เกิดความอยู่ดีมีสุข (Well-Being) โดยมีเป้าหมาย (Goal) ที่การแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ



สาเหตุที่เป็นปัญหาสั่งสมก็คือ ปัจจัยการผลิตไม่สมดุล โดยเฉพาะเกษตรกรรายย่อย ขาดแคลนน้ำกิน น้ำใช้ น้ำเพื่อเพาะปลูก ทั้งยังต้องใช้ปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลง ทำให้ต้นทุนสูง เมื่อรายได้น้อยกว่ารายจ่าย ผลก็คือขาดทุนและเป็นหนี้เรื้อรัง


การสร้างโอกาสเพิ่มรายได้และลดรายจ่าย ด้วยการเปลี่ยนวิธีคิดและวิธีทำการเพาะปลูกพืชหลายชนิด เพื่อให้มีกินมีขายหลายช่วงเวลา และจัดการให้มีแหล่งน้ำขนาดเล็กที่ใช้งานได้ ด้วยหลักการเกษตรทฤษฎีใหม่ ตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง


จึงเป็นการช่วยแบบยั่งยืน ให้คนในเศรษฐกิจฐานราก เลิกจน สามารถช่วยตนเองได้ และยังมีกลไกช่วยจัดการแก้หนี้ครัวเรือนให้หลุดจากวงจรหนี้นอกระบบที่โหดร้าย


หวังว่ารัฐบาลจะได้คำนึงถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นของเศรษฐกิจ สังคมท้องถิ่น ก็ด้วยการมีจิตสำนึกใหม่ให้สมกับยุคหลังโควิดที่กำลังจะเกิดขึ้น ที่สำคัญคือ การได้อยู่ในแนวทางสร้าง “ประโยชน์สุข” ให้ประชาชนหมดปัญหาเดือดร้อน

suwatmgr@gmail.com




กำลังโหลดความคิดเห็น