ครอบครัวอยู่วิทยาเปิดตัว “พรรณราย พหลโยธิน” ทายาทรุ่นที่ 3 กับพันธกิจในการขับเคลื่อนโครงการ “พึ่งตน เพื่อชาติ” ประกาศพร้อมเดินหน้าโครงการในเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อเป้าหมายช่วยผู้ที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ให้ได้ 1 ล้านคน เชื่อมั่นแนวคิดและหลักปฏิบัติแบบเศรษฐกิจพอเพียงกับพันธมิตรที่แข็งแกร่ง จะทำให้คนไทยสามารถพึ่งพาตนเองได้ และรับมือได้กับทุกวิกฤติที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
พรรณราย พหลโยธิน ผู้บริหารโครงการ “พึ่งตน เพื่อชาติ” กล่าวว่า “พึ่งตน เพื่อชาติ เป็นโครงการของครอบครัวอยู่วิทยาที่มุ่งสร้างความมั่นคงทางด้านอาหารให้กับคนที่ได้รับผลกระทบที่ต้องการหาทางเลือกใหม่ๆในการดำรงชีวิต เพื่อให้เขาได้มีพอกินพอใช้ และพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน ด้วยแนวคิดเกษตรทฤษฎีใหม่ โดยผ่านกระบวนการฝึกปฏิบัติจากพันธมิตรของเราคือ เครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติ และสถาบันอาศรมศิลป์ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ตรงและพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสามารถทำให้เกิดขึ้นได้จริง และเป็นที่ยอมรับมาอย่างยาวนาน”
“โครงการพึ่งตน เพื่อชาติ ถือว่าเป็นโครงการของครอบครัวอยู่วิทยาอีกหนึ่งโครงการที่ได้สืบทอดเจตนารมณ์ของคุณเฉลียว อยู่วิทยา ที่ปลูกฝังให้คนในครอบครัวในการเรียนรู้ถึงบุญคุณของประเทศ และการตอบแทนคุณแผ่นดิน ที่พวกเราได้ถือปฎิบัติมาอย่างต่อเนื่องจากรุ่นสู่รุ่น พึ่งตน เพื่อชาติ ยังเป็นโครงการที่ระดมคนทั้งเจน 2 และเจน 3 ได้เข้ามาช่วยกันทำตามความสามารถและความถนัดของแต่ละคน เจน 3 จะเป็นคนลงมือทำ เพราะจะเป็นพวกคิดไวทำไว เก่งด้านเทคโนโลยี การออกแบบ ขณะที่เจน 2 จะนำประสบการณ์มาคอยให้คำแนะนำ และช่วยต่อยอดให้กับผู้ที่เข้าร่วมโครงการ” พรรณราย กล่าว
โครงการพึ่งตน เพื่อชาติ เตรียมเปิดรับสมัครในเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อให้คนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทั้งกลุ่มคนเมือง และคนต่างจังหวัด ที่ต้องการจะเปลี่ยนแนวทางการดำรงชีวิตใหม่ มีความเป็นผู้นำพร้อมเป็น “ทัพหน้า” ในการขยายผลสู่ชุมชนสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน โดยเบื้องต้นจะเปิดรับจำนวน 1,000 คน เพื่อเข้าโปรแกรมการบ่มเพาะประกอบด้วยการปรับหลักคิดสู่ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและการทำตามแนวทางเกษตรทฤษฎีใหม่ของในหลวงรัชกาลที่ 9 เพื่อสร้างความพอมีพอกินอย่างยั่งยืน
พรรณราย กล่าวว่า “หัวใจสำคัญของโครงการพึ่งตน เพื่อชาติ คือการพึ่งพากัน การแบ่งปันกัน ซึ่งเป็นเสน่ห์ของคนไทยที่ปลูกฝังอยู่ในดีเอ็นเอของเราทุกคน และไม่ว่าประเทศจะเกิดวิกฤติร้ายแรงแค่ไหน คนไทยก็ไม่เคยทิ้งกัน เราเชื่อว่ายิ่งแบ่งปัน ยิ่งแลกเปลี่ยนมากขึ้นเท่าใด เศรษฐกิจชุมชนซึ่งถือว่าเป็นรากฐานที่สำคัญของประเทศก็จะยิ่งมีความมั่นคง เข้มแข็งมากขึ้นเท่านั้น”