สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย เตือนให้คนไทยทิ้งหน้ากากอนามัยอย่างถูกต้อง ด้วยการพันใส่ถุงก่อนทิ้งลงถังขยะทั่วไป ระบุทั่วประเทศทิ้งมากถึงวันละ 2 ล้านชิ้นต่อวัน อาจเป็นสาเหตุทำให้เชื้อไวรัสโคโรนาแพร่ระบาด
ดร.วิจารย์ สิมาฉายา ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย กล่าวว่าในช่วงที่เชื้อไวรัสโคโรนา หรือโรคโควิด-19 ยังแพร่ระบาดในประเทศไทย ถึงแม้ว่าในขณะนี้พาหะโดยคนติดเชื้อสู่กันจะมีแนวโน้มที่ลดลง แต่ก็ยังไว้วางใจไม่ได้เนื่องจากลักษณะของเชื้อโรคที่แพร่ระบาดรวดเร็ว และไม่ตายง่ายๆ โดยอีกสาเหตุหนึ่งที่ทุกคนควรให้ความร่วมมือ ก็คือ การแพร่ระบาดจากขยะติดเชื้อ โดยเฉพาะจากขยะที่เกิดจากหน้ากากอนามัยใช้แล้วทั่วประเทศมีประมาณ 1.5 – 2 ล้านชิ้นต่อวัน ในพื้นที่ กรุงเทพฯ มีปริมาณขยะติดเชื้อเพิ่มขึ้น 1.7 ตันต่อวัน (วันละ 1,700 กิโลกรัม) รวมขยะติดเชื้อที่รวบรวมได้จากสถานพยาบาลต่างๆ และนำไปกำจัดโดยเตาเผาที่มีประสิทธิภาพ วันละ 50 ตัน ในขณะที่สภาวะปกติมีขยะติดเชื้อ 43 ตันต่อวัน
ที่เป็นปัญหาก็คือการทิ้งขยะติดเชื้อ หรือหน้ากากอนามัยรวมไปกับขยะทั่วไป หรือทิ้งในสิ่งแวดล้อม ตามที่พนักงานเก็บขนขยะในพื้นที่ต่างๆ ได้ประสบมา ในส่วนที่ถูกทิ้งไม่ถูกวิธีปะปนอยู่กับขยะประเภทอื่น สามารถก่อให้เกิดอันตรายจากการติดเชื้อได้ เนื่องจากหน้ากากอนามัยที่ถูกทิ้งนั้น อาจจะเป็นขยะติดเชื้อ ซึ่งเป็นไปได้ว่าบางคนอาจติดเชื้อโควิด-19 และอยู่ที่บ้าน หรือติดเชื้อโควิด-19 แต่ยังไม่แสดงอาการ
ดังนั้น สิ่งที่ทุกคนต้องทำ คือ
•คัดแยกการทิ้งหน้ากากอนามัยที่ใช้แล้วออกจากขยะทั่วไป
•นำไปทิ้งในถังขยะสีแดง หรือถังขยะอันตราย หรือถังขยะติดเชื้อ
•หรือเก็บรวบรวมใส่ถุงพลาสติก หรือขวดพลาสติกใสที่ใช้แล้ว และเขียนว่า “หน้ากากอนามัยใช้แล้ว หรือขยะติดเชื้อ” ฝากทิ้งกับรถเก็บขยะ
ทั้งนี้ เพื่อให้ง่ายต่อการแยกขยะติดเชื้อ และให้หน่วยงานที่รับผิดชอบนำไปกำจัดด้วยการเผา ด้วยเตาเผาที่มีระบบบำบัดมลพิษในที่ มีอุณหภูมิความร้อนสูงถึง 1,000 องศาเซลเซียส ซึ่งจะสามารถฆ่าเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ