ถ้าหากเราหาความหมายของสิ่งที่เราทําได้ เราย่อมจะเคลื่อนสู่อนาคตเพื่อประโยชน์ของคนทั้งมวล ถ้าถามว่าตลาดสุขใจ คืออะไร สําหรับผมเอง ตลาดสุขใจ คือ พื้นที่แหล่งการเรียนรู้ร่วมกันในการปฏิบัติ (Tranformative Learning Through Action) ไม่ใช่เรียนรู้ท่องหนังสือ ท่องวิชา แต่เป็นการลงมือปฏิบัติ และไม่ใช่การเรียนรู้คนเดียว เป็นการเรียนรู้ร่วมกัน บนเส้นทางสู่ยุคใหม่ของมนุษยชาติ
ทําไมถึงใช้คําใหญ่อย่างนี้ ว่าไปสู่ยุคใหม่ของมนุษยชาติ ที่ใช้คําใหญ่อย่างนี้ เพราะดูจากสถานการณ์รอบโลก ทั้งโลกในขณะนี้กําลังวิกฤติ อย่างที่เขาเรียกกันว่า วิกฤติอารยธรรม
ยุคต่างๆ เป็นไปอย่างไร กําหนดโดยวิธีคิด ให้ยุคเก่าหรือยุคที่ผ่านมา หรือว่ายุคที่เรากําลังอยู่ ผมเรียกว่า
ยุคใหม่ของมนุษยชาติ วิธีคิดในยุคที่ต่างกันคือ การคิดแบบแยกส่วน คิดว่ามนุษย์ก็อย่างหนึ่ง เศรษฐกิจก็
อย่างหนึ่ง สิ่งแวดล้อมก็อย่างหนึ่ง วัฒนธรรมก็อย่างหนึ่ง จิตใจก็อย่างหนึ่ง ธุรกิจก็อย่างหนึ่ง อะไรก็อย่าง
หนึ่ง แยกเป็นส่วนๆ
การชําแหละแยกเป็นส่วนๆ นั้นทําให้หมดชีวิต เหมือนชําแหละโค ชําแหละสุกรเป็นส่วนๆ ชีวิตคือการ
เชื่อมโยง การเชื่อมโยงทําให้มีชีวิต หัวใจ ปอด ตับ อะไรทั้งหลายเชื่อมโยงกัน เกิดบูรณการแล้วมีความ
สมดุล เมื่อบูรณาการ เกิดความสมดุลเราก็มีความสุข มีสุขภาพดีและอายุยืน การมีสุขภาพดีและอายุยืน
เป็นเพราะมีบูรณาการความเชื่อมโยงและมีความสมดุล ถ้าปอดไปทาง ตับไปทาง หัวใจไปทาง เราเป็นคน
อยู่อย่างนี้ไม่ได้ แต่ว่าการพัฒนาที่ผ่านมา มีการแบ่งแยกเป็นส่วนๆ ดังนั้นการคิด และการแยกเป็นส่วนๆ
ได้นําไปสู่วิกฤติ ซึ่งนําไปสู่การเสียสมดุล
โลกปัจจุบันถึงแม้จะเจริญอย่างไรก็ตาม แต่เป็นโลกที่เสียสมดุลทุกมิติทั้งในตัวมนุษย์เอง สังคม เกิดความ
เลื่อมล้ำ สิ่งแวดล้อมถูกทําลาย จนกระทั่งโลกร้อน เกิดหายนะภัยต่างๆ เกิดพายุรุนแรง เกิดแผ่นดินไหว
ภูเขาไฟระเบิด สึนามิมากขึ้น
ขอยกตัวอย่าง สังคมอเมริกัน ประมาณ 100 ล้าน โดยประมาณ 60 ล้านคนตายเพราะโอเวอร์โดส ดาราคนนั้นคนนี้ตาย เพราะโอเวอร์โดส ถามว่าทําไมเขากินยาแก้ปวด เพราะเขามีความปวดในตัวที่เรียกว่าโคลิเพลน โคลิเพลนเกิดขึ้นจากความไม่สมดุลในตัวเอง แล้วระบบภูมิคุ้มกันมันก่อให้เกิดการอักเสบเกิดเป็นโรคต่างๆ แล้วก็ไปกินยาเพื่อรักษาสมดุลในตัวเอง
การเสียสมดุลทางสังคม เศรษฐกิจ ในสังคมอเมริกาที่บอกว่าเป็นประชาธิปไตย และเป็นมหาอํานาจเต็มเลย
ขณะนี้เกิดความเลื่อมล้ำสุดๆ ที่เรียกว่าปรากฏการณ์ 99 ต่อ 1 เป็นการพัฒนาที่เป็นประโยชน์กับคน 1% คน
99% ไม่เป็นประโยชน์ แล้วเกิดความขัดแย้งจนไม่รู้จะไปยังไง
ฉะนั้นเราจะเห็นว่ายุคเก่าเป็นยุคแห่งการเสียสมดุล เพราะคิดและทําแบบแยกส่วนเป็นหลัก การคิดและทําแบบแยกส่วนนําไปสู่วิกฤติเสมอ แล้วเราลองหันมาดูสิ่งที่เรียกว่า “ตลาดสุขใจ สังคมสุขใจ สามพรานโมเดล” กําลังทําอะไร กําลังคิดอย่างไร
อันนี้คือการคิดเชื่อมโยง ไม่ใช่คิดแบบแยกส่วน คิดเชื่อมโยงว่าชีวิตคนระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ มนุษย์กับธรรมชาติ เรื่องเศรษฐกิจ เรื่องการท่องเที่ยว เรื่องอาหาร เรื่องเกษตรกรรม กสิกรรม ผูกบริโภค ทั้งหมดเชื่อมโยงกันหมด ถึงคิดกันอย่างบูรณาการ หรือคิดอย่างเชื่อมโยง สิ่งทั้งหลายมาเชื่อมโยง อันนี้คือธรรมชาติความเป็นจริง
ธรรมชาติ คือสรรพสิ่งล้วนเชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวกัน ทั้งหมดเป็นสิ่งเดียวกัน มนุษย์เกื้อมนุษย์และธรรมชาติทั้งหลาย อันนี้เรียกว่าจิตสํานึกใหม่ ฉะนั้นจิตสํานึกใหม่นําไปสู่ปัญญา เห็นความจริงของธรรมชาติ แล้วก็นําไปสู่พฤติกรรม ไปสู่การกระทํา ที่เรียกว่า การพัฒนาอย่างบูรณาการอย่างเชื่อมโยง ไม่ได้คิดแยกมนุษย์ว่าทําเพื่อประโยชน์ส่วนตัว ไม่คํานึงถึงคนอื่น
คิดถึงเชื่อมโยงคน คิดถึงชีวิตของเกษตรกร คิดถึงชีวิตของผู้บริโภคอย่างเชื่อมโยงเกื้อกูลกัน คิดถึงเกษตรที่
ไม่เบียดเบียนสิ่งแวดล้อม ไม่เบียดเบียนเกษตรกร ไม่เบียดเบียนผู้บริโภคโดยใช้สารพิษ เห็นประโยชน์ซึ่งกันและกัน แล้วก็มาเชื่อมโยงกัน คิดถึงการท่องเที่ยว คิดถึงเรื่องอาหาร เรื่องธุรกิจที่เชื่อมโยงกัน เรียกว่าธุรกิจเพื่อการพัฒนา ธุรกิจไม่ใช่แค่เอาเรื่องการเอาเงินเอาทองเท่านั้น แต่ธุรกิจสามารถพัฒนาใหม่เพื่อนมนุษย์ดีขึ้น สิ่งแวดล้อมดีขึ้น วัฒนธรรมดีขึ้น
ตรงนี้เป็นพื้นที่แหล่งการเรียนรู้ร่วมกันในการปฏิบัติบนเส้นทางสู่ยุคใหม่ของมนุษยชาติ ซึ่งเป็นเส้นทางแห่งการบูรณาการสิ่งทั้งหลายทั้งมวล เป็นเส้นทางแห่งสัจจะที่หมายถึงธรรมชาติ ความจริงที่มันเชื่อมโยงกัน ถ้าเราเข้าถึงสัจจะ เข้าถึงความจริงตรงนี้ เราจะหลุดพ้นเป็นเสรี เป็นอิสระ อย่าเข้าไปติดอยู่กับความไม่รู้ ความหลง ถ้าเราเข้าถึงความจริง เชื่อมโยง เราจะเป็นอิสระ แล้วมีความสุขทั้งเนื้อทั้งตัว เห็นความงามของสรรพสิ่ง มีความรอบด้านไพศาลต่อเพื่อนมนุษย์และสรรพสิ่ง
หากเข้าใจเรื่องที่ผมกล่าวมา คงไม่คิดว่าผมพูดเกินเลยไป ที่ว่า “ตลาดสุขใจ” คือพื้นที่แห่งการเรียนรู้ร่วมกันในการปฏิบัติบนเส้นทางสู่ยุคใหม่ของมนุษยชาติ มนุษยชาติไปเส้นทางเก่าไม่ไหวแล้ว จึงไปสู่เส้นทางใหม่อันเป็นเส้นทางบูรณาการเชื่อมโยง เพื่อสุขภาพกาย ใจ สังคมเศรษฐกิจ มันเชื่อมโยงกันทั้งหมด
มนุษย์มีศักยภาพที่จะเข้าใจเรื่องราวต่างๆเหล่านี้ มนุษย์มีศักยภาพที่จะเข้าสู่สิ่งสูงสุดซึ่งสัตว์ไม่มีสิ่งสูงสุดคือความจริง ความดี ความงาม ความจริงก็คือธรรมชาติ ถ้าเข้าถึงความจริงมันเกิดความดี แล้วมันเข้าถึงความงาม เพราะฉะนั้นธรรมชาติเป็นความงามที่เป็นความดีอันล้นเหลือ
การมาร่วมกันทําในตลาดสุขใจ ไม่ว่าเรื่องของสังคมสุขใจ เรื่องของสามพรานโมเดล ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ พวกผมเองในฐานะที่เป็นลูกค้าที่นี่มากว่า 30 ปี พวกเรามีกลุ่มมาใช้ที่นี่เป็นที่ประชุมเดือนละครั้ง เราเรียกชื่อกลุ่มเราว่า กลุ่มสามพราน มาเป็นเวลากว่า 30 ปี
แล้วการคิดเรื่องระบบสุขภาพออกไปเป็นอะไรต่ออะไรต่างๆ มากมายในสังคมไทย ออกไปเป็น สสส. สปสช. เรื่องราวต่างๆ มากมายและออกไปในโลก พวกเรากลุ่มสามพรานที่มาใช้ที่นี่รู้สึกดีใจที่เห็นสวนสามพรานที่เรารักกลายเป็นพื้นที่แหล่งการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐาน เป็นที่แห่ง Transfer Metric Learning ที่คนเข้ามาเรียนรู้เพื่อนําไปสู่การเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐาน เปลี่ยนแปลงวิธีคิด เปลี่ยนแปลงกาย ใจ ความสัมพันธ์ มนุษย์จะต้องไปถึงตรงนี้ คือสามารถเปลี่ยนแปลงได้ เพราะมนุษย์นั้นสามารถมีศักยภาพสูงสุดในการเข้าถึงความจริง ความดี ความงาม เพราะฉะนั้นสิ่งที่สวนสามพรานกําลังทําในเรื่องต่างๆ คือการเข้าถึงความจริง ความดี ความงาม แล้วก็
มีคนไม่น้อยที่มาเข้าร่วมมากขึ้นเรื่อยๆ
ใน 9 ปีที่ผ่าน ที่มาร่วมเริ่มตลาดสุขใจนับจํานวนได้ 7 ล้านคนแล้ว แล้วทางสื่อมวลชนนำไปลงข่าวอยู่เสมอ อย่างคุณอรุษ นวราช เลขานุการมูลนิธิสังคมสุขใจ ก็จะลงสื่อ ในเรื่องสามพรานโมเดล อันนี้เป็นเรื่องที่ดี เพราะการสื่อสาร เรื่องที่ดีเป็นกุศลอย่างยิ่ง สื่อมวลชนจะเป็นสื่ออะไร แขนงไหนก็แล้วแต่ โซเซียลมีเดีย สื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ ช่วยกันสื่อสารว่าเราต้องมาสู่ยุคใหม่ มนุษย์ชาติต้องมาสู่ยุคใหม่ มาช่วยกันเปิดพื้นที่มากๆ ถ้ามีองค์กรจากภาครัฐ อะไรต่างๆ เข้าใจเรื่องนี้ เราสามารถจะเปิดพื้นที่เรียนรู้ต่างๆ ในโลกปัจจุบันเพื่อไปสู่ยุคใหม่ของมนุษยชาติ
มนุษยชาติทั้งโลกนี้จะต้องก้าวไปสู่ยุคใหม่แห่งการอยู่ร่วมกันอย่างสมดุล ทั้งระหว่างคนกับคน และคนกับธรรมชาติที่เรียกว่า “สังคมอินทรีย์” อย่างที่ “สังคมสุขใจ”เป็น
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ประเวศ วะสี
ราชบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ราษฎรอาวุโส
(เรียบเรียงจากปาฐกถาพิเศษ งาน “ตลาดสุขใจ จ.นครปฐม ครบรอบ 9 ปี”)