สสส.ชู “บัดดี้โฮมแคร์” กิจการเพื่อสังคม ดึงเยาวชนขาดโอกาส อบรมเป็นผู้ดูแลผู้สูงอายุ ให้บริการครอบครัวมีกำลังจ่าย นำกำไรมาช่วยดูแลผู้สูงอายุยากไร้ ลงทุน 1 บาท เกิดประโยชน์ตอบแทนกลับมา 5 บาท รวมแล้วกว่า 29 ล้านบาท พร้อมโชว์ผลงานการออกแบบสภาพแวดล้อมและนวัตกรรมท้องถิ่นที่เอื้อต่อสุขภาวะผู้สูงอายุและคนพิการ
วันนี้ (14 พ.ย.) นายพิทยา จินาวัฒน์ ประธานกรรมการบริหารแผน คณะที่ 2 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ลงพื้นที่ติดตามการสร้างเสริมสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ จ.เชียงใหม่ โดยนางภรณี ภู่ประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ สสส. กล่าวว่า จ.เชียงใหม่มีผู้สูงอายุประมาณร้อยละ 20 ของประชากร ซึ่งถือว่าสูงกว่าอัตราผู้สูงอายุเฉลี่ยของประเทศที่อยู่ประมาณร้อยละ 17 โดยคาดว่า จ.เชียงใหม่มีผู้สูงอายุกลุ่มติดบ้านและติดเตียงมากกว่า 50,000 คน ที่ต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิด และยังพบว่าผู้สูงอายุเกือบครึ่งหนึ่งมีโรคเรื้อรังหรือโรคประจำตัว โดยเฉพาะในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ สสส. จึงสนับสนุนการดำเนินงานด้านการดูแบผู้สูงอายุ ซึ่งมีหบากหลายโครงการ แต่ที่มีความโดดเด่น คือ การร่วมกับมูลนิธิพัฒนางานผู้สูงอายุ (มพส.) ดำเนิน “โครงการพัฒนาต้นแบบกิจการเพื่อสังคมบัดดี้โฮมแคร์ ในการดูแลผู้สูงอายุ” (Buddy HomeCare) ที่คัดเลือกเยาวชนกลุ่มชาติพันธุ์ที่ขาดโอกาสทางการศึกษา เข้ารับการฝึกอบรมเป็นผู้ดูแลผู้สูงอายุตามหลักสูตรผู้ดูแลผู้สูงอายุ 420 ชั่วโมง โดยความร่วมมือจากคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ปัจจุบันมี 30 คน มาบริการดูแลผู้สูงอายุแบบเสียค่าบริการในพื้นที่นำร่อง 35 ชุมชน ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ แล้วนำผลกำไรมาตอบแทนสังคม โดยการดูแลผู้สูงอายุยากไร้ในชุมชนร่วมกับโครงการอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุที่บ้านของมูลนิธิพัฒนางานผู้สูงอายุ
“ถือเป็นการสร้างอาชีพและรายได้ให้เยาวชนที่ขาดโอกาส และเป็นการดำเนินงานต้นแบบวิสาหกิจเพื่อสังคมเพื่อการดูแลผู้สูงอายุ ในขณะที่ผู้สูงอายุที่ยากไร้ ขาดคนดูแลก็จะได้รับการดูแลผ่านกลไกระดับชุมชนจากอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุที่บ้านที่มูลนิธิพัฒนางานผู้สูงอายุได้พัฒนาศักยภาพไว้” นางภรณี กล่าวและว่า ที่ผ่านมาผู้สูงอายุที่เป็นลูกค้าของบัดดี้โฮมแคร์ส่วนใหญ่มีสุขภาพดีขึ้น สามารถช่วยเหลือตัวเองได้มากขึ้น ลดภาระพึ่งพิงจากครอบครัวได้บางส่วน ในขณะที่ผู้สูงอายุยากไร้ในชุมชนที่โครงการฯ ได้ส่งเจ้าหน้าที่บัดดี้โฮมแคร์เข้าไปดูแล และให้ความรู้กับผู้ดูแลในครอบครัวจนมีความสามารถในการช่วยเหลือ ดูแลผู้สูงอายุอย่างเหมาะสมมากขึ้น ผู้สูงอายุสามารถช่วยเหลือดูแลตัวเอง หรือออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย การลงทุนในโครงการฯนี้ ถือว่ามีความคุ้มค่าอย่างมาก
นายสว่าง แก้วกันทา ผู้อำนวยการมูลนิธิพัฒนางานผู้สูงอายุ(มพส.) กล่าวว่า โครงการบัดดี้โฮมแคร์มีการจัดเก็บข้อมูลผู้สูงอายุในรูปแบบข้อมูลออนไลน์ด้วย Google Form และ Google Sheet ปัจจุบันมีข้อมูลออนไลน์ จำนวน 214 คน และได้วิเคราะห์คัดเลือกผู้สูงอายุยากไร้ที่ต้องการการดูแลเฉพาะ จำนวน 20 ราย ในการทำแผนการดูแลผู้สูงอายุรายบุคคล (Individual care plan) จากการดำเนินงานตามแผนดูแลผู้สูงอายุรายบุคคล มีผู้สูงอายุจำนวน 5 ราย ที่สามารถแก้ปัญหาโดยการปรับสภาพแวดล้อมแวดล้อมที่อยู่อาศัย และฝึกทักษะให้สามารถช่วยเหลือตัวเองได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังเกิดศูนย์ประสานงานรับเรื่องร้องทุกข์ ปัญหาและสิทธิการรักษาพยาบาลของผู้สูงอายุ ชุมชนวนาลี จากการบูรณาการร่วมกับงานส่งเสริมสิทธิผู้สูงอายุในชุมชน มีการดำเนินกิจกรรมเยี่ยมบ้านผู้สูงอายุยากไร้รวมทั้งสิ้น 1,743 คน โดยบูรณาการร่วมกับภาคส่วนต่างๆ รวม 20 องค์กร
นางอุบล หลิมสกุล กรรมการบริหารแผนคณะ 2 สสส. กล่าวว่า จากการประเมินโครงการบัดดี้โฮมแคร์ พบว่า ในการลงทุน 5 ล้านบาท จะได้ผลตอบแทนกลับมาถึง 29 ล้านบาทนั่นหมายถึงลงทุน 1 บาทผลตอบแทนกลับมา 5 บาท และหมายถึงการที่ผู้สูงอายุทั้งที่มีกำลังจ่าย และผู้สูงอายุยากไร้ได้รับการดูแล โดยไม่ต้องรอเพียงแค่การดูแลจากรัฐบาล นอกจากนี้ ยังเป็นการสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับเยาวชน ซึ่งเดิมหากเขาไม่ได้มาทำงานนี้ก็ต้องไปทำงานก่อสร้าง หรือทำงานที่มีผลกระทบกับสุขภาพ บางส่วนจะหลุดวงจรของแรงงานไป เพราะฉะนั้นถือว่าโครงการทดลองนี้มีความคุ้มค่า ดังนั้นจึงอยากมีการส่งต่อไปยังหน่วยงานหลักทำอย่างไรที่จะให้โครงการนี้ไปอยู่ในโครงการของรัฐอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ เราพบคำตอบมีคำตอบว่าผู้สูงอายุไม่ได้ต้องการอยู่ในสถานสงเคราะห์ ความสุขที่สุดของผู้สูงอายุคือการอยู่ที่บ้านร่วมกับลูกหลาน เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราคาดหวังว่างานนี้จะสามารถขับเคลื่อนต่อได้ภายใต้การทำงานของหน่วยงานรัฐและประสานความร่วมมือกับเอกชนซึ่งวันนี้มีผู้สนใจเกี่ยวกับสังคมผู้สูงวัยจำนวนมาก
นายมานพ ตันสุภายน ประธานชมรมผู้สูงอายุตำบลหนองตองพัฒนา อ.หางดง จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า การดูแลคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุในชุมชนดำเนินงานภายใต้แนวคิด “ร่วมแรง ร่วมใจ ผู้สูงวัยเบิกบาน” เน้นให้ชุมชนเป็นเจ้าของ ชุมชนมีส่วนร่วม ชุมชนเป็นพื้น ฐานรัฐบาลและท้องถิ่นให้การสนับสนุน และเกิดความเข้มแข็งของชมรมผู้สูงอายุในการบูรณาการทำงานร่วมกับหน่วยงาน องค์กรในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี ที่ผ่านมาศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ(ป่าลาน) ตำบลหนองตองพัฒนา ได้ร่วมกับศูนย์พัฒนานวัตกรรมสภาพแวดล้อมสังคมสูงวัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หรือ Universal Design Center : UDC มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นำองค์ความรู้และงานวิจัยด้านนวัตกรรมท้องถิ่น มาใช้เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุในชุมชน รวมถึงให้ความรู้ คำปรึกษาในการปรับสภาแวดล้อมในชุมชน เช่น การปรับปรุงที่อยู่อาศัยที่เอื้อต่อสภาพแวดล้อมของผู้สูงอายุ การจัดสภาพบ้านด้วยวัสดุท้องถิ่น ซึ่งการจัดสภาพแวดล้อมทางกายภาพเป็นส่วนสําคัญสําหรับการใช้ชีวิตของผู้สูงอายุเพราะอุบัติเหตุของผู้สูงอายุมักเกิดจากสภาพสิ่งแวดล้อมทางกายภาพที่ผู้สูงอายุอาศัยอยู่ ตัวอย่างเช่น การเกิดอุบัติเหตุในบ้าน การหกล้ม เพราะเฟอร์นิเจอร์ในบ้านที่กีดขวางทางเดิน หรือเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่มั่นคง ทางลาด ราวจับเพื่อพยุงตัวป้องกันการหกล้มฯลฯ นอกจากนี้ยังได้จัดตั้งธนาคารอุปกรณ์เพื่อรวบรวมเครื่องมือ อุปกรณ์ เครื่องใช้สำหรับผู้สูงอายุและคนพิการ ที่สามารถให้ผู้สูงอายุและคนพิการยืมได้ เช่น ไม้ยู้ สำหรับกายภาพแขน กะลาคู่นวดฝ่า เก้าอี้ยืดขาแขน อุปกรณ์บริหารข้อมือ และนวัตกรรมท้องถิ่นที่ได้รับการพัฒนาขึ้นภายในศูนย์ ได้แก่ เก้าอี้ไม้ไผ่สำหรับนั่งอาบน้ำ การออกแบบราวจับจากวัสดุท้องถิ่นเพื่อเป็นทางเลือกแก่ผู้พิการและคนชราและอุปกรณ์กายภาพสำหรับทุกคน ซึ่งการปรับสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการใช้ชีวิตของผู้สูงอายุและคนพิการนี้ช่วยให้ผู้สูงอายุและคนพิการ รวมทั้งครอบครัวมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปลอดภัย และมีความสุขมากขึ้นด้วย