xs
xsm
sm
md
lg

‘ไทยออยล์’ เดินหน้าสร้างคุณค่าร่วมสู่สังคม

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

วิรัตน์ เอื้อนฤมิต
ไทยออยล์ ยืนหยัดการขับเคลื่อนธุรกิจโรงกลั่นให้เติบโตไปพร้อมกับสังคม ชุมชนและสิ่งแวดล้อม ด้วยการบริหารจัดการความยั่งยืนของธุรกิจอย่างสมดุลโดยการสร้างคุณค่าร่วม กรณีส่งมอบอาคารอุบัติเหตุและฉุกเฉินแก่โรงพยาบาลแหลมฉบัง นับเป็นต้นแบบความสำเร็จของการสร้างคุณค่าร่วมอย่างลงตัว
วิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) แถลงว่า ในฐานะผู้ประกอบธุรกิจการกลั่นและจำหน่ายนํ้ามันปิโตรเลียมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเป็น โรงกลั่นที่มีประสิทธิภาพสูงสุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตลอด 58 ปี ที่ไทยออยล์เติบโตมาพร้อมกับชุมชน มีแนวทางการขับเคลื่อนธุรกิจให้ก้าวเติบโตไปพร้อมๆ กับการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมหรือ CSR ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นความร่วมมือที่นำไปสู่ความสำเร็จตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ซีเอสอาร์ของไทยออยล์ใช้แนวทางหลายๆ ด้านประกอบกัน ครอบคลุมทั้งด้านการศึกษา สาธารณสุข ศาสนา ประเพณีและวัฒนธรรม และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เพื่อส่งเสริมให้ชุมชนเติบโตไปด้วยกัน เพราะเป็นวิถีของการดำเนินธุรกิจที่เจริญเติบโตอย่างยั่งยืน โดยได้ริเริ่มหลายกิจกรรมเพื่อสังคมที่สร้างคุณค่าแก่ชุมชน
ศ.พิเศษ ดร.ทศพร ศิริสัมพันธ์ (ที่ 3 จากซ้าย) ประธานกรรมการ และ วิรัตน์ เอื้อนฤมิต (ที่ 2 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ร่วมทำพิธีเปิดและส่งมอบอาคารไทยออยล์ให้กับโรงพยาบาลแหลมฉบัง เพื่อใช้เป็นศูนย์กลางการรักษาพยาบาลผู้ป่วยจากอุบัติเหตุและฉุกเฉิน โดยมี ภัครธรณ์ เทียนไชย (กลาง) ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ให้เกียรติเป็นประธานในพิธี
เมื่อเร็วๆ นี้ ไทยออยล์ได้ส่งมอบอาคารอุบัติเหตุและฉุกเฉินให้โรงพยาบาลแหลมฉบัง เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนด้านสาธารณสุขในพื้นที่แหลมฉบัง ซึ่งเป็นพื้นที่บริเวณโดยรอบโรงกลั่นของไทยออยล์ โครงการก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลดังกล่าวเป็นหนึ่งในแนวทางการสร้างคุณค่าร่วม (Creating Shared Value: CSV) เพราะนอกจากไทยออยล์สนับสนุนงบประมาณในการก่อสร้างตัวอาคาร จำนวน 100 ล้านบาท ก็มีการขยายความร่วมมือไปยังเทศบาลนครแหลมฉบังและโรงพยาบาลแหลมฉบัง ผ่านการจัดตั้ง “กองทุนสนับสนุนอาคารอุบัติเหตุและฉุกเฉินโรงพยาบาลแหลมฉบัง” ระดมเงินบริจาคร่วมได้กว่า 80 ล้านบาท ที่บริษัท ห้างร้าน และประชาชนได้ร่วมสนับสนุน
ไทยออยล์ให้ความสำคัญกับการเป็นเพื่อนบ้าน ที่ได้รับความไว้วางใจจากชุมชน (Trusted Neighbor) ขณะเดียวกันมุ่งมั่นทำองค์กรให้ได้รับการชื่นชมจากสังคมด้วย ดังนั้น จึงดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมด้านต่างๆ ที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม ชุมชนและสิ่งแวดล้อม ภายใต้กรอบหลัก 3 ส่วน ได้แก่ 1.มีธรรมาภิบาล (Good Governance) 2.คำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกด้าน (Stakeholders) ทั้งผู้ถือหุ้น พนักงาน ลูกค้า คู่ค้า ชุมชน หรือแม้กระทั่งเอ็นจีโอที่คอยใส่ใจในเรื่องสิ่งแวดล้อม และ 3.ยึดหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development) โดยสร้างดุลยภาพใน 3 มิติ คือ สังคม เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม
ไทยออยล์ ขยายแนวทางสร้างคุณค่าร่วมกับ โรงพยาบาลแหลมฉบัง ไทยออยล์ ยังมีโครงการด้านสาธารณสุขที่ดำเนินการร่วมกับโรงพยาบาลแหลมฉบัง ได้แก่
1.โครงการทันตกรรม ยกระดับสู่โรงเรียนส่งเสริมสุขภาพ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมสุขภาพช่องปากของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 ใน 8 โรงเรียนรอบกลุ่มไทยออยล์ โดยจัดให้มีการตรวจสุขภาพช่องปาก การอุดฟัน ถอนฟัน เคลือบหลุมร่องฟัน เคลือบฟลูออไรด์ ขูดหินปูน และการส่งเสริมป้องกันฟันผุ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2553
2.โครงการออกหน่วยสร้างเสริมสุขภาวะชุมชน ร่วมมือกับเทศบาลนครแหลมฉบัง ในการออกหน่วยสร้างเสริมสุขภาวะชุมชน 10 ชุมชนรอบโรงกลั่น มีการให้บริการทางการแพทย์ เช่น ตรวจความดัน ตรวจรักษาโรคทั่วไป ถอนฟัน และฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าให้ สัตว์เลี้ยง เป็นต้น อีกทั้งยังเป็นเวทีในการสื่อสารการ ดำเนินงานของกลุ่มไทยออยล์แก่ประชาชน เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง
3.โครงการเวชศาสตร์ชุมชน ประกอบด้วย 4 โครงการ ได้แก่ โครงการสำรวจสุขภาวะครอบครัวและการคัดกรองความเสี่ยงโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (FAP 1,2) รายละเอียดโครงการ ทำการสำรวจ สอบถามข้อมูลพื้นฐานด้านสุขภาพ สุขภาวะของแต่ละครอบครัว มีการจัดเก็บและบันทึกข้อมูลในระบบฐานข้อมูล FAP (Family and Community Assessment Program) ระบบสามารถประมวลผลประเมินสุขภาวะรายครอบครัว และสุขภาพรวมของชุมชนโดยนักศึกษาพยาบาลขั้นปีที่ 4 โครงการคัดกรองผู้สูงอายุ เพื่อสำรวจความสามารถในการช่วยเหลือตนเอง รายละเอียดโครงการ โครงการจิตอาสาของนักศึกษา ชั้นปีที่ 3 คณะเภสัชศาสตร์ ม.ศิลปากร ร่วมกับโรงพยาบาลแหลมฉบัง เพื่อสำรวจข้อมูลผู้สูงอายุ นำไปสู่การติดตามดูแลของโรงพยาบาลต่อไป โครงการคัดกรองโรคโลหิตจาง (ธาลัสซีเมีย) รายละเอียดโครงการ โครงการร่วมกับศูนย์ธาลัสซีเมีย โรงพยาบาลศิริราช เพื่อคัดกรองผู้ที่เป็นพาหะธาลัสซีเมีย นำไปสู่การวางแผนครอบครัวต่อไป โครงการร่วมพัฒนาระบบติดตามการใช้ยาและสร้างเสริมสุขภาวะครอบครัวและชุมชน (FAP 5-6) รายละเอียดโครงการ โครงการร่วมระหว่างคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร มหาวิทยาลัยบูรพา และโรงพยาบาลแหลมฉบัง เกิดเป็นโครงการติดตามเยี่ยมบ้าน เพื่อเก็บข้อมูลปัญหาการใช้ยาและสุขภาพของผู้ป่วยโรคเรื้อรังในชุมชน
พิธีเปิดและส่งมอบอาคารไทยออยล์ให้กับโรงพยาบาลแหลมฉบัง ชลบุรี
อาคารไทยออยล์เป็นอาคารสูง 5 ชั้น ได้รับการออกแบบให้มีความทันสมัย และถูกสุขลักษณะตามแบบมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข ด้วยงบประมาณโครงการกว่า 180 ล้านบาท
อาคารไทยออยล์ รพ.แหลมฉบัง ต้นแบบการสร้างคุณค่าร่วม
อาคารไทยออยล์ เป็นอาคารอุบัติเหตุและฉุกเฉิน ซึ่งบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) มอบให้กับ โรงพยาบาลแหลมฉบัง เพื่อยกระดับการรักษาพยาบาลชาวนครแหลมฉบังได้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตและทุพพลภาพ รวมถึงช่วยบรรเทาปัญหาความแออัดของผู้ป่วย โดยสามารถให้บริการผู้ป่วยได้เพิ่มขึ้นจากเดิม 165 เตียง เป็น 250 เตียง
อาคารแห่งนี้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความร่วมมือที่ดีของภาครัฐ เอกชนและชุมชนนครแหลมฉบัง เนื่องจากวางแนวทางการดำเนินโครงการตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งเสร็จสมบูรณ์ มีทุกฝ่ายเข้ามาร่วมมือกันเป็นอย่างดีตั้งแต่โครงการระยะที่ 1 ที่ไทยออยล์เป็นผู้รับผิดชอบและควบคุมงานวิศวกรรมทั้งหมดตามความเชี่ยวชาญ โดยไทยออยล์ให้การสนับสนุนงบประมาณการก่อสร้างกว่า 100 ล้านบาท
ต่อมาโครงการในระยะที่ 2 เป็นการก่อสร้างในขอบเขตงานระบบ ไทยออยล์ เทศบาลนครแหลมฉบังและโรงพยาบาลแหลมฉบัง จึงร่วมจัดตั้ง “กองทุนสนับสนุนอาคารอุบัติเหตุและฉุกเฉิน” เพื่อนำเงินมาใช้ ดำเนินการติดตั้งงานระบบสนับสนุนทางการแพทย์ภายใน
“ไทยออยล์แสดงเจตนารมณ์ที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ด้านการสาธารณสุข จะเห็นว่าตัวอาคารทั้ง 5 ชั้นที่ให้บริการ ห้องฉุกเฉิน ห้องผ่าตัด ห้องคลอด หอผู้ป่วยทารก และห้องล้างตัวจากสารเคมี ห้องแยกโรคสำหรับผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ มีความทันสมัยตามแบบมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข เรามอบหมายบุคลากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญทางวิศวกรรมร่วมควบคุมดูแลก่อสร้างเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานมากที่สุด และเป็นรูปแบบที่เหมาะสมกับความต้องการใช้งานของคณะแพทย์และพยาบาล” ซีอีโอไทยออยล์ กล่าวในที่สุด