ก.พลังงานร่วมกับพม.โดยกคช.ลุยโครงการฉลากประสิทธิภาพสูงสำหรับบ้านพักอาศัย หวังยกระดับการใช้พลังงานในภาคอาคาร ตั้งเป้าให้เกิดบ้านเบอร์ 5 กว่า 115,000 หลัง คาดลดใช้พลังงานไฟฟ้าได้กว่า 128 ล้านหน่วยต่อปี หรือปีละ 512 ล้านบาท พร้อมลด CO2 กว่า 67,000 ตันต่อปี
พลเอกอนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า การใช้พลังงานไฟฟ้าของประเทศในปัจจุบัน มีอัตราเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วต่อเนื่องในแต่ละปี ดังนั้น กระทรวงพลังงานในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบการจัดหาแหล่งพลังงานให้เพียงพอกับความต้องการของทุกภาคส่วน ได้กำหนดนโยบายในการบริหารจัดการด้านพลังงานของประเทศอีกทางหนึ่ง ด้วยการส่งเสริมและผลักดันการอนุรักษ์พลังงานอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งด้านพลังงานทดแทน พลังงานหมุนเวียนและพัฒนาพลังงานที่สะอาด พร้อมสนับสนุนการใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในด้านการออกกฎหมายบริหารจัดการอาคารและโรงงานควบคุม ส่งเสริมการใช้อุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพสูง รวมถึงสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งได้รับความร่วมมือจากผู้ใช้ไฟฟ้าในทุกภาคส่วนเป็นอย่างดี จนนำไปสู่แนวทางปฏิบัติให้กับสังคมไทยได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งโครงการฉลากประสิทธิภาพสูงสำหรับบ้านที่อยู่อาศัยที่กฟผ. และกคช.ร่วมกันจัดทำขึ้นนี้ ถือเป็นอีกมาตรการหนึ่งที่จะผลักดันให้เกิดการยกระดับการใช้พลังงานในภาคอาคารและที่อยู่อาศัยของประเทศ เพื่อรองรับเป้าหมายการลดการใช้ไฟฟ้าตามกรอบแผนอนุรักษ์พลังงานปี 2558 - 2579 โดยเชื่อมโยงเกณฑ์ประเมินพลังงานกับมาตรฐานประสิทธิภาพอาคารขั้นต่ำ หรือ Building Energy Code
ด้าน พลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม) กล่าวว่า ปัจจุบันความต้องการใช้พลังงานในประเทศไทยมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในภาคที่อยู่อาศัยที่มีการใช้พลังงานหลายรูปแบบ เช่น ระบบแสงสว่าง ระบบปรับอากาศ ตลอดจนการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ รวมถึงการใช้พลังงานในการผลิตวัสดุก่อสร้างและขั้นตอนการก่อสร้าง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยการเคหะแห่งชาติ จึงได้ดำเนินการศึกษาและพัฒนาที่อยู่อาศัยประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง
ภายใต้ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานทั้งภายในและภายนอกประเทศ มีเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ด้านที่อยู่อาศัย มุ่งเน้นให้มีปริมาณที่อยู่อาศัยที่กลุ่มเป้าหมายรับภาระได้อย่างเพียงพอ ประชาชนมีความมั่นคงในการอยู่อาศัย ที่อยู่อาศัยมีคุณภาพ ได้มาตรฐาน ถูกสุขลักษณะ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและมีสภาพแวดล้อมที่ดี ดังนั้น ความร่วมมือเกี่ยวกับการพัฒนาที่อยู่อาศัยประหยัดพลังงานที่มีประสิทธิภาพของทั้งสองหน่วยงานครั้งนี้ จึงเป็นอีกหนึ่งมิติของความร่วมมือที่ควรให้การสนับสนุนและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะนำมาสู่การพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งยังสอดคล้องกับภาพรวมทิศทางการพัฒนาประเทศอย่างเป็นรูปธรรม
ขณะที่ บุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร รองผู้ว่าการกิจการสังคม การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กล่าวถึงการดำเนินโครงการฯ ว่า กฟผ.ได้ประสานงานขอความร่วมมือจากกคช. ให้ร่วมกันจัดทำกรอบความร่วมมือ เพื่อผลักดันให้เกิดการประหยัดพลังงานในอาคารและบ้านที่อยู่อาศัย ด้วยการบูรณาการการออกแบบเลือกใช้วัสดุการก่อสร้างและอุปกรณ์ไฟฟ้าเพื่อการประหยัดพลังงาน พร้อมให้คำแนะนำผู้ประกอบการในการพัฒนาปรับปรุงแบบอาคารให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น โดยในการดำเนินงานนำร่องระหว่าง 2 หน่วยงาน ตั้งเป้าให้เกิดบ้านเบอร์ 5 ไม่ต่ำกว่า 115,000 หลัง คาดว่าจะสามารถลดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้กว่า 128 ล้านหน่วยต่อปี หรือปีละ 512 ล้านบาท พร้อมลด CO2 กว่า 67,000 ตันต่อปี
ดร.ธัชพล กาญจนกูล ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ(กคช.) กล่าวว่า ที่ผ่านมากคช.ได้วิจัยและพัฒนาเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง สำหรับครั้งนี้ ทั้ง 2 หน่วยงานจะร่วมกันพัฒนาและส่งเสริมให้ที่อยู่อาศัยมีมาตรฐาน มีการออกแบบที่ประหยัดพลังงาน เลือกใช้วัสดุและอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูง รวมถึงกำหนดวิธีการตรวจประเมิน ให้การรับรองแบบก่อสร้าง และติดฉลากรับรองระดับประสิทธิภาพพลังงานบ้านที่อยู่อาศัยเบอร์ 5 ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ นอกจากนี้ จะดำเนินการศึกษาและพัฒนาเกณฑ์ประสิทธิภาพการใช้พลังงานให้ครอบคลุมที่อยู่อาศัยทุกประเภทในโครงการของกคช.
โครงการฉลากประสิทธิภาพสูงสำหรับบ้านที่อยู่อาศัย นับเป็นส่วนหนึ่งที่ตอบสนองการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของประเทศไทย ตามพันธกรณีที่นายกรัฐมนตรี ได้แถลงต่อการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสมัยที่ 21 หรือ COP21 ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อปลายปี 2558 ที่ผ่านมา โดยประเทศไทย ตั้งเป้าหมายในการลด CO2 ประมาณ 24-73 ล้านตันในปี 2563 และ 110-140 ล้านตันในปี 2573