ที่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี เมื่อเร็วๆ นี้ ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และคณะผู้บริหาร ตรวจเยี่ยมติดตามการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี ด้านสาธารณสุข สู่การปฏิบัติของเขตสุขภาพที่ 6 พร้อมรับฟังการบรรยายสรุปแนวทางการพัฒนาสมุนไพรและการแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร จากนั้นได้เยี่ยมชมศูนย์ฝึกอบรมอภัยภูเบศรเดย์สปา โรงงานผลิตสมุนไพรอภัยภูเบศรมาตรฐานจีเอ็มพี โรงพยาบาลการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกอภัยภูเบศร พิพิธภัณพ์การแพทย์แผนไทยและร้านยาไทยต้นแบบ “ร้านโพธิ์เงินโอสถ”
นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า แผนยุทธศาสตร์ 20 ปี ของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งมีการถ่ายทอดอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจน สอดประสานกับนโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะแผน 1 ปี รัฐบาลได้มุ่งเน้นให้เป็นระยะเวลาของการวางรากฐานให้มั่นคง แข็งแรงที่สุด และในห้วงเวลานี้ ขอให้บุคลากรสาธารณสุขทุกคน น้อมนำแนวพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาเป็นแนวทางในการทำงาน โดยให้ถือเป็นค่านิยมของชาวสาธารณสุข คือ MOPH โดย M คือ Mastery เป็นนายตัวเอง O Originality เร่งสร้างสิ่งใหม่ P People Centered Approach ใส่ใจประชาชน และH Humility ถ่อมตนอ่อนน้อม ทั้งนี้ ขอให้ทุกคนตั้งใจทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด ให้สิ่งดีๆเกิดขึ้นกับประชาชนเพื่อถวายสักการะและถวายเป็นพระราชกุศล
“ขอให้บุคลกรสาธารณสุขทุกคน ยึดมั่นค่านิยมขององค์กร MOPH ให้ฝังแน่นอยู่ในจิตวิญญาณ ไม่ว่าเป้าประสงค์ เป้าหมายการทำงานจะเป็นอย่างไร การทำงานก็จะประสบสำเร็จ ทำดีให้เกิดผล เกิดประโยชน์จริงให้ประเทศไทย มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ตามพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าว
ปั้นปราจีนบุรี เมืองสมุนไพร
นพ.จรัญ บุญฤทธิการ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวรายงานถึงยุทธศาสตร์การดำเนินงานด้านสมุนไพรและการแพทย์แผนไทยของโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ว่าปัจจุบันโรงพยาบาลร่วมกับจังหวัดปราจีนบุรีและกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก จัดทำ Herbal City เมืองสมุนไพรปราจีนบุรี ซึ่งนับว่าเป็น Quickwin ของการขับเคลื่อนแผนแม่บทแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนาสมุนไพรไทย พ.ศ.2560-2564 เนื่องจากเมืองสมุนไพรเป็นกลไกที่เชื่อมร้อยทุกภาคส่วนให้เข้ามาทำงานร่วมกันในการพัฒนาสมุนไพรจากต้นทาง คือ ภูมิปัญญาสมุนไพรที่มีในท้องถิ่น นำมาผ่านกระบวนการศึกษาวิจัยจนสามารถเกิดเป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรและบริการที่มีคุณภาพ ประสิทธิภาพและปลอดภัยที่ออกสู่ตลาด และก่อให้เกิดรายได้แก่ประเทศได้ อันเป็นการย่อภาพใหญ่ของประเทศมาสู่จังหวัด
“ทั้งนี้จึงใคร่ขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาลใน 3 ประเด็น เพื่อพัฒนาเมืองสมุนไพรปราจีนบุรีให้สามารถสร้างรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์สมุนไพรปีละไม่น้อยกว่า 1,000ล้านบาท โดยประเด็นที่ขอรับการสนับสนุน คือ 1.ขอให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มาร่วมในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อให้ผลิตภัณฑ์สามารถขึ้นทะเบียนและออกสู่ท้องตลาดได้อย่างรวดเร็ว 2. ขอให้กระทรวงสาธารณสุขทำความร่วมมือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ในการดำเนินการขับเคลื่อนการพัฒนาสมุนไพรตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ 3. ขอให้รัฐบาลเร่งผลักดันให้มี พรบ.สมุนไพรแห่งชาติมีผลบังคับใช้ภายในปี 2560” ผอ.รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าว
ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร รองผู้อำนวยการด้านการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ได้ขยายความถึงข้อเสนอ 3 ข้อนี้ว่า ปัจจุบันแม้เราไม่ดำเนินการอย่างเข้มข้น จังหวัดปราจีนบุรีก็มีรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์สมุนไพรสูงถึงปีละ 500 ล้านบาท แต่หากเราดำเนินการอย่างมียุทธศาสตร์ โดยวางแผนการตลาดให้ชัดเจน รู้ว่าความต้องการหรือ demand ของแต่ละตลาดเป็นอย่างไร เช่น รู้ว่าลูกค้าในยุโรป อเมริกา หรือเอเชียมีพฤติกรรมการบริโภคผลิตภัณฑ์สมุนไพรอย่างไร ซึ่งตรงนี้เราคงต้องพึ่งทูตพาณิชย์ที่อยู่ในประเทศต่าง ๆ ในการหาข้อมูลหรือทำวิจัยตลาดให้เรา สมุนไพรไม่เหมือนยาแผนปัจจุบันที่สร้างกำไรได้มาก จึงมีบริษัทลงทุนวิจัยมากมาย แต่สมุนไพรนั้นผู้รับประโยชน์หลักเป็นชาวบ้าน เป็นเกษตรกร ซึ่งไม่มีทุนไปลงทุนในสิ่งเหล่านี้ จึงจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุน
“เมื่อทราบความต้องการตลาด ฝ่ายผลิตอย่างพวกเราจะทราบว่าต้องผลิตอะไร ดังนั้นจึงต้องการกระทรวงเกษตรฯ มาช่วยเรื่องเทคโนโลยีการปลูกและแปรรูปเบื้องต้น ทำอย่างไรให้ได้ผลผลิตสูง เกษตรกรจะได้มีรายได้มาก แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือ เราต้องการ อย. มาเป็นภาคีร่วมเดินทางตั้งแต่แรก มาให้คำแนะนำว่าควรผลิตอะไร เพื่อให้สามารถขึ้นทะเบียนได้ เพราะหากมีการปลูกสมุนไพร มีวิจัย แต่ขายไม่ได้ก็ไม่เกิดประโยชน์ เพราะเมืองสมุนไพรเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ ทำสิ่งที่อยู่ในห้องทดลองให้ขายได้ ทำนวตกรรมให้ขายได้ ส่วน พรบ.สมุนไพรแห่งชาตินั้นก็จะเป็นการผ่าทางตันของการพัฒนาสมุนไพรในระยะยาว ซึ่งในหลายประเทศเขาช่วงชิงโอกาสเหล่านี้ไปหมดแล้ว หากทางรัฐบาลสามารถสนับสนุนในทั้ง 3 ข้อนี้ได้ เรามั่นใจว่าปราจีนบุรีบุรีเมืองสมุนไพรจะสามารถเพิ่มยอดขายเป็นหนึ่งพันล้านบาทได้ในระยะเวลาเพียง 1 ปีเท่านั้น” ภญ.ดร.สุภาภรณ์ กล่าว