มูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร วางแผนพัฒนาผลักดันให้ปราจีนบุรีเป็นเมืองสมุนไพร ที่มีการดำเนินงานด้านสมุนไพรและการแพทย์แผนไทยครบวงจร หวังสร้างให้เป็นต้นแบบการเรียนรู้ให้กับประเทศไทย
ทั้งนี้ มูลนิธิฯ ผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์สมุนไพรรายใหญ่ในประเทศ พร้อมภาคีเครือข่ายเกษตรกร สถาบันการศึกษา ภาคส่วนวิจัย สาธารณสุขและองค์กรสาธารณประโยชน์ในจังหวัดปราจีนบุรี มีแผนการดำเนินงานเมืองสมุนไพร พบว่าสิ่งที่จำเป็นมากที่สุด คือ วัตถุดิบสมุนไพรที่มีคุณภาพในปริมาณที่พอเพียง อันจะนำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่มีคุณภาพ มีประสิทธิภาพ และปลอดภัย
ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร ผู้แทนกรรมการบริหารมูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวถึงโครงการการพัฒนาเกษตรกรสมุนไพร 4.0 ว่า ประมาณครึ่งหนึ่งของคนไทยทีอาชีพเป็นเกษตรกร ดังนั้นหากจะกล่าวว่าเกษตรกรเป็นกระดูกวันหลังของชาติก็คงไม่ผิดนัก เพราะเกษตรกรเหล่านี้มีส่วนสำคัญในการผลิตอาหารให้กับคนในประเทศ ทำให้เศรษฐกิจของประเทศขับเคลื่อนไปได้
ในปัจจุบันสมุนไพรเป็นที่ต้องการของคนทั่วโลก เกษตรกรยิ่งทวีความสำคัญมากยิ่งขึ้น เพราะเป็นต้นทางของผลิตภัณฑ์สมุนไพร ซึ่งทางเมืองสมุนไพร ปราจีนบุรีให้ความสำคัญกับเรื่องนี้บ้าง ในขณะนี้เรากำลังดำเนินการวิจัยความต้องการใช้สมุนไพรของประเทศไทยร่วมกับชมรมเภสัชกรสมุนไพร เพื่อจะนำข้อมูลเหล่านี้มาวางแผนให้กับเกษตรกรในประเทศไทย
ในส่วนของจังหวัดปราจีนบุรีเองนั้น ภญ.ดร.สุภาภรณ์ กล่าวว่า นอกจากแผนความต้องการสมุนไพรแล้ว เรายังมีการส่งเสริมให้เกษตรปลูกสมุนไพรตามมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ที่นานาชาติให้การยอมรับ เพื่อให้สามารถส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศได้ เรามีความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือในการพัฒนาเครื่องจักรแปรรูปสมุนไพรในราคาที่ย่อมเยา ลดการนำเข้า และวางแผนจะนำเทคโนโลยีการวิจัยทางการเกษตรมาใช้เพื่อให้ได้ผลผลิตสูง โดยอาจขอความร่วมมือจากกระทรวงวิทยาศาสตร์ หรือกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เนื่องจากเป็นภารกิจหลักของสองกระทรวงนี้ ซึ่งกำลังจะดำเนินการประสานเร็วๆ นี้
“เมืองปราจีนุบรีมีศักยภาพด้านสมุนไพรมาก เรามีคนมาดูงานปีละ 30,000-50,000 คน แต่อย่างไรก็ตามการพัฒนาสมุนไพรจะประสบความสำเร็จได้ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนทั้งภาคราชการ เอกชน ประชาสังคมและประชาชน" ภญ.ดร.สุภาภรณ์ กล่าวในที่สุด
