แนวโน้มกระแสความนิยมรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่เติบโตอย่างรวดเร็ว และชัดเจนมาตั้งแต่ปี 2015 ทำให้จำนวนรถยนต์ไฟฟ้าที่ออกจำหน่ายทั่วโลกเกินกว่า 1 ล้านคันเป็นครั้งแรกในปีนี้
การเติบโตและพัฒนาอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีพลังงานกรีนมีมานานแล้ว และเกิดขึ้นในหลายสาขาธุรกิจ แต่นี่เป็นครั้งแรกของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีพลังงานที่พิสูจน์ว่าได้ไต่ระดับขึ้นมาจนสามารถตอบโจทย์จากตลาดความต้องการของสาขาธุรกิจขนส่งได้จริง และเป็นเทคโนโลยีแรกที่อยู่ในการประเมินผ่านเกณฑ์สีเขียวของ IEA : International Energy Agency ปรากฏในรายงานประจำปีชื่อ Energy Technology Perspectives 2016 ที่เป็นการพัฒนาเทคโนโลยีมีโอกาสทำให้อุณหภูมิของโลกกำลังสูงขึ้นไปทุกวันนี้ ลดลงได้ถึง 2 องศา หรือ 2C Scenario หรือ 2DS
ทั้งนี้ IEA ได้ตั้ง Scenario ไว้ว่าจะยอมรับเทคโนโลยีใดๆ ก็ต่อเมื่อตอบโจทย์ได้ว่า มีความสามารถทำให้อุณหภูมิโลกลดลงไปไม่น้อยกว่า 2 องศา ซึ่งหลายสาขาเทคโนโลยีในรถยนต์ไฟฟ้า เป็นเทคโนโลยีแรกของสาขาขนส่งที่ผ่านการพิสูจน์ด้วยจำนวนสถิติการจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าออกไปเกินกว่า 1 ล้านคันทั่วโลก ซึ่งเป็นเงื่อนไขของการพัฒนาสู่ความยั่งยืน
ส่วนเทคโนโลยีอื่นๆ ที่แสดงแนวโน้มการพัฒนาที่ดีขึ้นก็มีหลายเทคโนโลยี รวมถึงเทคโนโลยีการบิน และเทคโนโลยีด้านการขนส่งสินค้า แต่ในสาขาพลังงานประเภทอื่นยังไม่มีเทคโนโลยีใดผ่านการพัฒนาที่ดีขึ้น หรืออยู่ในกลุ่มเทคโนโลยีพลังงานที่ล้มเหลวถึง 11ประเภท
นอกจากเทคโนโลยีพลังงานในภาคการขนส่งแล้ว เทคโนโลยีในหมวดอื่นๆ ที่ถูกจับตามองอย่างต่อเนื่อง หรือ เทคโนโลยีพลังงานในสาขาการจ่ายพลังงาน มี 2 เทคโนโลยี เทคโนโลยีพลังงานในเครือ 2 เทคโนโลยี เทคโนโลยีพลังงานให้ความร้อนมี 3 เทคโนโลยี เทคโนโลยีพลังงานเพื่อภาคอุตสาหกรรมอื่นมี 2 เทคโนโลยี และเทคโนโลยีการผลิตพลังงานมี 5 เทคโนโลยีตามลำดับ
IEA วางเป้าหมายเป็น Scenario ไว้ว่า การพัฒนาของเทคโนโลยีพลังงานจะมีส่วนช่วยจำกัดการเพิ่มของอุณหภูมิโลกได้ถึง 50% หากทุกเทคโนโลยีผ่านเกณฑ์ของความนิยม และมีกระแสการใช้ในตลาดอย่างยั่งยืนจริงๆ หรือเท่ากับสาขาสามารถลดการแพร่กระจายคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 60% ในปี 2050 เทียบกับปริมาณที่เกิดจริงในปี 2013
นอกเหนือจาก Scenario 2DS แล้ว IEA ยังมีการวาง 4C และ 6C Scenarioไว้ด้วย โดยรวมถึงเป้าหมายที่จะพัฒนาสู่การปรับอุปทานพลังงานทั้งหมด เทคโนโลยีในอาคาร ภาคอุตสาหกรรมอื่นและการขนส่งให้ครบวงจร ซึ่งปัจจุบันเทคโนโลยีพลังงานเป็นตัวชูโรงอยู่มากที่สุด รองลงมาคือ การพัฒนาเทคโนโลยีของการผลิตทางอุตสาหกรรม การขนส่ง อาคารตามลำดับ
ในปี 2015 การจำหน่ายรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามีจำนวนรวมทั่วโลกประมาณ 477,000 คัน และทำให้จำนวนรวมทั้งหมดจากปีก่อนหน้าเพิ่มเป็น 1,150,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 70% ต่อปีจากปี 2014
ที่น่าสนใจเพราะการพัฒนาของเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าเกิดขึ้นหลังจากเทคโนโลยีพลังงานลมและโซลาร์นับสิบปี แต่กลับมีอัตราการเติบโตที่สูงกว่ามากอย่างรวดเร็ว
ประเทศที่มีสัดส่วนในการจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าสูงๆ คือ สหรัฐฯ จีน เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ มีสัดส่วนรวมกันกว่า 70% ของจำนวนการขายทั้งหมด และในปี 2015 จีนกลายเป็นตลาดที่จำหน่ายรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามากที่สุดในโลก ขณะที่จำนวนประเทศที่มีสัดส่วนการขายรถยนต์ไฟฟ้าเกินกว่า 1% ได้เพิ่มขึ้นในปี 2015 จากปีก่อนหน้าเป็น 6 ประเทศแล้ว
IEA พยากรณ์ว่าอัตราการเติบโตของการจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าจากนี้ไปจนถึงปี 2020 จะไม่ต่ำกว่า 66% และจะลดลงเหลือประมาณ 39% จนถึงปี 2025 เพราะความสนใจการทำ R&D ในเทคโนโลยีพลังงานรถยนต์ไม่ได้หยุดแค่นี้ จะทำให้ต้นทุนการผลิตและราคาขายของรถยนต์ไฟฟ้าลดลงไปตามลำดับ โดยเฉพาะการพัฒนาเทคโนโลยีการชาร์จไฟฟ้าแบบเร็วขึ้น และการลงทุนเปิดสถานีบริการเติมพลังงานแบบเร็วที่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว
แนวโน้มที่เกิดขึ้นในกระแสของรถยนต์ไฟฟ้าในระดับโลก คาดว่าจะขยายวงออกไปยังประเทศต่างๆ มากขึ้น ซึ่งไม่ใช่มาจากการพัฒนาทางเทคโนโลยีพลังงานเท่านั้น หากแต่ยังต้องการการสนับสนุนจากผู้ประกอบการสถานีให้บริการชาร์จแบตเตอรี่ เหมือนกับการเปลี่ยนถังแก๊สหุงต้มในบ้าน ทำให้เกิดความคล่องตัวและความสะดวกในการเติมพลังงาน ไม่แตกต่างจากปั๊มน้ำมันที่เห็นเกลื่อนในตอนนี้
