“แม่น้ำเจ้าพระยา” นอกจากใช้เป็นเส้นทางคมนาคมสัญจรทางน้ำที่สำคัญของเมืองหลวงประเทศไทย ยังเป็นแหล่งน้ำสำคัญที่การประปานครหลวงต้องใช้น้ำจากแม่น้ำแห่งนี้ บริเวณที่ไหลผ่านจังหวัดประทุมธานี เพื่อนำมาเป็นน้ำดิบในการผลิตเป็น “น้ำประปา” ดูแลประชากรกว่า 6 ล้านคนในเมืองหลวง เพื่อการบริโภค โดยการสูบน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อส่งไปตามคลองประปาให้เป็นแหล่งน้ำดิบในการทำน้ำประปา
จากข้อมูลของการประปานครหลวง บอกไว้ว่า สถานีสูบน้ำดิบสำแล เป็นจุดเริ่มต้นของการรับน้ำดิบจากแม่น้ำเจ้าพระยาเข้าสู่คลองประปาตะวันออก ที่ตำบลสำแล จังหวัดปทุมธานี ห่างจากกรุงเทพ 41 กิโลเมตร ไกลจากปากอ่าวไทย 90 กิโลเมตร มีปริมาณการสูบน้ำดิบประมาณวันละ 4.5 ล้านลูกบาศก์เมตร
ด้วยสำนึกของชุมชนที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่มองเห็นปัญหาของชุมชนดั้งเดิมซึ่งต้องมีการปรับตัว เพื่อรองรับกับความรับผิดชอบที่ต้องมีต่อผู้คนที่ต้องใช้น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ตำบลเชียงรากใหญ่จึงเป็นพื้นที่แรกของคนที่อยู่บริเวณแหล่งน้ำดิบ จังหวัดปทุมธานี จัดทำโครงการสร้างชุมชนต้นแบบในการจัดการระบบสุขาภิบาลเพื่อบำบัดน้ำเสียก่อนลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาฯ ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลออกแบบโดย รศ. ดร. ชวลิต รัตนธรรมสกุล ภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งถือว่าเป็นชุมชนต้นแบบที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของชุมชนที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา
เสวก ประเสริฐสุข นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเชียงรากใหญ่ บอกกับผู้คนในชุมชนริมน้ำว่า
“ ผมต้องขอขอบคุณทีมงานอาจารย์จากภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่เข้ามาช่วยออกแบบระบบการบริหารจัดการน้ำทิ้งของชุมชนริมแม่น้ำบริเวณตำบลเชียงรากใหญ่ ซึ่งมีพี่น้องประชาชนอยู่กันสองพันกว่าครัวเรือน ประชากรในพื้นที่ 16,000 คน เราเองเป็นชุมชนริมแม่น้ำเจ้าพระยาของจังหวัดปทุมธานี ขณะเดียวกันคลองน้ำอ้อมซึ่งเป็นคลองสำคัญที่ต้องไหลลงแม่น้ำเจ้าพระยาและอยู่ติดกับโรงสูบน้ำสำแล ”
“ สิ่งนี้จึงเป็นเรื่องที่ผมคิดว่า น้ำทิ้ง น้ำชำระซักล้าง น้ำจากห้องน้ำในชุมชนริมน้ำทุกหลัง เราจะนำมาบำบัดวางระบบท่อใช้ระบบแรงดันอากาศ เอากลับมาบำบัดให้สะอาด ก่อนปล่อยออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยา เราเป็นชุมชนที่สำคัญที่จะต้องคิดถึงคนอื่น คิดถึงทรัพยากรน้ำที่คนอื่นๆต้องร่วมใช้ด้วยกันในสังคมใหญ่ เราคิดถึงคนในเมืองหลวงที่เขาควรได้มีแหล่งน้ำดิบที่สะอาด เพื่อการกินอยู่ และบริโภค”