xs
xsm
sm
md
lg

พพ. การันตี “อำพลฟูดส์” แบบอย่างอุตสาหกรรมกรีน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ธรรมยศ ศรีช่วย
•ที่นี่สามารถใช้พลังงานก๊าซชีวภาพและชีวมวลผลิตไฟฟ้า ลดต้นทุนได้จริง จัดทำระบบผลิตไฟฟ้า 2 ระบบ ประหยัดเงินได้ถึง 5 ล้านบาทต่อปี
•อธิบดี พพ. ยกแบบอย่าง “อำพลฟูดส์” หนุนภาคอุตสาหกรรมยุคใหม่ ต้องหาพลังงานทดแทนมาใช้ลดต้นทุนทางการผลิต
 
ธรรมยศ ศรีช่วย อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ภาคอุตสาหกรรมนับเป็นภาคส่วนที่มีการใช้พลังงานสูงสุดของประเทศ จึงมีความจำเป็นต้องเร่งปรับตัวเพื่อ หาเชื้อเพลิงจากพลังงานทดแทนมาใช้เพื่อลดต้นทุนทางการผลิต โดย พพ.ส่งเสริมและสนับสนุนด้านก๊าซชีวภาพ ชีวมวล ในแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก ได้ตั้งเป้าหมายเดินหน้าเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนให้ได้ 25% ภายในปี 2564
สำหรับภาพรวมพลังงานทดแทนของประเทศไทย ปัจจุบันมีการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แล้วประมาณ 1,303 เมกะวัตต์ พลังงานลม ประมาณ 225 เมกะวัตต์ พลังงานจากชีวมวลประมาณ 2,487 เมกะวัตต์ ก๊าซชีวภาพประมาณ 327 เมกะวัตต์ พลังน้ำขนาดเล็ก/ชุมชน ประมาณ 142 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ยังมีพลังงานทดแทนจากขยะที่รัฐบาลให้การสนับสนุนและส่งเสริม ปัจจุบันพบว่ามีความก้าวหน้าอย่างยิ่ง

อำพลฟูดส์ นำของเสียและของเหลือทิ้งมาสร้างพลังงานทดแทน
บริษัท อำพลฟูดส์ โพรเซสซิ่ง จำกัด ซึ่งมีการใช้พลังงานชีวมวลและก๊าซชีวภาพในการผลิตไฟฟ้านั้น ธรรมยศ บอกว่า เป็นอีกหนึ่งในองค์กรตัวอย่างที่มีการจัดการด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถคว้ารางวัลดีเด่นการประกวด Thailand Energy Awards 2015 ด้านพลังงานทดแทน ประเภทโครงการพลังงานหมุนเวียนที่ไม่เชื่อมโยงกับระบบสายส่งไฟฟ้า (Off-Grid) และรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 การประกวด ASEAN Energy Awards 2015 ซึ่งถือเป็นตัวอย่างของภาคเอกชนในการลดต้นทุนด้านพลังงานด้วยการหันมาใช้พลังงานทดแทน
บริษัทอำพลฟูดส์ฯ ประกอบธุรกิจอุตสาหกรรมแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรเป็นผลิตภัณฑ์อาหารรูปแบบต่างๆ โดยใช้มะพร้าวเป็นวัตถุดิบหลักประมาณ 40,000 ตัน/ปี ส่งผลให้มีของเหลือทิ้งที่เกิดจากกระบวนการผลิตเป็นจำนวนมาก เช่น ซึ่งการนำของเสียและของเหลือทิ้งจากกระบวนการผลิตกลับมาใช้ประโยชน์ นอกจากจะช่วยลดค่าใช้จ่าย ยังช่วยสร้างรายได้เข้าบริษัทอีกด้วย ด้วยเหตุนี้ จึงเกิดแนวคิดในการนำของเหลือทิ้งและของเสียดังกล่าวมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดหรือสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยการนำมาผลิตไฟฟ้า ตามนโยบาย “ลดขยะให้เป็นศูนย์ (Zero waste)”
กะลามะพร้าวและใยมะพร้าวซึ่งเป็นของเหลือในกระบวนผลิต ถูกนำมาผลิตก๊าซเชื้อเพลิงสังเคราะห์ หรือก๊าซชีวมวล
โครงการระบบผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพและก๊าซชีวมวล เป็นการนำของเสียและของเหลือทิ้งจากกระบวนการผลิตของบริษัทฯ มาผลิตไฟฟ้า โดยจัดทำระบบผลิตไฟฟ้า 2 ระบบ คือ

หนึ่ง ระบบผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ ใช้ก๊าซชีวภาพที่ได้จากระบบบำบัดน้ำเสียแบบ Modify Cover Lagoon ซึ่งรองรับปริมาณน้ำเสียได้วันละ 2,000 ลูกบาศก์เมตร มาผลิตไฟฟ้าด้วยเครื่องยนต์ก๊าซ ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 600 kW

สอง ระบบผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวมวลด้วยเทคโนโลยีแก๊สซิฟิเคชั่น มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อแก้ไขปัญหาการจัดการขยะกะลามะพร้าวที่เหลือทิ้งปริมาณมาก โดยนำกะลามะพร้าวและใยมะพร้าวมาผลิตก๊าซเชื้อเพลิงสังเคราะห์หรือก๊าซชีวมวล (Synthetic Gas หรือ Producer Gas) แล้วนำไปผลิตไฟฟ้าด้วยเครื่องยนต์ก๊าซ (Gas Engine) ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 250 kW ระบบนี้มี By-Product เป็นขี้เถ้ากะลามะพร้าวซึ่งมีคุณสมบัติเป็นถ่านกัมมันต์ (activated carbon) ที่ราคาต่ำกว่าท้องตลาดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Eco Friendly) จึงสามารถขายสร้างรายได้เสริมให้แก่บริษัทฯ ได้อีกด้วย
ปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างวิจัยพัฒนาเพื่อเพิ่มคุณภาพถ่านกัมมันต์ให้สูงขึ้นเพื่อเพิ่มมูลค่าขึ้นอีก ไฟฟ้าที่ผลิตได้จากทั้ง 2 ระบบ สามารถใช้ทดแทนไฟฟ้าที่ใช้ภายในบริษัทฯ ได้ประมาณ 10% ของปริมาณไฟฟ้า ที่ใช้ทั้งหมด ระบบผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพสามารถผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 1,333 MWh ต่อปี คิดเป็นผลประหยัดประมาณ 5 ล้านบาทต่อปี มูลค่าการลงทุนรวม 40.5 ล้านบาท (ได้รับเงินสนับสนุนจากภาครัฐ 6 ล้านบาท) IRR 5.01% ระยะเวลาคืนทุน 6 ปี ส่วนระบบผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวมวล ผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 48 MWh ต่อปี คิดเป็นผลประหยัดประมาณ 177,000 บาทต่อปี และยังมีผลพลอยได้เป็นถ่านกัมมันต์ 200 กิโลกรัมต่อวัน มูลค่าการลงทุนรวม 9.5 ล้านบาท (ได้รับเงินสนับสนุน จากภาครัฐ 592,220 บาท) IRR 9.74% ระยะเวลาคืนทุน 8 ปี ทั้ง 2 ระบบสามารถผลิตไฟฟ้าเทียบเท่าการลดการปล่อย ก๊าซเรือนกระจก 740 ตันคาร์บอนไดออกไซต์เทียบเท่า/ปี
กำลังโหลดความคิดเห็น