xs
xsm
sm
md
lg

Google ขยายมุมมอง Green Officeไปทั่วโลก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online



“กูเกิ้ล” เป็นอีกหนึ่งองค์กรที่ได้สร้างแนวคิดการสร้างบ้านภายในสำนักงาน ทำให้บรรยากาศของการทำงานอยู่ท่ามกลางน้ำตกที่ไหลริน และมีอะควอเรียมอยู่ภายในอาคาร คนอาศัยมองเห็นแสงแดดสาดส่องลงมาในขณะทำงาน หรือแม้กระทั่งผนังของอาคารสำนักงานก็ถูกประดับประดาด้วยไม้ประดับ เฟิร์น ไอวี่ และพันธุ์ไม้ใบเขียวต่างๆ
กูเกิ้ลไม่ได้ยุติโปรแกรมการปรับปรุงอาคารสู่กรีน ออฟฟิศ เพราะทุกไตรมาส กูเกิ้ลจะกำหนดประเด็นที่จะใช้ในการสำรวจสถานที่ทำการของตน เพื่อให้ได้ข้อมูลที่จะมีความเข้าใจในสถานที่ทำการของกูเกิ้ลมากขึ้น
ตัวอย่างของผลการสำรวจ คือ การปรับที่ตั้งและตำแหน่งโต๊ะทำงานที่ใกล้หน้าต่างจะทำให้ผู้ที่ทำงานรู้สึกรับรู้ในสภาพแวดล้อมกรีนในที่ทำงานดีขึ้น เพิ่มผลิตภาพและแรงบันดาลใจให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ ดีขึ้น ทำให้กูเกิ้ลมั่นใจว่าการออกแบบอาคารและการตกแต่งที่ทำงานให้เป็นกรีน ออฟฟิศ ช่วยลดระดับความเครียดของพนักงานได้

นอกจากกูเกิ้ลแล้ว มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดมีโปรแกรมที่เรียกว่า Harvard Green Office Program ซึ่งแสดงว่า การมีสภาพการตกแต่งสถานที่ทำการเปลี่ยนไป มีส่วนต่อการเปลี่ยนพฤติกรรม ทัศนคติ และความคิดสร้างสรรค์ของผู้ที่ทำงานในอาคาร ซึ่งทำให้ฮาร์วาร์ดสนใจจะพัฒนากรีน ออฟฟิศให้มีความแตกต่างจากที่ทำการทั่วไป โดยบุคลากรสามารถมีส่วนในการเสนอแนะอย่างเต็มที่
ทางมหาวิทยาลัย มองว่าจะได้รับประโยขน์จากการลงทุนครั้งนี้ ทั้งในด้านการประหยัดทรัพยากร งบประมาณ พลังงานและการบริหารจัดการน้ำ และทำให้เกิดความร่วมมือในการพัฒนาสังคมที่ยั่งยืนด้วยการลดระดับการสร้างก๊าซเรือนกระจกถึง 30% หากนำไปเทียบกับปี 2006 ที่ทำให้มีการใช้ทรัพยากรสิ้นเปลืองลดลงและลดการปล่อยของเสีย

การศึกษาในยุโรปพบว่า 40% ของวัตถุดิบและทรัพยากรธรรมชาติเป็นการใช้และบริโภคโดยภาคธุรกิจห้างร้าน ซึ่งทำให้ยุโรปมีการเคลื่อนไหวในการเพิ่มกฎเกณฑ์การควบคุมส่วนนี้ผ่านมาตรฐานที่เรียกว่า European Green Office : EGO ซึ่งกำหนดให้ออฟฟิศของกิจการต่างๆ ต้องปฏิบัติตาม ซึ่งประกอบด้วย
1. การกำหนดวัตถุประสงค์ด้านสิ่งแวดล้อมและสร้างความตระหนักในความสำคัญของการดูแลสิ่งแวดล้อมให้แก่บุคคลภายในองค์กร
2. การกำหนดพันธกิจและนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของกิจการ โดยเริ่มจากผู้บริหารระดับสูงของกิจการ
3. การประกาศใช้แผนปฏิบัติการด้านสิ่งแวดล้อมในกิจการ
4. การแต่งตั้งทีมประสานงาน Green Office
5. การกำหนดมาตรฐานการกำกับติดตาม และประเมินผลการดำเนินงานจริงเทียบกับแผน

จะเห็นว่าเป้าหมายของกรีน ออฟฟิศในปัจจุบันไม่ใช่เพียงแค่อยากได้เอกสารรับรองอาคารสีเขียวเท่านั้น แต่เพราะเชื่อว่าสามารถช่วยลดแรงกดดันจากความเครียดของพนักงาน และเพิ่มแรงบันดาลใจให้อยากทำงานอยู่ภายในออฟฟิศ การออกแบบภายในและการตกแต่งตามแนวกรีน ที่เรียกว่า Biophilic design เป็นการประหยัดพลังงาน ลดสารพิษปนเปื้อนที่มากับวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในการก่อสร้างอาคาร ซึ่งจะทำให้คนที่อยู่ในอาคารมีสุขภาพดีมากขึ้น
ดังกล่าว คุณภาพของสภาพแวดล้อมภายในอาคารสำนักงานสีเขียว ซึ่งประกอบด้วย อากาศ แสง ความร้อน เสียง และกลิ่น มีแนวโน้มเติบโตขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับการออกแบบโดยทั่วไปในรูปแบบเดิมๆ ที่ทรงตัว เพราะนักออกแบบภายในเองก็ได้แรงบันดาลใจในการทำให้อาคารมีบรรยากาศที่อบอุ่นและออกแนวกรีนที่เชื่อมโยงกับธรรมชาติมากขึ้น บางแห่งนำเสนอแบบไม่น้อยกว่า 14 รูปแบบให้เลือก
ขณะที่ประเภทธุรกิจที่ให้ความสนใจในการปรับปรุงแนวการออกแบบภายในเป็นกรีนออฟฟิศมากที่สุด คือ กิจการไฮ-เทค และดูแลสุขภาพโรงพยาบาล เพราะการออกแบบได้ให้ความสำคัญกับการเพิ่มความสุข ความสะดวกสบายของมนุษย์มากกว่าการออกแบบอาคารที่เป็นฮาร์ดแวร์ และทำให้ลูกค้า ผู้มาใช้บริการ และพนักงานพึงพอใจมากขึ้น

ผลสำรวจการเปลี่ยนแปลง กรีนออฟฟิศ
1. ค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ยต่อแผนกลดลง 
2. มีผลลัพธ์ที่แสดงให้เห็นว่า คนไข้ที่รักษาตัวในห้องที่เป็นกรีน บรรยากาศที่มีความเป็นธรรมชาตินั้นทำให้คนไข้มีระยะเวลาการรักษาลดลง
3. ประสิทธิผลการปฏิบัติงานของพนักงานในกรีน ออฟฟิศเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 6%
4. ระดับราคา มูลค่าจากการประเมินอสังหาริมทรัพย์ที่ปรับเป็นกรีน ออฟฟิตเพิ่มขึ้นจากเดิม
ทั้งนี้ องค์ประกอบสำคัญของกรีน ออฟฟิศ ที่คล้ายคลึงกันในแต่ละประเทศ ได้แก่ การเปิดพื้นที่ที่เชื่อมโยงกับธรรมชาติมากขึ้น การปรับไหลเวียนของอากาศและทางเดินลม การใช้น้ำเป็นองค์ประกอบอาคาร การเปลี่ยนระบบไฟฟ้าให้แสงสว่าง
กำลังโหลดความคิดเห็น