ยิ่งวิ่งยิ่งสุขภาพดี เป็นที่รู้อยู่เองโดยแท้ แต่อย่างไรก็ตาม หากเราวิ่งไม่ถูกวิธี หรือไม่เตรียมพร้อมร่างกายให้แข็งแรงเพียงพอแล้วไปวิ่ง การวิ่งที่สร้างสุขภาพก็อาจจะบั่นทอนและทำลายสุขภาพกล้ามเนื้อและเกิดการบาดเจ็บให้โทษแก่ร่างกายโดยที่คุณไม่คาดคิดเช่นกัน
และอาการบาดเจ็บหรือโรคเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นสำหรับนักวิ่งหน้าใหม่ที่กล้ามเนื้อยังบอบบางยอดฮิตนั้นก็คือ ‘อาการปวดหน้าแข้งในนักวิ่ง’ (Shin splints) เกิดจากกรณีการใช้กล้ามเนื้อขาจากการวิ่งหรือเดินเร็วมากเกินไป โดยที่เราไม่ค่อยได้ให้เวลากับการพักฟื้นกล้ามเนื้อที่เพียงพอ ส่งผลให้เกิดอาการปวดขึ้น อาการปวดที่ว่านี้มักเกิดบริเวณสันกระดูกหน้าแข้ง หรือบริเวณกล้ามเนื้อหน้าแข้ง (บางรายเกิดอาการปวดทั้ง 2 จุดบริเวณ) เมื่อมีการเดินหรือวิ่ง อาการปวดจะแสดงเนื่องจากเกิดแรงกระแทกระหว่างเท้ากับพื้นดินนั่นเอง
อาการปวดหน้าแข้งจากการใช้กล้ามเนื้อมากเกินไป บางครั้งแค่พักงดออกกำลังกาย 3-4 วัน อาการปวดจะค่อยๆ ทุเลาไปเอง แต่อย่างไรก็ตาม อาการปวดหน้าแข้งสามารถป่วยเป็นเรื้อรังได้หากไม่หยุดพักให้กล้ามเนื้อหายดีเสียก่อน ฉะนั้น สิ่งแรกของการรักษาเบื้องต้น คือ ‘พัก’ เป็นการไม่ทำร้ายกล้ามเนื้อให้บอบช้ำและเสียหายเพิ่มขึ้น กระนั้นในระหว่างที่พักก็ควรหมั่นยืดกล้ามเนื้อหน้าแข้งและกล้ามเนื้อน่องเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้เกิดอาการบาดเจ็บลดลงในการทำกิจกรรมวิ่งในครั้งต่อไป โดยการกดปลายเท้าลงร่วมกับหมุนปลายเท้าเข้าด้านในจนรู้สึกตึงที่หน้าแข้งค้างไว้ 15-20 วินาที ทำซํ้า 5 ครั้งต่อเซต และยืดกล้ามเนื้อน่องโดยการกระดกปลายเท้าขึ้นหรือใช้มือช่วยดึงจนรู้สึกตึงน่องทำค้างไว้ที่ 15-20 วินาทีเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ หากเกิดอาการบวมแดงหรือร้อนที่หน้าแข้ง ห้ามประคบร้อนโดยเด็ดขาด เนื่องจากจะไปกระตุ้นให้เกิดอาการบวมเพิ่มขึ้น วิธีที่ถูกต้องคือ ประคบเย็นพร้อมๆ กับคลายกล้ามเนื้อ โดยให้นอนหงายยกขาสูงกว่าระดับลำตัว โดยอาจจะใช้หมอนหนุนขา หรือเอาขาพาดกำแพงไว้ และใช้ผ้าเย็นหรือนํ้าแข็งประคบบริเวณที่ปวด 5-10 นาที ความเย็นจะช่วยลดการอักเสบบวมแดง และจะช่วยร่นระยะการอักเสบให้เหลือน้อยลง ช่วยให้อาการทุเลาดีขึ้นก่อนกลับมาวิ่งได้อีกครั้ง และที่สำคัญของเหล่าบรรดาสาวกนั่งวิ่งนอกจากการจ็อกกิ้งธรรมดาแล้วควรออกกำลังกายกล้ามเนื้อขาเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงไม่ให้กลับมาปวดแข้งขาอีกครั้งด้วย
และอาการบาดเจ็บหรือโรคเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นสำหรับนักวิ่งหน้าใหม่ที่กล้ามเนื้อยังบอบบางยอดฮิตนั้นก็คือ ‘อาการปวดหน้าแข้งในนักวิ่ง’ (Shin splints) เกิดจากกรณีการใช้กล้ามเนื้อขาจากการวิ่งหรือเดินเร็วมากเกินไป โดยที่เราไม่ค่อยได้ให้เวลากับการพักฟื้นกล้ามเนื้อที่เพียงพอ ส่งผลให้เกิดอาการปวดขึ้น อาการปวดที่ว่านี้มักเกิดบริเวณสันกระดูกหน้าแข้ง หรือบริเวณกล้ามเนื้อหน้าแข้ง (บางรายเกิดอาการปวดทั้ง 2 จุดบริเวณ) เมื่อมีการเดินหรือวิ่ง อาการปวดจะแสดงเนื่องจากเกิดแรงกระแทกระหว่างเท้ากับพื้นดินนั่นเอง
อาการปวดหน้าแข้งจากการใช้กล้ามเนื้อมากเกินไป บางครั้งแค่พักงดออกกำลังกาย 3-4 วัน อาการปวดจะค่อยๆ ทุเลาไปเอง แต่อย่างไรก็ตาม อาการปวดหน้าแข้งสามารถป่วยเป็นเรื้อรังได้หากไม่หยุดพักให้กล้ามเนื้อหายดีเสียก่อน ฉะนั้น สิ่งแรกของการรักษาเบื้องต้น คือ ‘พัก’ เป็นการไม่ทำร้ายกล้ามเนื้อให้บอบช้ำและเสียหายเพิ่มขึ้น กระนั้นในระหว่างที่พักก็ควรหมั่นยืดกล้ามเนื้อหน้าแข้งและกล้ามเนื้อน่องเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้เกิดอาการบาดเจ็บลดลงในการทำกิจกรรมวิ่งในครั้งต่อไป โดยการกดปลายเท้าลงร่วมกับหมุนปลายเท้าเข้าด้านในจนรู้สึกตึงที่หน้าแข้งค้างไว้ 15-20 วินาที ทำซํ้า 5 ครั้งต่อเซต และยืดกล้ามเนื้อน่องโดยการกระดกปลายเท้าขึ้นหรือใช้มือช่วยดึงจนรู้สึกตึงน่องทำค้างไว้ที่ 15-20 วินาทีเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ หากเกิดอาการบวมแดงหรือร้อนที่หน้าแข้ง ห้ามประคบร้อนโดยเด็ดขาด เนื่องจากจะไปกระตุ้นให้เกิดอาการบวมเพิ่มขึ้น วิธีที่ถูกต้องคือ ประคบเย็นพร้อมๆ กับคลายกล้ามเนื้อ โดยให้นอนหงายยกขาสูงกว่าระดับลำตัว โดยอาจจะใช้หมอนหนุนขา หรือเอาขาพาดกำแพงไว้ และใช้ผ้าเย็นหรือนํ้าแข็งประคบบริเวณที่ปวด 5-10 นาที ความเย็นจะช่วยลดการอักเสบบวมแดง และจะช่วยร่นระยะการอักเสบให้เหลือน้อยลง ช่วยให้อาการทุเลาดีขึ้นก่อนกลับมาวิ่งได้อีกครั้ง และที่สำคัญของเหล่าบรรดาสาวกนั่งวิ่งนอกจากการจ็อกกิ้งธรรมดาแล้วควรออกกำลังกายกล้ามเนื้อขาเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงไม่ให้กลับมาปวดแข้งขาอีกครั้งด้วย
