ปัญหาอย่างหนึ่งสำหรับผู้ที่ออกกำลังกายเพื่อรักษารูปร่างอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือ ไขมันบริเวณหน้าท้อง ที่ไม่ว่าจะออกกำลังหนักขนาดไหนก็ตามที เจ้าพุงอันนุ่มก้อนนี้ ก็ยังคงอยู่ที่เดิม และไม่ยอมไปไหนซักที ซึ่งบางรายถึงกับเหนื่อยใจอย่างยิ่งสำหรับปัญหาดังกล่าวว่า ไม่รู้จะแก้กับปัญหานี้ยังไงดี
แต่อย่างไรก็ตาม ทุกปัญหาก็ย่อมมีทางออกอยู่เสมอ ซึ่งหากมีการรับประทานอาหารและออกกำลังกายให้ถูกจุด และปฎิบัติตนให้อย่างสม่ำเสมอแล้ว เชื่อได้เลยว่า หน้าท้องที่สวยงามแบนราบ และแข็งแรง จะต้องมาหาเราไม่วันใดก็วันหนึ่งอย่างแน่นอน
การรับประทานอาหาร
สิ่งที่ควรทาน
1.เนื้อปลา
การทานเนื้อปลาในช่วงที่ลดน้ำหนักนั้น จำเป็นอย่างยิ่ง เพราะในเนื้อปลานั้น มีสารอาหารจำพวก โอเมก้า 3, น้ำมันปลา และ แมกนีเซียม โดยเฉพาะโอเมก้า 3 นั้น เป็นสารอาหารที่ช่วยให้คุณหลับสนิท และลดความยากในการหิวช่วงกลางดึก แถมช่วยเสริมสุขภาพให้กับหัวใจ และ ลดความเสื่อมต่อโรคสมองเสื่อมอีกด้วย
2.ถั่วชนิดต่างๆ
ขึ้นชื่อว่าถั่วแล้ว ย่อมสร้างคุณประโยชน์ให้กับร่างกาย ไม่มากก็น้อย แตกต่างกันไป แต่ถั่วฝักยาวนั้น ถือว่าเป็นตัวช่วยได้มากที่สุด เพราะในถั่วชนิดนี้นั้นมีแหล่งอาหารหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น แคลเซียม, ฟอสฟอรัส และแมกนีเซียม ที่จะช่วยบำรุงกระดูกและฟัน ป้องกันโรคกระดูกพรุน และควบคุมการทำงานของไตแล้ว หากแต่ยังช่วยเผาผลาญไขมัน คาร์โบไฮเดรต โปรตีน และทำให้คุณอยากอาหารน้อยลงกว่าเดิม และ ยังเบิร์นพลังงานหรือไขมันสะสมตรงบริเวณหน้าท้องได้ดีอีกเช่นกัน
3.นมสด
อันที่จริงแล้ว นมสด ก็ส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกาย เพราะสามารถซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้ แต่ถ้าลงลึกไปในรายละเอียดเพิ่มเติมแล้ว จากผลการวิจัยพบว่า ผู้ที่บริโภคแคลเซียม ประมาณ 100 มิลลิกรัมต่อวัน จะสามารถลดสลายไขมันหน้าท้องลงไปได้ถึงประมาณ 1 นิ้ว แถมช่วยให้คุณรู้สึกอิ่มท้อง และนอนหลับสนิทมากขึ้น ซึ่งถ้าจะดื่มนมนั้น ขอแนะนำว่าให้ดื่มนมอุ่นๆ ก่อนเข้านอนทุกวัน เพราะมีสารเมลาโทนิน ให้กับร่างกาย ที่จะทำให้คุณหลับสนิท และ ไม่รู้สึกหิวระหว่างนอนหลับ และไปขัดขวางการสร้างและสะสมไขมันในระหว่างนอนหลับ
4.ผลเชอร์รี่
ผลไม้เบาๆ ที่ช่วยให้คุณเพลิดเพลินแบบไม่กังวลได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผล ‘Montmorency’ เพราะว่ามีสารประกอบถึง 17 ชนิดด้วยกัน ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วยผลิตฮอร์โมน ‘เมลาโทนิน’ ในระหว่างการนอนหลับให้สนิทขึ้น แถมช่วยให้ไม่เกิดความรู้สึกหิวในตอนกลางดึก และมีสารแอนติออกซิเดนท์ที่จะช่วยลดน้ำหนักได้อีกต่างหาก
สิ่งที่ไม่ควรทาน
1.อาหารสำเร็จรูป
ตามสรรพนามของชื่ออาหาร ที่มาพร้อมกับความสะดวกสบาย แบบแกะปุ๊บ ทานปั๊บ แต่คุณประโยชน์ของอาหารดังกล่าวนั้น ไม่ได้มาพร้อมไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาหารจำพวกฟาสต์ฟู้ต อาหารประเภทแป้งขัดสี และ เครื่องดื่มจำพวกน้ำหวาน นั้น มีสารปนเปื้อนที่มาพร้อมกันนั้นซ่อนอยู่ ซึ่งสามารถสร้างผลกระทบให้กับร่างกายของเราได้ จนสร้างข้อบกพร่องให้กับร่างกายจนทำให้หน้าท้องยื่นออกมานั่นเอง
2.ทานอาหารไขมันไม่ดีเข้าสู่ร่างกาย
การทานไขมันนั้น แน่นอนว่าจำเป็นต่อร่างกายเช่นกัน แต่การทานไขมันนั้น จะต้องทานให้เกิดประโยชน์แก่ร่างกายด้วย เพราะประเภทที่ให้ประโยชน์แก่ร่างกาย นั่นคือ ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว และ ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน แล้วไขมันที่คนทั่วไปได้รับเข้าไปนั้น จะมาจากไขมันประเภทอิ่มตัว ซึ่งหากรับประทานเข้าไปมากๆ จะก่อให้เกิดไขมันเกาะอยู่ภายในอวัยวะ (Visceral Fat) และทำให้เกิดไขมันรอบเอวหนาๆ ในที่สุดนั่นเอง
การออกกำลังกาย
1.การแขม่วท้อง
เป็นการออกกำลังกายที่สามารถทำได้ง่ายที่สุด โดยเฉพาะหลายๆ คน ที่มักจะทำในเวลาถ่ายรูป เพื่อให้ดูผอมเพรียวที่สุด ซึ่งการแขม่วหน้าท้องบ่อยๆ นั้น สามารถทำการลดได้จริงๆ โดยผลการศึกษาระบุว่าการแขม่วหน้าท้องนั้นก็เหมือนกับการซิทอัพนั่นเอง โดยสามารถทำได้ทั้งนั่งหรือยืน ทำได้ทั้งวัน และที่สำคัญ ยังช่วยในการลดอาการท้องผูกอีกต่างหาก
2.การซิทอัพ
การออกกำลังกายที่เป็นพื้นฐานเบื้องต้น สำหรับผู้ที่ลดและอยากจะมีกล้ามหน้าท้อง ซึ่งการซิทอัพให้ถูกวิธีนั้น คือการแขม่วหน้าท้องเมื่องอตัว แล้วค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออก จากนั้นหายใจเข้าเมื่อนอนราบ และที่สำคัญทำเพียงแค่วันละ 50 ครั้งเท่านั้น แต่ก็ต้องควบคุมอาหารให้ดีด้วยเช่นกัน
3.นั่งยกขา
สำหรับวิธีการออกกำลังการแบบนี้นั้น เหมาะกับผู้ที่นั่งติดโต๊ะทำงานตลอดเวลา เช่น พนักงานออฟฟิศ ซึ่งวิธีการออกกำลังนั้น ทำได้โดยการนั่งพิงเก้าอี้และค่อยๆ ยกขาขึ้น โดยไม่ต้องยกมากจนเกินไป ประมาณ 3-5 นิ้ว ค้างไว้ประมาณ 10 วินาที แล้วทำไปเรื่อยๆ ประมาณ 20-30 ครั้งต่อวัน ซึ่งจะทำให้หน้าท้องลดลงอย่างรวดเร็ว
4.ฝึกหายใจ
หากภารกิจล้นตัวจนไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ การฝึกหายใจก็ถือว่าเป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถช่วยได้ ส่วนวิธีการนั้นคือ หายใจเข้าลึกๆ กลั้นไว้ประมาณ 5 วินาทีและค่อยๆ ผ่อนลมออกทางปาก จะสังเกตว่าหน้าท้องจะถูกบีบหรือเกร็งนั่นเอง ซึ่งวิธีนี้จะช่วยในเรื่องของการเผาผลาญได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งวิธีดังกล่าวจะช่วยให้เลือดลมดี และช่วยในเรื่องระบบย่อยได้อีกด้วย
5.เล่นโยคะ
วิธีนี้ เหมาะกับผู้ที่ชอบออกกำลังกายเป็นชีวิตจิตใจ โดยการเล่นโยคะนั้น มีหลายระดับ หากเป็นผู้เริ่มต้นก็ค่อยเริ่มทำตั้งแต่ระดับเริ่มต้น โดยอาจจะเริ่มจากการนั่งกับพื้น ยกขาขึ้นให้เหยียดตรงที่สุดเท่าที่จะทำได้ หายใจเข้าและเกร็งไว้สักครู่ ทำต่อกันประมาณ 10 นาที ซึ่งถ้าอยากให้ไขมันลดลงอย่างเร็วก็ควรทำโยคะร้อนหรือเล่นโยคะในห้องที่มีอุณหภูมิสุง เพื่อให้ร่างกายซับเหงื่อและเบิร์นหน้าท้องได้ดีขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม ทุกปัญหาก็ย่อมมีทางออกอยู่เสมอ ซึ่งหากมีการรับประทานอาหารและออกกำลังกายให้ถูกจุด และปฎิบัติตนให้อย่างสม่ำเสมอแล้ว เชื่อได้เลยว่า หน้าท้องที่สวยงามแบนราบ และแข็งแรง จะต้องมาหาเราไม่วันใดก็วันหนึ่งอย่างแน่นอน
การรับประทานอาหาร
สิ่งที่ควรทาน
1.เนื้อปลา
การทานเนื้อปลาในช่วงที่ลดน้ำหนักนั้น จำเป็นอย่างยิ่ง เพราะในเนื้อปลานั้น มีสารอาหารจำพวก โอเมก้า 3, น้ำมันปลา และ แมกนีเซียม โดยเฉพาะโอเมก้า 3 นั้น เป็นสารอาหารที่ช่วยให้คุณหลับสนิท และลดความยากในการหิวช่วงกลางดึก แถมช่วยเสริมสุขภาพให้กับหัวใจ และ ลดความเสื่อมต่อโรคสมองเสื่อมอีกด้วย
2.ถั่วชนิดต่างๆ
ขึ้นชื่อว่าถั่วแล้ว ย่อมสร้างคุณประโยชน์ให้กับร่างกาย ไม่มากก็น้อย แตกต่างกันไป แต่ถั่วฝักยาวนั้น ถือว่าเป็นตัวช่วยได้มากที่สุด เพราะในถั่วชนิดนี้นั้นมีแหล่งอาหารหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น แคลเซียม, ฟอสฟอรัส และแมกนีเซียม ที่จะช่วยบำรุงกระดูกและฟัน ป้องกันโรคกระดูกพรุน และควบคุมการทำงานของไตแล้ว หากแต่ยังช่วยเผาผลาญไขมัน คาร์โบไฮเดรต โปรตีน และทำให้คุณอยากอาหารน้อยลงกว่าเดิม และ ยังเบิร์นพลังงานหรือไขมันสะสมตรงบริเวณหน้าท้องได้ดีอีกเช่นกัน
3.นมสด
อันที่จริงแล้ว นมสด ก็ส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกาย เพราะสามารถซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้ แต่ถ้าลงลึกไปในรายละเอียดเพิ่มเติมแล้ว จากผลการวิจัยพบว่า ผู้ที่บริโภคแคลเซียม ประมาณ 100 มิลลิกรัมต่อวัน จะสามารถลดสลายไขมันหน้าท้องลงไปได้ถึงประมาณ 1 นิ้ว แถมช่วยให้คุณรู้สึกอิ่มท้อง และนอนหลับสนิทมากขึ้น ซึ่งถ้าจะดื่มนมนั้น ขอแนะนำว่าให้ดื่มนมอุ่นๆ ก่อนเข้านอนทุกวัน เพราะมีสารเมลาโทนิน ให้กับร่างกาย ที่จะทำให้คุณหลับสนิท และ ไม่รู้สึกหิวระหว่างนอนหลับ และไปขัดขวางการสร้างและสะสมไขมันในระหว่างนอนหลับ
4.ผลเชอร์รี่
ผลไม้เบาๆ ที่ช่วยให้คุณเพลิดเพลินแบบไม่กังวลได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผล ‘Montmorency’ เพราะว่ามีสารประกอบถึง 17 ชนิดด้วยกัน ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วยผลิตฮอร์โมน ‘เมลาโทนิน’ ในระหว่างการนอนหลับให้สนิทขึ้น แถมช่วยให้ไม่เกิดความรู้สึกหิวในตอนกลางดึก และมีสารแอนติออกซิเดนท์ที่จะช่วยลดน้ำหนักได้อีกต่างหาก
สิ่งที่ไม่ควรทาน
1.อาหารสำเร็จรูป
ตามสรรพนามของชื่ออาหาร ที่มาพร้อมกับความสะดวกสบาย แบบแกะปุ๊บ ทานปั๊บ แต่คุณประโยชน์ของอาหารดังกล่าวนั้น ไม่ได้มาพร้อมไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาหารจำพวกฟาสต์ฟู้ต อาหารประเภทแป้งขัดสี และ เครื่องดื่มจำพวกน้ำหวาน นั้น มีสารปนเปื้อนที่มาพร้อมกันนั้นซ่อนอยู่ ซึ่งสามารถสร้างผลกระทบให้กับร่างกายของเราได้ จนสร้างข้อบกพร่องให้กับร่างกายจนทำให้หน้าท้องยื่นออกมานั่นเอง
2.ทานอาหารไขมันไม่ดีเข้าสู่ร่างกาย
การทานไขมันนั้น แน่นอนว่าจำเป็นต่อร่างกายเช่นกัน แต่การทานไขมันนั้น จะต้องทานให้เกิดประโยชน์แก่ร่างกายด้วย เพราะประเภทที่ให้ประโยชน์แก่ร่างกาย นั่นคือ ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว และ ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน แล้วไขมันที่คนทั่วไปได้รับเข้าไปนั้น จะมาจากไขมันประเภทอิ่มตัว ซึ่งหากรับประทานเข้าไปมากๆ จะก่อให้เกิดไขมันเกาะอยู่ภายในอวัยวะ (Visceral Fat) และทำให้เกิดไขมันรอบเอวหนาๆ ในที่สุดนั่นเอง
การออกกำลังกาย
1.การแขม่วท้อง
เป็นการออกกำลังกายที่สามารถทำได้ง่ายที่สุด โดยเฉพาะหลายๆ คน ที่มักจะทำในเวลาถ่ายรูป เพื่อให้ดูผอมเพรียวที่สุด ซึ่งการแขม่วหน้าท้องบ่อยๆ นั้น สามารถทำการลดได้จริงๆ โดยผลการศึกษาระบุว่าการแขม่วหน้าท้องนั้นก็เหมือนกับการซิทอัพนั่นเอง โดยสามารถทำได้ทั้งนั่งหรือยืน ทำได้ทั้งวัน และที่สำคัญ ยังช่วยในการลดอาการท้องผูกอีกต่างหาก
2.การซิทอัพ
การออกกำลังกายที่เป็นพื้นฐานเบื้องต้น สำหรับผู้ที่ลดและอยากจะมีกล้ามหน้าท้อง ซึ่งการซิทอัพให้ถูกวิธีนั้น คือการแขม่วหน้าท้องเมื่องอตัว แล้วค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออก จากนั้นหายใจเข้าเมื่อนอนราบ และที่สำคัญทำเพียงแค่วันละ 50 ครั้งเท่านั้น แต่ก็ต้องควบคุมอาหารให้ดีด้วยเช่นกัน
3.นั่งยกขา
สำหรับวิธีการออกกำลังการแบบนี้นั้น เหมาะกับผู้ที่นั่งติดโต๊ะทำงานตลอดเวลา เช่น พนักงานออฟฟิศ ซึ่งวิธีการออกกำลังนั้น ทำได้โดยการนั่งพิงเก้าอี้และค่อยๆ ยกขาขึ้น โดยไม่ต้องยกมากจนเกินไป ประมาณ 3-5 นิ้ว ค้างไว้ประมาณ 10 วินาที แล้วทำไปเรื่อยๆ ประมาณ 20-30 ครั้งต่อวัน ซึ่งจะทำให้หน้าท้องลดลงอย่างรวดเร็ว
4.ฝึกหายใจ
หากภารกิจล้นตัวจนไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ การฝึกหายใจก็ถือว่าเป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถช่วยได้ ส่วนวิธีการนั้นคือ หายใจเข้าลึกๆ กลั้นไว้ประมาณ 5 วินาทีและค่อยๆ ผ่อนลมออกทางปาก จะสังเกตว่าหน้าท้องจะถูกบีบหรือเกร็งนั่นเอง ซึ่งวิธีนี้จะช่วยในเรื่องของการเผาผลาญได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งวิธีดังกล่าวจะช่วยให้เลือดลมดี และช่วยในเรื่องระบบย่อยได้อีกด้วย
5.เล่นโยคะ
วิธีนี้ เหมาะกับผู้ที่ชอบออกกำลังกายเป็นชีวิตจิตใจ โดยการเล่นโยคะนั้น มีหลายระดับ หากเป็นผู้เริ่มต้นก็ค่อยเริ่มทำตั้งแต่ระดับเริ่มต้น โดยอาจจะเริ่มจากการนั่งกับพื้น ยกขาขึ้นให้เหยียดตรงที่สุดเท่าที่จะทำได้ หายใจเข้าและเกร็งไว้สักครู่ ทำต่อกันประมาณ 10 นาที ซึ่งถ้าอยากให้ไขมันลดลงอย่างเร็วก็ควรทำโยคะร้อนหรือเล่นโยคะในห้องที่มีอุณหภูมิสุง เพื่อให้ร่างกายซับเหงื่อและเบิร์นหน้าท้องได้ดีขึ้น