xs
xsm
sm
md
lg

พูดไปอาจไม่เชื่อ แต่ดื่มน้ำน้อย ทำให้เป็นมะเร็งได้จริง!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ตามปกติร่างกายผู้ใหญ่จะต้องการน้ำประมาณวันละ 1.5-2 ลิตร หมายความว่า ถ้าดื่มน้ำแค่วันละลิตร จะทำให้ขาดน้ำถึงร้อยละ 30-50 เมื่อน้ำขาดหายไปร้อยละ 30 ไม่ได้หมายความว่าอวัยวะและเซลล์ทุกส่วนในร่างกายจะเฉลี่ยกันขาดน้ำ ตามที่ได้กล่าวมาแล้วว่า ร่างกายจะส่งน้ำไปตามอวัยวะต่างๆ ตามลำดับความสำคัญของการดำรงชีพ ดังนั้น หากน้ำหายไปร้อยละ 30 เซลล์ที่ถูกจัดลำดับความสำคัญอยู่ในลำดับท้ายๆ ก็จะอยู่ในภาวะขาดน้ำ เพราะอวัยวะสำคัญอย่างสมองหรือหัวใจมีผลต่อชีวิตโดยตรงหากเกิดปัญหา แต่ถ้าร่างกายขาดแขนขาไปข้างหนึ่งก็ไม่ทำให้ถึงแก่ชีวิต

ดังนั้น เมื่อขาดน้ำ ร่างกายจึงจำกัดการไหลของเลือดไปยังเส้นเลือดรอบนอก และจะส่งน้ำไปให้ส่วนที่สำคัญกว่าก่อน นอกจากนี้ยังเป็นการรักษาระดับความดันของเลือดที่ข้นขึ้นจากการขาดน้ำให้คงที่ด้วย เมื่อการไหลเวียนของเลือดลดลงนอกจากจะทำให้การลำเลียงสารอาหารและออกซิเจนไปยังเซลล์ต่างๆ ติดขัดแล้ว ยังทำให้ไม่สามารถขับสารพิษออกจากเซลล์ได้ด้วย

ร่างกายมนุษย์มีกลไกที่ช่วยให้ทนต่อความหิวโหยจากการขาดอาหารและน้ำได้ในระดับหนึ่ง ถ้าขาดน้ำเพียงเล็กน้อยเซลล์ก็จะยังไม่ตายในทันที แต่ถ้าขาดน้ำติดต่อกันนานๆ เซลล์จะไม่สามารถสร้างเซลล์ใหม่ทดแทนเซลล์เก่าได้ ทั้งยังทำงานได้ไม่เต็มที่อีกด้วย เซลล์ที่ไม่สามารถขับสารพิษออกได้และทำงานได้ไม่เต็มที่นี้ จะเกิดความผิดปกติในหน่วยพันธุกรรมและอาจจะกลายเป็นเซลล์มะเร็ง

บางคนอาจจะไม่เชื่อว่าการได้รับน้ำไม่พอ จะมีอันตรายถึงกับทำให้เป็นมะเร็ง แต่นี่เป็นเรื่องจริง

นพ.ฮิโรมิ ชินยะ แพทย์ชื่อดังชาวญี่ปุ่นซึ่งมีชื่อเสียงระดับโลก เล่าว่า “ก่อนหน้านี้ที่คลินิกของผมในนิวยอร์ก มีชายชาวญี่ปุ่นวัย 23 ปีจากนครชิคาโกมาขอคำแนะนำเรื่องการรักษา เขาเป็นมะเร็งหลอดอาหารและกระเพาะ และต้องทนทรมานกับการกลืนอาหารไม่ค่อยได้ ประสบการณ์ในการรักษาทำให้ผมสงสัยว่าเขาน่าจะขาดน้ำ จึงลองถามว่า “คุณดื่มน้ำวันละกี่แก้ว” เขาตอบว่า “น้ำน่ะ ผมดื่มมากกว่าคนอื่นเสียอีก”

แต่ผิวเขากลับดูหยาบกร้าน เลือดก็ไหลเวียนไม่ดี และจากผลการตรวจสอบดูเซลล์ด้วยกล้องจุลทรรศน์ก็พบว่าเซลล์อยู่ในภาวะขาดน้ำ ผมจึงถามอย่างละเอียดขึ้นอีกว่าในแต่ละวันกินอะไรบ้าง และแล้วก็ต้องตกใจเมื่อรู้ว่า เขาไม่เคยดื่มน้ำเปล่าเลย สิ่งที่เขาดื่มก็คือน้ำอัดลมในพลาสติกเพ็ต ซึ่งมีสารคาเฟอีนที่มีฤทธิ์ขับน้ำออกจากร่างกายอยู่มากด้วย เขาดื่มเครื่องดื่มพวกนี้ทุกวัน วันละ 7-8 ขวด

“น้ำ” กับ “ส่วนประกอบอื่นๆ ในน้ำ” นั้นเป็นคนละเรื่องกัน แต่สิ่งที่ร่างกายต้องการก็คือน้ำ ไม่ใช่สารอื่น

การซักประวัติด้านการกินกับความเจ็บป่วยของคนไข้ ช่วยให้ผมรู้ว่า การได้รับน้ำอย่างเพียงพอมีความสำคัญแค่ไหน คนที่เป็นโรคมะเร็งส่วนใหญ่มักดื่มน้ำน้อย ผมมักจะแนะนำให้คนไข้ที่ได้รับการผ่าตัดโรคมะเร็งให้ปฏิบัติตามเคล็ดลับเจ็ดประการ เพื่อสุขภาพแข็งแรง ซึ่งเน้นย้ำให้ดื่มน้ำมากๆ เพื่อป้องกันไม่ให้มะเร็งกลับมาเป็นซ้ำในภายหลัง

สำหรับคนแข็งแรงดีควรดื่มน้ำวันละ 1.5-2 ลิตร ส่วนคนที่เป็นมะเร็ง ถ้าไม่มีโรคที่เกี่ยวข้องกับไตให้ดื่มวันละ 2-3 ลิตร การที่คนไข้ได้รับการผ่าตัดจากผมมีอัตรากลับมาเป็นมะเร็งซ้ำต่ำ อาจเป็นเพราะปฏิบัติตามคำแนะนำดังกล่าวหลังฟื้นไข้ก็เป็นได้

ในสหรัฐอเมริกา มีการรักษาแบบแพทย์ทางเลือกมากมายหลายวิธี เอนไซม์บำบัดที่ผมนำเสนอก็เป็นหนึ่งในนั้น ในบรรดาวิธีการรักษาแบบแพทย์ทางเลือกที่กำลังนิยมกันอยู่นั้น ก็มีบางทฤษฎีให้ความสนใจในเรื่องการดื่มน้ำไม่เพียงพอ และการรักษาโรคด้วยการดื่มน้ำ ผู้ที่นำเสนอวิธีรักษาโรคด้วยการดื่มน้ำ คือ เฟรีดูน แบทแมนเกลิดจ์ แพทย์ชาวอิหร่านซึ่งมีบทบาทสำคัญในสหรัฐอเมริกา เขาทำการวิจัยทางการแพทย์ว่าน้ำมีความสำคัญต่อร่างกายมนุษย์อย่างไร และออกมายืนยันว่า

ความเจ็บป่วยของทั้งหมดของคนในปัจจุบัน มีสาเหตุมาจากเซลล์ในร่างกายขาดน้ำเรื้อรังเป็นเวลานานทำให้ไม่สามารถสร้างเซลล์ใหม่แทนเซลล์เก่าได้อย่างเต็มที่ หนังสือของเขาเป็นหนังสือขายดีในสหรัฐอเมริกา วิธีรักษาโรคด้วยการดื่มน้ำของเขาสามารถช่วยคนจำนวนมากที่ทุกข์ทรมานจากโรคเรื้อรัง ให้หลุดพ้นจากความทุกข์ดังกล่าวได้

“ผมเองก็เคยอ่านหนังสือของเขา และเห็นด้วยอย่างมากกับเรื่องที่ว่า ถ้าเซลล์ขาดน้ำจะทำให้ร่างการเกิดปัญหามากมาย แต่ในบางประเด็นก็ไม่อาจทำใจให้คล้อยตามได้ เช่น ความเจ็บป่วยทั้งหลายล้วนมีสาเหตุมาจากการขาดน้ำทั้งสิ้น เพราะผมคิดว่าสาเหตุที่ทำให้สุขภาพเสื่อมโทรมหรือทำให้เจ็บป่วยไม่ได้มีแค่อย่างเดียว

“เคล็ดลับ 7 ประการเพื่อสุขภาพแข็งแรงของผม ทั้งในเรื่องของการกินอาหาร การดื่มน้ำ การขับถ่าย การหายใจ การออกกำลังกาย การพักผ่อนนอนหลับ และการรักษาสุขภาพจิตจะเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันทั้งหมด เช่น ต่อให้กินอาหารดีๆ อย่างสมดุลแค่ไหน ถ้าไม่ดื่มน้ำให้เพียงพอก็ไม่เกิดประสิทธิผล”
___________________________

ข้อมูลจากหนังสือ “กินอยู่อย่างไร ให้อ่อนวัยตลอดกาล” เขียนโดย นพ.ฮิโรมิ ชินยะ แปลโดย กาญจนา ประสพเนตร สำนักพิมพ์ซีเอ็ด


กำลังโหลดความคิดเห็น