xs
xsm
sm
md
lg

ดื่มแก้วเดียว ก็ไม่ขับ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

“คนญี่ปุ่น 1 แก้วก็ไม่ขับ” ข้อความนี้ปรากฏอยู่บนเว็บไซต์ออนไลน์ชื่อดังอย่างพันทิปดอทคอมเมื่อต้นปีที่แล้ว ในตอนที่สังคมไทยกำลังแสดงความเห็นกันอย่างหนักเรื่องโทษของคนดื่มแล้วขับ ฉันรู้สึกว่าประโยคนี้ดูทรงพลังดี จนต้องค้างเม้าส์ไว้ที่หน้าเว็บไซต์นั้น ก่อนหยุดพิจารณาใคร่ครวญอยู่พักใหญ่

“1 แก้วไม่ขับ” อืมม...ฟังดูน่าสนใจดีนะ

สารภาพว่าตัวฉันเองมีเพื่อนเป็นนักดื่มหลายคน ทุกคนมักจะพูดตรงกันว่าการดื่มเพียงแก้วหรือสองแก้วนั้น ไม่มีผลต่อการขับขี่ของพวกเขาหรอก
แต่จริงๆ นั้นไม่ใช่

ในปี ค.ศ.2000 มีงานวิจัยของอาจารย์ในอเมริกา* ชี้ว่าการดื่มแอลกอฮอล์แม้เพียงปริมาณเล็กน้อย ก็ลดทอนประสิทธิภาพการขับขี่ลงได้ เพราะจะทำให้ร่างกายตอบสนองช้า และตัดสินใจได้ช้าลง พูดภาษาชาวบ้านก็คือคุณจะเบลอง่ายขึ้น และไม่สตรองเหมือนเคย

หลายคนอาจแย้งว่ากฎหมายกำหนดระดับแอลกอฮอล์ในเลือดไว้ที่ 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ การดื่ม 1 แก้วนั้น ปริมาณยังไม่เกินที่กำหนดเสียหน่อย แต่อย่างที่บอกว่า ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์แก้วเดียวนั้น ก็ส่งผลต่อการเหยียบเบรกให้ช้าลงแล้ว คุณอาจคิดว่าตัวเองมีสติรู้ตัว แต่สิ่งที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุคือ ระยะเวลาการตัดสินใจที่ช้าลง

เสี้ยววินาที...ที่เป็นผลจากการดื่ม ทำให้สมองตัดสินใจเหยียบเบรกช้าลง 0.5 วินาที ซึ่งเท่ากับระยะหยุดรถที่เพิ่มขึ้น 15 เมตร (เมื่อขับด้วยความเร็ว 100 กม./ชม.ซึ่งในความจริง คนดื่มแอลกอฮอล์ส่วนใหญ่มักจะขับเร็วกว่านั้นอีกมาก) ซึ่งการตัดสินใจหักหลบช้าลง 0.5 วินาที หรือระยะหยุดรถที่เพิ่มขึ้น 15 เมตร ทำให้เพิ่มโอกาสที่จะชนเสา ชนต้นไม้ ชนรถที่ตัดหน้า หรือชีวิตคนเดินถนน

ดังนั้น ทุกๆ เสี้ยววินาทีของการตัดสินใจจึงมีความหมาย
และการดื่มทำให้การตัดสินใจของสมองช้าลง
ถึงจะดื่ม แม้เพียงแก้วเดียว ก็ไม่ควรขับ

คนไทยเรามักชื่นชมในความมีระเบียบและจิตสำนึกดีของสังคมญี่ปุ่น
ทั้งที่เมืองไทยก็ทำได้ ด้วยการเริ่มต้นจากตัวเราเอง
แค่ร่วมรับผิดชอบต่อสังคมได้

ตัดสินใจตอนนี้เลย ... “ดื่ม 1 แก้ว ไม่ขับรถ”
http://drunkiskiller.com/?p=6
*ที่มา : Moskowitz, H. and Fiorentino, D. (2000) A Review of Literature on the Effects of Low Doses of Alcohol on Driving-Related Skills, DOT HS 809 028, U.S. Department of Transportation, National Highway Traffic Safety Administration, Washington DC.


กำลังโหลดความคิดเห็น