เคยสงสัยกันไหมว่า แต่ไหนแต่ไรมาที่เราเคยถูกพร่ำสอนว่าให้แปรงฟันวันละ 2 ครั้ง ตื่นเช้าและก่อนนอน ซึ่งพวกเราก็ปฏิบัติกันจนเป็นกิจวัตรทุกวัน แต่เหตุใดเราถึงยังมีปัญหา กลิ่นปาก เสียวฟัน หินปูน ฟันผุ ปวดฟัน มารบกวนอยู่เสมอ?
ความจริงที่คุณอาจยังไม่รู้ก็คือ "การแปรงฟัน" อย่างเดียวนั้นอาจยังไม่เพียงพอสำหรับการรักษาสุขภาพฟันและช่องปากให้ดีอยู่เสมอนั่นเอง
ข้อมูลทางการแพทย์ระบุว่า จากพื้นที่ช่องปากของคนเรานั้น พื้นผิวฟันคิดเป็นสัดส่วนเพียงแค่ร้อยละ 25 เท่านั้นเอง ดังนั้นการที่เราแปรงฟันเพียงอย่างเดียว แม้จะแปรงวันละ 2 ครั้ง เหมือนที่เคยทำทุกๆ วัน ก็ยังมีแบคทีเรียหลงเหลืออยู่ในส่วนอื่นๆ เหงือก ลิ้น กระพุ้งแก้ม เพดานปาก และซอกระหว่างฟันแต่ละซี่ กว่า 10,000,000 ตัว
โดยแบคทีเรียที่หลงเหลืออยู่นี้ จะก่อตัวเป็นคราบพลัค (Plaque) หรือไบโอฟิล์ม (Biofilm) ซึ่งเป็นต้นเหตุหลักของปัญหาต่างๆ ในช่องปากตามมา เช่น โรคเหงือก โรคฟันผุ กลิ่นปาก และอาจนำมาซึ่งอาการเสียวฟัน ปวดฟัน อาจลุกลามจนต้องถอนฟันในที่สุด
ดังนั้นการดูแลอนามัยช่องปากที่ดี ควรเริ่มต้นตั้งแต่การแปรงฟันที่ถูกวิธี เพื่อกำจัดคราบพลัคหรือไบโอฟิล์มออก ให้ฟันสะอาดอย่างทั่วถึง ซึ่งวิธีการแปรงฟันที่ถูกต้องนั้นอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล วิธีการที่แนะนำสำหรับเด็กโตจนถึงวัยผู้ใหญ่ คือ วิธี ขยับ-ปัด (Modified Bass Technic) ควรใช้คู่กับยาสีฟันผสมฟลูออไรด์และใช้เวลาแปรงฟันอย่างน้อย 2 นาที หรือ 120 วินาที ซึ่งในความเป็นจริงพบว่าคนทั่วไปใช้เวลาในการแปรงฟันเฉลี่ยเพียง 37 วินาทีเท่านั้น (ไม่เชื่อลองจับเวลาดูสิครับ ว่าคุณใช้เวลาแปรงฟันนานเท่าไหร่)
นอกจากการแปรงฟันแล้ว ควรใช้ไหมขัดฟันเพื่อทำความสะอาดระหว่างซอกฟันทุกซี่อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง เพราะขนแปรงไม่สามารถเข้าถึงบริเวณระหว่างซอกฟันได้ หากปล่อยให้คราบสกปรกหมักหมมอยู่เกินกว่า 24 ชั่วโมงจะเป็นต้นเหตุของโรคเหงือกได้ แต่ในความเป็นจริงกลับพบว่ามีคนที่สามารถใช้ไหมขัดฟันได้เป็นประจำทุกวันและใช้ได้อย่างถูกต้องน้อยมากๆ คือ ในหนึ่งร้อยคนจะมีสักสองคนเท่านั้น
แต่ขั้นตอนการดูแลสุขภาพช่องปากที่หลายคนมักมองข้าม คือการใช้น้ำยาบ้วนปากเป็นตัวช่วยหนึ่งที่สำคัญในการกำจัดเชื้อแบคทีเรียที่หลงเหลืออยู่จากการแปรงฟัน เนื่องจากสามารถซอกซอนไปได้ทั่วช่องปากแม้ในส่วนที่การแปรงฟันเข้าไม่ถึง แต่รู้หรือไม่ว่าน้ำยาบ้วนปากแต่ละชนิดที่วางจำหน่ายในท้องตลาดนั้นมีประสิทธิภาพที่ไม่เท่าเทียมกัน
โดยจากงานวิจัยพบว่าการใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากสมุนไพรธรรมชาติ หรือ Essential Oils (EOs) พบว่า ช่วยลดแบคทีเรียที่หลงเหลือจากการแปรงฟันได้มากกว่า 99.9% และสะอาดกว่าการแปรงฟันเพียงอย่างเดียวถึง 3 เท่า จึงช่วยป้องกันโรคเหงือก โรคฟันผุ และกลิ่นปาก ได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ความจริงที่คุณอาจยังไม่รู้ก็คือ "การแปรงฟัน" อย่างเดียวนั้นอาจยังไม่เพียงพอสำหรับการรักษาสุขภาพฟันและช่องปากให้ดีอยู่เสมอนั่นเอง
ข้อมูลทางการแพทย์ระบุว่า จากพื้นที่ช่องปากของคนเรานั้น พื้นผิวฟันคิดเป็นสัดส่วนเพียงแค่ร้อยละ 25 เท่านั้นเอง ดังนั้นการที่เราแปรงฟันเพียงอย่างเดียว แม้จะแปรงวันละ 2 ครั้ง เหมือนที่เคยทำทุกๆ วัน ก็ยังมีแบคทีเรียหลงเหลืออยู่ในส่วนอื่นๆ เหงือก ลิ้น กระพุ้งแก้ม เพดานปาก และซอกระหว่างฟันแต่ละซี่ กว่า 10,000,000 ตัว
โดยแบคทีเรียที่หลงเหลืออยู่นี้ จะก่อตัวเป็นคราบพลัค (Plaque) หรือไบโอฟิล์ม (Biofilm) ซึ่งเป็นต้นเหตุหลักของปัญหาต่างๆ ในช่องปากตามมา เช่น โรคเหงือก โรคฟันผุ กลิ่นปาก และอาจนำมาซึ่งอาการเสียวฟัน ปวดฟัน อาจลุกลามจนต้องถอนฟันในที่สุด
ดังนั้นการดูแลอนามัยช่องปากที่ดี ควรเริ่มต้นตั้งแต่การแปรงฟันที่ถูกวิธี เพื่อกำจัดคราบพลัคหรือไบโอฟิล์มออก ให้ฟันสะอาดอย่างทั่วถึง ซึ่งวิธีการแปรงฟันที่ถูกต้องนั้นอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล วิธีการที่แนะนำสำหรับเด็กโตจนถึงวัยผู้ใหญ่ คือ วิธี ขยับ-ปัด (Modified Bass Technic) ควรใช้คู่กับยาสีฟันผสมฟลูออไรด์และใช้เวลาแปรงฟันอย่างน้อย 2 นาที หรือ 120 วินาที ซึ่งในความเป็นจริงพบว่าคนทั่วไปใช้เวลาในการแปรงฟันเฉลี่ยเพียง 37 วินาทีเท่านั้น (ไม่เชื่อลองจับเวลาดูสิครับ ว่าคุณใช้เวลาแปรงฟันนานเท่าไหร่)
นอกจากการแปรงฟันแล้ว ควรใช้ไหมขัดฟันเพื่อทำความสะอาดระหว่างซอกฟันทุกซี่อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง เพราะขนแปรงไม่สามารถเข้าถึงบริเวณระหว่างซอกฟันได้ หากปล่อยให้คราบสกปรกหมักหมมอยู่เกินกว่า 24 ชั่วโมงจะเป็นต้นเหตุของโรคเหงือกได้ แต่ในความเป็นจริงกลับพบว่ามีคนที่สามารถใช้ไหมขัดฟันได้เป็นประจำทุกวันและใช้ได้อย่างถูกต้องน้อยมากๆ คือ ในหนึ่งร้อยคนจะมีสักสองคนเท่านั้น
แต่ขั้นตอนการดูแลสุขภาพช่องปากที่หลายคนมักมองข้าม คือการใช้น้ำยาบ้วนปากเป็นตัวช่วยหนึ่งที่สำคัญในการกำจัดเชื้อแบคทีเรียที่หลงเหลืออยู่จากการแปรงฟัน เนื่องจากสามารถซอกซอนไปได้ทั่วช่องปากแม้ในส่วนที่การแปรงฟันเข้าไม่ถึง แต่รู้หรือไม่ว่าน้ำยาบ้วนปากแต่ละชนิดที่วางจำหน่ายในท้องตลาดนั้นมีประสิทธิภาพที่ไม่เท่าเทียมกัน
โดยจากงานวิจัยพบว่าการใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากสมุนไพรธรรมชาติ หรือ Essential Oils (EOs) พบว่า ช่วยลดแบคทีเรียที่หลงเหลือจากการแปรงฟันได้มากกว่า 99.9% และสะอาดกว่าการแปรงฟันเพียงอย่างเดียวถึง 3 เท่า จึงช่วยป้องกันโรคเหงือก โรคฟันผุ และกลิ่นปาก ได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
(พื้นที่ประชาสัมพันธ์)