เมล็ดพืชที่ถือกำเนิดตอนกลางและตอนใต้ของเม็กซิโก และทั่วโลกจัดให้เป็นอาหาร “Super Food” ที่มีสารอาหารที่มีประโยชน์หลากหลายมากเป็นพิเศษในเมล็ดพืชมหัศจรรย์นี้ เมล็ดเจีย หรือ เมล็ดเชีย ธัญพืชที่อัดแน่นไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ได้แก่ ไฟเบอร์ กรดไขมันดีชนิดโอเมก้า-3 โอเมก้า-6 แคลเซียม สารต้านอนุมูลอิสระ และโปรตีน
นอกจากนี้ เมล็ดเจีย ยังมีสรรพคุณทางยาที่ไม่ธรรมดา เป็นธัญพืชที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพเรา 16 อย่างด้วยกัน เช่น ทำให้หัวใจแข็งแรง บำรุงความจำ ห่างไกลโรคกระดูกพรุน ช่วยซ่อมแซ่มสิ่งที่สึกหรอ บาดแผลหายเร็ว ไม่ติเชื้อง่าย ฯลฯ แต่การรับประทานเมล็ดเจียนั้นอาจจะไม่ได้กินแล้วดีต่อสุขภาพทุกคน โดยเฉพาะคนที่มีปัญหาสุขภาพ ดังนี้
1.คนที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบกระเพาะอาหารและลำไส้
เพราะหากรับประทานเมล็ดเจียเข้าไปแล้วจะทำให้มีอาการหนักขึ้นกว่าเดิม
2.คนที่ต้องเข้ารับการศัลยกรรม หรือ มีประวัติการใช้ยาแอสไพริน
ไม่ควรกินเมล็ดเจีย เพราะ จะยิ่งทำให้หลอดเลือดบางลง ซึ่งอาจมีผลต่อการเกิดภาวะฮีโมฟิเลีย หรือภาวะที่เลือดแข็งตัวช้า เลือดไหลไม่หยุด
3.ผู้ชายไม่ควรบริโภคเมล็ดเจียมากเกินไป
เพราะในเมล็ดเจียมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวแอลฟา ลิโนเลอิก ที่จะไปกระตุ้นให้มีความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมากเพิ่มมากขึ้น
4.ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตต่ำ
ไม่ควรบริโภคเมล็ดเจีย เพราะมีผลต่อแรงดันเลือดขณะที่หัวใจคลายตัวให้ต่ำลง อาจก่อให้เกิดอาการช็อก หรือหมดสติได้
5.ไม่ควรบริโภคเมล็ดเจียติดต่อกันเป็นเวลานานหลายปี
เพราะร่างกายจะเกิดการเสพติด และเลิกยาก ทางที่ดีควรเว้นช่วงไปบ้าง
6.ผู้หญิงตั้งครรภ์ หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร
ไม่ควรบริโภคเมล็ดเจีย เพราะมีผลต่อสารอาหารในน้ำนมให้เปลี่ยนไปจากเดิม
7.การกินเมล็ดเจียร่วมกับอาหารเสริมวิตามินบี 17 ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน
จะทำให้ร่างกายสะสมสารไฟโตนิวเทรียนท์ในปริมาณมาก กลายเป็นสารพิษที่นำมาซึ่งโรคมะเร็งในที่สุด
ฉะนั้นหากต้องการรับประทาน เมล็ดเจีย ให้มีประโยชน์นั้น มีเงื่อนไขการรับประทานมีอยู่ หากอยากกินเมล็ดเจียให้ได้คุณประโยชน์เต็ม ๆ ควรมีเกณฑ์การรับประทานในปริมาณที่พอดี เพื่อสุขภาพที่ดี ดังนี้
1.เด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี ควรบริโภคประมาณ 1 ช้อนโต๊ะต่อวัน
2.เด็กที่อายุตั้งแต่ 5-18 ปี ควรบริโภคประมาณ 1.4-4.3 กรัมต่อวัน
3.วัยผู้ใหญ่ ควรบริโภคประมาณ 15 กรัม หรือประมาณ 2 ช้อนโต๊ะต่อวัน
4.ผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด ควรบริโภคแบบป่นประมาณ 33-41 กรัมทุกๆ 3 เดือน
วิธีการรับประทานให้สุขภาพดี
1.ทานแบบเมล็ดแห้ง โรยบนสลัด หรือจะผสมในขนมปังอบ คุ้กกี้ (ทานเพียงเล็กน้อย ถ้าทานเยอะไปจะท้องอืด)
2.ทานแบบผสมน้ำ น้ำเปล่า น้ำผลไม้ นม น้ำเต้าหู้ ชา กาแฟ เป็นต้น (ในอัตราส่วนน้ำ 1 แก้ว เมล็ดเจีย 1 ช้อนโต๊ะ)
3.ทานแบบ Chia Gel (เมล็ดเจียแช่น้ำได้เนื้อข้น) โรยหน้าโยเกิร์ตหรือผสมในสมูทตี้ก็เข้ากันดี
4.สามารถทานได้ทั้งวัน ระหว่างมื้อ ก่อนอาหาร หรือทานเป็นมื้อเย็น แนะนำให้ทานเป็นประจำ ควรทานวันละ 2 ช้อนโต๊ะ ช่วงควบคุมน้ำหนักทานได้ถึง 3 ช้อนโต๊ะ (เมล็ดแห้ง)
___________
ข่าวโดย : กมลชนก บุญเพ็ง
นอกจากนี้ เมล็ดเจีย ยังมีสรรพคุณทางยาที่ไม่ธรรมดา เป็นธัญพืชที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพเรา 16 อย่างด้วยกัน เช่น ทำให้หัวใจแข็งแรง บำรุงความจำ ห่างไกลโรคกระดูกพรุน ช่วยซ่อมแซ่มสิ่งที่สึกหรอ บาดแผลหายเร็ว ไม่ติเชื้อง่าย ฯลฯ แต่การรับประทานเมล็ดเจียนั้นอาจจะไม่ได้กินแล้วดีต่อสุขภาพทุกคน โดยเฉพาะคนที่มีปัญหาสุขภาพ ดังนี้
1.คนที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบกระเพาะอาหารและลำไส้
เพราะหากรับประทานเมล็ดเจียเข้าไปแล้วจะทำให้มีอาการหนักขึ้นกว่าเดิม
2.คนที่ต้องเข้ารับการศัลยกรรม หรือ มีประวัติการใช้ยาแอสไพริน
ไม่ควรกินเมล็ดเจีย เพราะ จะยิ่งทำให้หลอดเลือดบางลง ซึ่งอาจมีผลต่อการเกิดภาวะฮีโมฟิเลีย หรือภาวะที่เลือดแข็งตัวช้า เลือดไหลไม่หยุด
3.ผู้ชายไม่ควรบริโภคเมล็ดเจียมากเกินไป
เพราะในเมล็ดเจียมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวแอลฟา ลิโนเลอิก ที่จะไปกระตุ้นให้มีความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมากเพิ่มมากขึ้น
4.ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตต่ำ
ไม่ควรบริโภคเมล็ดเจีย เพราะมีผลต่อแรงดันเลือดขณะที่หัวใจคลายตัวให้ต่ำลง อาจก่อให้เกิดอาการช็อก หรือหมดสติได้
5.ไม่ควรบริโภคเมล็ดเจียติดต่อกันเป็นเวลานานหลายปี
เพราะร่างกายจะเกิดการเสพติด และเลิกยาก ทางที่ดีควรเว้นช่วงไปบ้าง
6.ผู้หญิงตั้งครรภ์ หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร
ไม่ควรบริโภคเมล็ดเจีย เพราะมีผลต่อสารอาหารในน้ำนมให้เปลี่ยนไปจากเดิม
7.การกินเมล็ดเจียร่วมกับอาหารเสริมวิตามินบี 17 ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน
จะทำให้ร่างกายสะสมสารไฟโตนิวเทรียนท์ในปริมาณมาก กลายเป็นสารพิษที่นำมาซึ่งโรคมะเร็งในที่สุด
ฉะนั้นหากต้องการรับประทาน เมล็ดเจีย ให้มีประโยชน์นั้น มีเงื่อนไขการรับประทานมีอยู่ หากอยากกินเมล็ดเจียให้ได้คุณประโยชน์เต็ม ๆ ควรมีเกณฑ์การรับประทานในปริมาณที่พอดี เพื่อสุขภาพที่ดี ดังนี้
1.เด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี ควรบริโภคประมาณ 1 ช้อนโต๊ะต่อวัน
2.เด็กที่อายุตั้งแต่ 5-18 ปี ควรบริโภคประมาณ 1.4-4.3 กรัมต่อวัน
3.วัยผู้ใหญ่ ควรบริโภคประมาณ 15 กรัม หรือประมาณ 2 ช้อนโต๊ะต่อวัน
4.ผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด ควรบริโภคแบบป่นประมาณ 33-41 กรัมทุกๆ 3 เดือน
วิธีการรับประทานให้สุขภาพดี
1.ทานแบบเมล็ดแห้ง โรยบนสลัด หรือจะผสมในขนมปังอบ คุ้กกี้ (ทานเพียงเล็กน้อย ถ้าทานเยอะไปจะท้องอืด)
2.ทานแบบผสมน้ำ น้ำเปล่า น้ำผลไม้ นม น้ำเต้าหู้ ชา กาแฟ เป็นต้น (ในอัตราส่วนน้ำ 1 แก้ว เมล็ดเจีย 1 ช้อนโต๊ะ)
3.ทานแบบ Chia Gel (เมล็ดเจียแช่น้ำได้เนื้อข้น) โรยหน้าโยเกิร์ตหรือผสมในสมูทตี้ก็เข้ากันดี
4.สามารถทานได้ทั้งวัน ระหว่างมื้อ ก่อนอาหาร หรือทานเป็นมื้อเย็น แนะนำให้ทานเป็นประจำ ควรทานวันละ 2 ช้อนโต๊ะ ช่วงควบคุมน้ำหนักทานได้ถึง 3 ช้อนโต๊ะ (เมล็ดแห้ง)
___________
ข่าวโดย : กมลชนก บุญเพ็ง