ตัวเลข และชื่อของสารอาหารต่างๆ บนฉลากโภชนาการที่เราซื้อนั้นดูเข้าใจยาก ส่วนใหญ่คนเราจะดูแค่ตัวเลขแคลอรี่ หรือเปอร์เซ็นต์ของไขมัน แต่จริงๆ แล้วสองอย่างที่กล่าวมานี้ ไม่พอที่จะทำให้สุขภาพดีได้
1.ก่อนดูตัวเลขบนฉลากโภชนาการ
ให้อ่านที่ส่วนผสม หรือส่วนประกอบก่อน เปรียบเทียบผลิตภัณฑ์หลายๆ อย่าง และซื้ออาหารที่เป็น 'อาหารจริงๆ' ที่ไม่ได้เติมส่วนผสมอื่นๆ ที่คุณไม่รู้จัก พูดให้เข้าใจง่ายๆ คือ เราแนะนำให้หลีกเลี่ยง ไขมันทรานส์ (trans fat, เนยเทียม, มาการีน), น้ำตาลเพิ่มความหวาน และสารเคมี เช่น สีย้อมประเภทต่างๆ ที่ไม่ใช่สีผสมอาหาร ซึ่งสิ่งเหล่านี้ มักจะมีชื่อแปลกๆ ที่เราอาจจะต้องระมัดระวังมากขึ้น
2.ระวัง 'จำนวนหน่วยบริโภค'
ซึ่งหมายถึง ปริมาณการกินหรือดื่มต่อครั้ง ซึ่งปรากฏบนฉลาก บ่อยครั้งที่แสดงจำนวนหน่วยบริโภค ไม่สอดคล้องกับปริมาณที่เราเคยชินเวลาทานจริงๆ คำแนะนำปริมาณจำนวนหน่วยบริโภคที่แสดงบนฉลาก จึงมีผลต่อการได้รับสารอาหารเป็นอย่างมาก หากในผลิตภัณฑ์นั้นแบ่งการบริโภคเป็นหลายครั้ง เราต้องนำจำนวนครั้งที่บริโภคที่ปรากฏบนฉลากมาคำนวณด้วยเสมอ
เช่น จำนวนหน่วยบริโภคต่อกล่อง : 1 หมายความว่าสามารถกินหมดกล่องภายใน 1 ครั้ง แต่ถ้าเขียนว่า จำนวนหน่วยบริโภคต่อกล่อง : 5 หมายความว่า 1 กล่องให้แบ่งกินได้ 5 ครั้ง เช่น น้ำอัดลม 1 กระป๋อง ถ้าแบ่งดื่มได้ 2 ครั้ง จึงต้องนำตัวเลขบนฉลากผลิตภัณฑ์ ไป คูณ 2 ทั้งหมด จึงจะได้ตัวเลขสารประกอบจริงของน้ำอัดลม 1 กระป๋อง
3.ระวังน้ำตาล
ถ้าหากเราจะดูเพียงแค่เรื่องเดียว เรื่องที่สำคัญที่สุดที่เราจะแนะนำ คือให้ระวัง น้ำตาล เพราะในปัจจุบันผู้คนจำนวนมากที่บริโภคน้ำตาลเกินปริมาณ และส่งผลต่อสุขภาพอย่างร้ายแรง หลายๆ ผลิตภัณฑ์วางจำหน่าย อาหารประเภท 'ไขมันต่ำ แคลอรี่ต่ำ (low-fat , low calorie)' แต่กลับเพิ่มปริมาณน้ำตาลเข้าไปเพื่อทำให้รสชาติดีขึ้น ซึ่งปริมาณน้ำตาลต่อวันที่เราควรบริโภคนั้น คือประมาณ 6-9 ช้อนชา (หรือ 25-38 กรัม) เท่านั้น ซึ่ง น้ำอัดลม 1 กระป๋อง มีน้ำตาลสูงถึง 39 กรัม
________________
ข้อมูลและภาพ : เฟซบุ๊ก Coolinggreenlife
1.ก่อนดูตัวเลขบนฉลากโภชนาการ
ให้อ่านที่ส่วนผสม หรือส่วนประกอบก่อน เปรียบเทียบผลิตภัณฑ์หลายๆ อย่าง และซื้ออาหารที่เป็น 'อาหารจริงๆ' ที่ไม่ได้เติมส่วนผสมอื่นๆ ที่คุณไม่รู้จัก พูดให้เข้าใจง่ายๆ คือ เราแนะนำให้หลีกเลี่ยง ไขมันทรานส์ (trans fat, เนยเทียม, มาการีน), น้ำตาลเพิ่มความหวาน และสารเคมี เช่น สีย้อมประเภทต่างๆ ที่ไม่ใช่สีผสมอาหาร ซึ่งสิ่งเหล่านี้ มักจะมีชื่อแปลกๆ ที่เราอาจจะต้องระมัดระวังมากขึ้น
2.ระวัง 'จำนวนหน่วยบริโภค'
ซึ่งหมายถึง ปริมาณการกินหรือดื่มต่อครั้ง ซึ่งปรากฏบนฉลาก บ่อยครั้งที่แสดงจำนวนหน่วยบริโภค ไม่สอดคล้องกับปริมาณที่เราเคยชินเวลาทานจริงๆ คำแนะนำปริมาณจำนวนหน่วยบริโภคที่แสดงบนฉลาก จึงมีผลต่อการได้รับสารอาหารเป็นอย่างมาก หากในผลิตภัณฑ์นั้นแบ่งการบริโภคเป็นหลายครั้ง เราต้องนำจำนวนครั้งที่บริโภคที่ปรากฏบนฉลากมาคำนวณด้วยเสมอ
เช่น จำนวนหน่วยบริโภคต่อกล่อง : 1 หมายความว่าสามารถกินหมดกล่องภายใน 1 ครั้ง แต่ถ้าเขียนว่า จำนวนหน่วยบริโภคต่อกล่อง : 5 หมายความว่า 1 กล่องให้แบ่งกินได้ 5 ครั้ง เช่น น้ำอัดลม 1 กระป๋อง ถ้าแบ่งดื่มได้ 2 ครั้ง จึงต้องนำตัวเลขบนฉลากผลิตภัณฑ์ ไป คูณ 2 ทั้งหมด จึงจะได้ตัวเลขสารประกอบจริงของน้ำอัดลม 1 กระป๋อง
3.ระวังน้ำตาล
ถ้าหากเราจะดูเพียงแค่เรื่องเดียว เรื่องที่สำคัญที่สุดที่เราจะแนะนำ คือให้ระวัง น้ำตาล เพราะในปัจจุบันผู้คนจำนวนมากที่บริโภคน้ำตาลเกินปริมาณ และส่งผลต่อสุขภาพอย่างร้ายแรง หลายๆ ผลิตภัณฑ์วางจำหน่าย อาหารประเภท 'ไขมันต่ำ แคลอรี่ต่ำ (low-fat , low calorie)' แต่กลับเพิ่มปริมาณน้ำตาลเข้าไปเพื่อทำให้รสชาติดีขึ้น ซึ่งปริมาณน้ำตาลต่อวันที่เราควรบริโภคนั้น คือประมาณ 6-9 ช้อนชา (หรือ 25-38 กรัม) เท่านั้น ซึ่ง น้ำอัดลม 1 กระป๋อง มีน้ำตาลสูงถึง 39 กรัม
________________
ข้อมูลและภาพ : เฟซบุ๊ก Coolinggreenlife
