xs
xsm
sm
md
lg

"ลำไส้แปรปรวน" สัญญาณอันตรายในท้อง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คุณเคยรู้สึกถึงอาการหน่วงๆ ในท้องบ้างไหม บางช่วงก็มีอาการเสียงร้องคล้ายท้องร้องหิวข้าว บางช่วงก็มีอาการผายลมถี่ จนทำให้เกิดความรำคาญให้กับคนรอบข้าง หรือ มีอาการท้องผูกบ้าง ท้องเสียบ้าง สลับกันไป บ้างไหม ????

ถ้าคุณมีอาการตามที่ได้กล่าวไปในย่อหน้าแรกแล้ว แสดงว่า คุณกำลังสุ่มเสี่ยงที่จะเป็นโรคลำไส้แปรปรวน หรือ IBS ซึ่งอาการของโรคนี้ ก็เกิดตามชื่อโรคเลย โดยเกิดมาจากความผิดปกติในลำไส้ที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ว่าจะเป็นไปในทิศทางใด หรือ แสดงอาการแบบไหน เช่นกัน

ถึงแม้ว่าโรคดังกล่าวอาจจะไม่ร้ายแรงอันตรายจนถึงชีวิต แต่ถ้าหากปล่อยไว้นานไป มันอาจจะลุกลามและต่อยอดพัฒนาไปจนเรื้อรังได้ ฉะนั้นแล้ว บรรทัดต่อจากนี้ ควรรู้ไว้ไม่เสียหลายดีกว่า เพื่อความไม่ประมาทในท้องไส้ของเราเอง

มูลเหตุของโรค “ลำไส้แปรปรวน”

โรคนี้เป็นกลุ่มอาการที่เกิดจากการทำงานผิดปกติของลำไส้ โดยไม่มีความผิดปกติทางกายภาพของลำไส้ที่จะสามารถอธิบายว่าเป็นสาเหตุของอาการได้ กล่าวคือ เป็นโรคของลำไส้ที่บีบตัวผิดปกติ และตรวจไม่พบก้อนเนื้องอกด้วยการส่องกล้องตรวจลำไส้แต่อย่างใด โดยโรคดังกล่าวเป็นโรคที่พบบ่อยในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งจะพบได้มากในคนวัยทำงาน อายุ 30-35 ปี และยิ่งพบมากขึ้นในหมู่วัยรุ่นอีกด้วย
อาการและสาเหตุของ “ลำไส้แปรปรวน”

โดยทั่วไป อาการของโรคดังกล่าว สามารถเป็นได้หลายรูปแบบ ซึ่งรูปแบบดังต่อไปนี้ ก็สามารถเข้าข่ายในการอยู่ในโรคนี้ได้ หรือ อาจจะไม่เป็นก็ได้ ดังนี้

-มีอาการปวดท้อง โยอาจจะปวดบริเวณตรงกลางท้อง หรือบริเวณตรงท้องน้อย แต่โดยส่วนใหญ่ มักจะปวดตรงบริเวณท้องน้อยด้านซ้าย และจะปวดแบบเกร็ง
 
-มีอาการท้องโตขึ้น คล้ายกับว่ามีลมอยู่ในท้อง และมีการเรอหรือผายลมบ่อย
 
-มีอาการแน่นท้อง หรือ ท้องอืด
 
-มีอาการถ่ายผิดปกติ ทั้ง ท้องผูก ท้องเสีย หรือ มีทั้งสองอาการสลับกันไป บางรายอาจจะมีอาการความรู้สึกเหมือนถ่ายไม่สุด
 
-หรือบางรายมีการถ่ายอุจจาระแบบเหลว หรือ มูกร่วมด้วย แถมจะเป็นๆ หายๆ สลับกันไป หรือมีอาการเกิน 3 เดือน อีกด้ว
 

ซึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดโรคดังกล่าวได้ คือ มีภาวะเครียดกังวล, รับประทานอาหารไม่เป็นเวลา หรือ รับประทานอาหารจานด่วน รับประทานอาหารที่มีกากใยน้อย และ มีการขาดการออกกำลังกายและการพักผ่อนที่เพียงพอ

ทำตามนี้ ไม่เกิดโรคดังกล่าวได้แน่นอน

-หลีกเลี่ยงเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดภาวะเครียดหรือกังวล
 
-ดูแลร่างกายให้แข็งแรง และ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
 
-ควรรับประทานอาหารเช้าให้ได้ทุกวัน เพราะเป็นช่วงที่ลำไส้ใหญ่ทำงานหนักมากที่สุด
 
-ไม่ควรกลั้นการขับถ่าย เพราะหากไม่ได้ถ่ายในช่วยเวลาที่ปวด อาจจะทำให้ส่งผลกลายเป็นอาการท้องผูกในเวลาถัดมา
 
-สิ่งสำคัญที่สุด คือ ต้องรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ในปริมาณที่พอเหมาะ โดยเน้นอาหารที่มีกากใยเป็นพิเศษ

กำลังโหลดความคิดเห็น