เห็นข่าวโรงรับจำนำคึกคักช่วงเปิดเทอมก็ใจหาย นึกถึงบรรดาผู้ปกครองที่ต้องตระเตรียมค่าใช้จ่ายต่างๆ มือประวิงเป็นพัลวันหมุนหน้าหมุนหลัง ทั้งค่าเทอม ค่าหนังสือที่จำเป็น กระทั่งเรื่อง "เสื้อนักเรียน" ที่ไม่วายกะเกณฑ์เผื่อโตแล้ว ก็ยังต้องเปลี่ยนเพราะหมองคล้ำ
ทว่าในยุคเศรษฐกิจไม่ทรงตัวอะไรที่พอจะใช้ต่อได้ก็จำต้องใช้ ใครมีพี่มีน้องก็ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น เรามีวิธีมาแนะนำเพื่อประหยัดเงินในกระเป๋าเป็นสำหรับทุนรอนค่าใช้ใจและตัวลูกๆ เองก็สามารถทำเองได้ ซึ่งเราจะแบ่งเป็นแบบซักและแบบขจัดคราบเพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน
โดยในกรณีที่เสื้อสีขาวกลายเป็นสีเหลืองและหมองคล้ำทั้งตัว มีวิธีแก้ไขได้ด้วยกันดังนี้
1.ซักด้วยน้ำส้มสายชู
คือก่อนซักผ้าให้แช่เสื้อขาวกับน้ำส้มสายชูร่วมกับผงซักฟอกในสัดส่วนปริมาณเท่าๆ กัน ทิ้งไว้ 15-30 นาที ในกรณีที่เสื้อขาวมีความคล้ำมาก อาจทิ้งไว้ข้ามคืน กรดของน้ำส้มสายชูจะช่วยกัดคราบฝังลึกให้ออกง่ายขึ้น ก่อนจะนำไปซักตามวิธีปกติ นอกจากนี้ น้ำส้มสายชูยังมีสรรพคุณช่วยคงความสดให้สีไม่กลับมาหมองคล้ำอีกด้วย
2.ซักด้วยเบกกิ้งโซดาหรือผงฟู
โดยขั้นตอนวิธีนี้ต้มน้ำสะอาดกับโซดาหรือผงฟูจนเดือดได้ที่ ก่อนนำเสื้อขาวลงไปแช่ เพราะเนื่องจากสารโซเดียมไบคาร์บอเนตจะสลายตัวได้เมื่อได้รับความร้อนจึงออกฤทธิ์ทำความสะอาดคราบ ระหว่างนั้นให้เรารอจนอุณหภูมิลดลงหรือทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที จึงค่อยซักตามปกติ
3.ซักด้วยน้ำอัดลม
วิธีนี้ขั้นตอนคล้ายๆ ทั้งเรื่องการซักและการทำความสะอาดคราบของกรดอย่างน้ำส้มสายชู เพียงแต่ว่าเราต้องเลือกใช้ชนิดที่ไม่มีสี โดยผสมกับน้ำในปริมาณเท่าๆ กัน แช่เสื้อสีขาวทิ้งไว้จนสีผ้าเปลี่ยนกลายมาเป็นสีขาวเหมือนเดิมหรือทิ้งข้ามคืนเพื่อความมั่นใจแล้วค่อยซักด้วย ผงซักฟอกหรือน้ำยาทำความสะอาดผ้าขาว เท่านี้เราก็ได้ผ้าขาวเหมือนใหม่คืนมา
4.ซักด้วยน้ำมะนาว
ควรใช้น้ำมะนาวแท้ที่คั้นออกมาจากผล เพราะจะมีกรดซิตริกที่นอกจากใช้เป็นวัตถุปรุงอาหาร เป็นสารกันหืน สารกันเสีย ยังสามารถทำความสะอาดได้อย่างที่เรารู้ๆ กัน และในเรื่องนี้ก็ยังสามารถทำให้ผ้าหมองกลับมาขาวได้อีกด้วย โดยให้คั้นน้ำมะนาว 1 ถ้วยตวงเทผสมกับผงซักฟอกหรือน้ำยาทำความสะอาด รอประมาณ 15-30 นาทีก่อนซักออก
5.ซักด้วยน้ำซาวข้าวหรือเปลือกไข่ไก่ป่น
วิธีนี้อาจจะไม่เหมาะสำหรับคุณแม่บ้านที่ไม่ค่อยมีเวลา เพราะค่อนข้างมีรายละเอียดเยอะ ซึ่งการซักด้วยน้ำซาวข้าว ให้เรานำเสื้อลงไปแช่ในน้ำซาวข้าว ประมาณ 4-5 วัน โดยควรจะต้องเปลี่ยนน้ำซาวข้าวทุกๆ วันจนครบ จากนั้นค่อยนำมาซักตามปกติ แต่เป็นกรรมวิธีที่สืบทอดมาแต่โบราณกาล ดังนั้นรับประกันผลลัพธ์ที่จะออกมาเห็นผล
ส่วนการซักด้วยเปลือกไข่ไก่ป่น ให้เรานำเปลือกไข่ไก่ที่ป่นละเอียดลงไปผสมกับน้ำเปล่าที่จะซัก โดยไม่ต้องผสมผงซักฟอก ทิ้งแช่ไว้ประมาณ 20-30 นาที ค่อยซักตามปกติ เสื้อหมองก็จะขาวขึ้นได้ เพราะเปลือกไข่ มีส่วนประกอบที่ใช้เป็นหนึ่งในส่วนผสมของน้ำยาฟอกขาวผ้า คือ แคลเซียมคาร์บอเนต หรือ หินปูน เปลือกไข่จึงแข็งนั้นเอง
นอกจากนี้ในส่วนกรณีที่เสื้อขาวมีความคล้ำหมองไม่มากนัก เป็นเพียงบางแห่งหรือจุดอับที่เกิดคราบเหงื่อไคล้ได้ง่าย เราสามารถทำความสะอาดให้ผ้ากลับมาขาวก่อนและง่ายต่อการซักได้ด้วยการใช้ "สบู่" หรือ "ยาสีฟัน" ขัดในบริเวณที่มีคราบฝังแน่น กลับมาขาวจั๊วะน่าใช้เหมือนซื้อใหม่
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เมื่อผ้ากลับมาขาวดังเดิมแล้วเราไม่ควรใช้สารฟอกขาวซักผ้ามากเกินจำเป็น เนื่องจากสารฟอกขาวจะทำลายเนื้อผ้าให้บางและขาดง่าย และที่สำคัญควรตากผ้าในช่วงเวลาที่แดดไม่แรงจนเกินไป เท่านี้ผ้าก็จะใหม่สดเหมือนเพิ่งซื้อออกมาจากร้านเลยทีเดียว
______________________
ข้อมูลบางส่วนจาก www.thaicleaningtips.com และ www.smartsme.tv
ทว่าในยุคเศรษฐกิจไม่ทรงตัวอะไรที่พอจะใช้ต่อได้ก็จำต้องใช้ ใครมีพี่มีน้องก็ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น เรามีวิธีมาแนะนำเพื่อประหยัดเงินในกระเป๋าเป็นสำหรับทุนรอนค่าใช้ใจและตัวลูกๆ เองก็สามารถทำเองได้ ซึ่งเราจะแบ่งเป็นแบบซักและแบบขจัดคราบเพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน
โดยในกรณีที่เสื้อสีขาวกลายเป็นสีเหลืองและหมองคล้ำทั้งตัว มีวิธีแก้ไขได้ด้วยกันดังนี้
1.ซักด้วยน้ำส้มสายชู
คือก่อนซักผ้าให้แช่เสื้อขาวกับน้ำส้มสายชูร่วมกับผงซักฟอกในสัดส่วนปริมาณเท่าๆ กัน ทิ้งไว้ 15-30 นาที ในกรณีที่เสื้อขาวมีความคล้ำมาก อาจทิ้งไว้ข้ามคืน กรดของน้ำส้มสายชูจะช่วยกัดคราบฝังลึกให้ออกง่ายขึ้น ก่อนจะนำไปซักตามวิธีปกติ นอกจากนี้ น้ำส้มสายชูยังมีสรรพคุณช่วยคงความสดให้สีไม่กลับมาหมองคล้ำอีกด้วย
2.ซักด้วยเบกกิ้งโซดาหรือผงฟู
โดยขั้นตอนวิธีนี้ต้มน้ำสะอาดกับโซดาหรือผงฟูจนเดือดได้ที่ ก่อนนำเสื้อขาวลงไปแช่ เพราะเนื่องจากสารโซเดียมไบคาร์บอเนตจะสลายตัวได้เมื่อได้รับความร้อนจึงออกฤทธิ์ทำความสะอาดคราบ ระหว่างนั้นให้เรารอจนอุณหภูมิลดลงหรือทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที จึงค่อยซักตามปกติ
3.ซักด้วยน้ำอัดลม
วิธีนี้ขั้นตอนคล้ายๆ ทั้งเรื่องการซักและการทำความสะอาดคราบของกรดอย่างน้ำส้มสายชู เพียงแต่ว่าเราต้องเลือกใช้ชนิดที่ไม่มีสี โดยผสมกับน้ำในปริมาณเท่าๆ กัน แช่เสื้อสีขาวทิ้งไว้จนสีผ้าเปลี่ยนกลายมาเป็นสีขาวเหมือนเดิมหรือทิ้งข้ามคืนเพื่อความมั่นใจแล้วค่อยซักด้วย ผงซักฟอกหรือน้ำยาทำความสะอาดผ้าขาว เท่านี้เราก็ได้ผ้าขาวเหมือนใหม่คืนมา
4.ซักด้วยน้ำมะนาว
ควรใช้น้ำมะนาวแท้ที่คั้นออกมาจากผล เพราะจะมีกรดซิตริกที่นอกจากใช้เป็นวัตถุปรุงอาหาร เป็นสารกันหืน สารกันเสีย ยังสามารถทำความสะอาดได้อย่างที่เรารู้ๆ กัน และในเรื่องนี้ก็ยังสามารถทำให้ผ้าหมองกลับมาขาวได้อีกด้วย โดยให้คั้นน้ำมะนาว 1 ถ้วยตวงเทผสมกับผงซักฟอกหรือน้ำยาทำความสะอาด รอประมาณ 15-30 นาทีก่อนซักออก
5.ซักด้วยน้ำซาวข้าวหรือเปลือกไข่ไก่ป่น
วิธีนี้อาจจะไม่เหมาะสำหรับคุณแม่บ้านที่ไม่ค่อยมีเวลา เพราะค่อนข้างมีรายละเอียดเยอะ ซึ่งการซักด้วยน้ำซาวข้าว ให้เรานำเสื้อลงไปแช่ในน้ำซาวข้าว ประมาณ 4-5 วัน โดยควรจะต้องเปลี่ยนน้ำซาวข้าวทุกๆ วันจนครบ จากนั้นค่อยนำมาซักตามปกติ แต่เป็นกรรมวิธีที่สืบทอดมาแต่โบราณกาล ดังนั้นรับประกันผลลัพธ์ที่จะออกมาเห็นผล
ส่วนการซักด้วยเปลือกไข่ไก่ป่น ให้เรานำเปลือกไข่ไก่ที่ป่นละเอียดลงไปผสมกับน้ำเปล่าที่จะซัก โดยไม่ต้องผสมผงซักฟอก ทิ้งแช่ไว้ประมาณ 20-30 นาที ค่อยซักตามปกติ เสื้อหมองก็จะขาวขึ้นได้ เพราะเปลือกไข่ มีส่วนประกอบที่ใช้เป็นหนึ่งในส่วนผสมของน้ำยาฟอกขาวผ้า คือ แคลเซียมคาร์บอเนต หรือ หินปูน เปลือกไข่จึงแข็งนั้นเอง
นอกจากนี้ในส่วนกรณีที่เสื้อขาวมีความคล้ำหมองไม่มากนัก เป็นเพียงบางแห่งหรือจุดอับที่เกิดคราบเหงื่อไคล้ได้ง่าย เราสามารถทำความสะอาดให้ผ้ากลับมาขาวก่อนและง่ายต่อการซักได้ด้วยการใช้ "สบู่" หรือ "ยาสีฟัน" ขัดในบริเวณที่มีคราบฝังแน่น กลับมาขาวจั๊วะน่าใช้เหมือนซื้อใหม่
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เมื่อผ้ากลับมาขาวดังเดิมแล้วเราไม่ควรใช้สารฟอกขาวซักผ้ามากเกินจำเป็น เนื่องจากสารฟอกขาวจะทำลายเนื้อผ้าให้บางและขาดง่าย และที่สำคัญควรตากผ้าในช่วงเวลาที่แดดไม่แรงจนเกินไป เท่านี้ผ้าก็จะใหม่สดเหมือนเพิ่งซื้อออกมาจากร้านเลยทีเดียว
______________________
ข้อมูลบางส่วนจาก www.thaicleaningtips.com และ www.smartsme.tv