xs
xsm
sm
md
lg

กูรูแนะเคล็ดลับ..เปลี่ยนสาวผอม Skinny Girl เป็นสาวหุ่นกระชับ Fit Girl

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หมดยุคของสาวผอมหุ่น Skinny กันแล้วเพราะยุคสมัยนี้สาวหุ่นฟิต หุ่นกระชับกำลังได้รับความนิยมอย่างมาก มาดูเคล็ดลับของกูรูครูปุ้ยเจ้าของหุ่นสุดสวยสุดเซ็กซี่แห่งเว็บไซต์พันทิปกันดีกว่า ซึ่งก่อนหน้านี้นั้นครูปุ้ยเรียกได้ว่าเป็นคนหนึ่งเป็นสาวที่มีรูปร่างผอมบาง ตัวเหลืองซีด และขี้โรคมานานหลายปี จนกระทั่งวันหนึ่งพี่สาวของครูปุ้ยเริ่มทนกับรูปร่างของครูปุ้ยไม่ไหวจึงได้ชักชวนกันไปออกกำลังกาย

ช่วงแรกที่ออกกำลังกายนั้นเธอเองยังใช้วิธีที่ผิดๆ โดยใช้วิธีออกกำลังกายและอดอาหารไปพร้อมๆ กัน จึงได้ผลลัพธ์คือมีรูปร่างที่ผอมตามเดิมแม้ว่าจะเริ่มมีกล้ามเนื้อบริเวณหน้าท้องและแขนขึ้นมาบ้างก็ตาม

หลังจากนั้นมาครูปุ้ยจึงหันมาศึกษาข้อมูลในหนังสือและเว็บไซต์ต่างๆ จึงได้คำตอบกับตัวเองว่า ถ้าอยากสร้างกล้ามเนื้อต้องรับประทานอาหารมากๆ

ครูปุ้ยเริ่มหันมารับประทานอาหารให้มากขึ้น ลองผิดลองถูกจากน้ำหนัก 45 กิโลกรัมก็พุ่งทะยานขึ้นเรื่อยๆ ถึงขีดสุดคือ 54 กิโลกรัม จนเริ่มท้อแท้เพราะคนรอบข้างเริ่มทักว่าอ้วนขึ้น

เมื่อลองผิดลองถูกทำวิธีนั้นสู่วิธีนี้แล้วยังไม่ได้ผลทำให้ครูปุ้ยลุกขึ้นมาฮึดอีกครั้งหนึ่ง โดยใช้วิธีเพิ่มการคาร์ดิโอ ลดคาร์โบไฮเดรตลงโดยไม่ได้ใช้วิธีอด เปลี่ยนยี่ห้อเวย์โปรตีนใหม่ ผลที่ได้ก็ค่อยๆ เห็นกล้ามเนื้อชัดเจนมากขึ้น

เมื่อค้นพบวิธีที่ถูกวิธีและเหมาะกับตัวเองแล้วเธอจึงได้ผลตอบรับเป็นที่น่าพอใจจนถึงขั้นสามารถนำมาเผยแพร่ให้คนอื่นๆ ได้รับรู้และทำตามได้อีกด้วย นั่นก็คือ "เล่นเวท คาร์ดิโอ และทานอาหารคลีน" แนวทางที่ครูสาวหุ่นฟิตคนนี้ใช้มาโดยตลอด ซึ่งปัจจุบันครูปุ้ยมีน้ำหนัก 52 กิโลกรัม สัดส่วน 34-25-35 และครูปุ้ยยังบอกอีกด้วยว่าวิธีนี้ดีกว่าตอนอดอาหารอีก

เคล็ดไม่ลับการออกกำลังกายแบบครูปุ้ย

1. การเล่นเวท

การเล่นเวท คือ การฝืนแรงต้าน (ดัมเบล บาร์เบล) ทำให้กล้ามเนื้อมีการใช้งาน ถ้าใช้งานหนักจะเกิดการฉีดขาด และการสร้างใหม่ทำให้มีการพัฒนาของกล้ามเนื้อ การออกกำลังกายแบบเวท จะไม่ได้เบิร์นไขมัน แต่จะสร้างกล้ามเนื้อในการช่วยลดการสะสมของไขมัน และทำให้ระบบการเผาผลาญในร่างกายเพิ่มมากขึ้น เพราะกล้ามเนื้อทำงานตลอด 24 ชั่วโมง แม้แต่เวลานอนหลับ แหล่งพลังงานหลักที่ใช้ในการออกกำลังแบบเวทคือไกลโคเจน ซึ่งได้จากการสะสมน้ำตาลจากการกินคาร์โบไฮเดรต ดังนั้นสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างกล้ามเนื้อ จะต้องกินอาหารเยอะและสารอาหารครบถ้วน โดยเฉพาะคาร์โบไฮเดรตนี่ขาดไม่ได้และโปรตีนต้องกินมากขึ้น เพราะกล้ามเนื้อสร้างจากกรดอะมิโน ซึ่งไม่มีในอาหารหมู่อื่นนอกจากโปรตีน โดยอาจแบ่งเป็นมื้อย่อยๆ เพื่อให้มีพลังงานเพียงพอสำหรับการเวท

ทั้งนี้ทั้งนั้นการเล่นเวทสามารถฝึกเองได้ทั้งที่บ้านหรือจะทำที่ฟิตเนสก็ย่อมได้ ขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละคน

สิ่งสำคัญที่ควรทราบในการเล่นเวท

- ดัมเบล เป็นอุปกรณ์ที่ควรมี น้ำหนักของดัมเบลที่เหมาะสมคือ น้ำหนักที่ยกครั้งสุดท้ายแล้วหมดแรงพอดี ยกตัวอย่างเช่น คุณจะฝึกแต่ละท่าอยู่ที่ 15 ครั้ง ดังนั้นต้องเลือกใช้น้ำหนักดัมเบลที่ยกครั้งที่ 13, 14 และ ครั้งที่ 15 หมดแรงพอดี (หลายๆ คนที่เล่นเวทแล้วไม่ค่อยเห็นผล เพราะใช้น้ำหนักเบาเกินไป)

- เบาะรองออกกำลังกายเป็นสิ่งจำเป็นอีกอย่างหนึ่ง เพราะจะช่วยป้องกันกระดูกสันหลังของคุณระหว่างทำท่าบริหารที่อยู่บนพื้น

- ควรศึกษาอุปกรณ์ที่อยู่ในฟิตเนสก่อนการใช้งาน จะได้ใช้งานอย่างถูกต้อง และไม่เป็นอันตราย อุปกรณ์แต่ละเครื่อง จะมีชื่อ ดังนั้นให้นำชื่อมาค้นหาในอินเตอร์เน็ตและดูการวางท่าของผู้สอน

- ในการฝึกแต่ละครั้งให้มีสมาธิ ไม่วอกแวก พูดคุย หรือเล่นโทรศัพท์ เพราะทุกจังหวะของการยกขึ้น ยกลง ควรเพ่งสมาธิไปที่กล้ามเนื้อส่วนที่ฝึกทุกครั้ง

- ในการจะฝึกแต่ละท่าควรทราบว่า ท่านั้นจะเคลื่อนไหวอย่างไร และการวางมือ วางเท้าควรวางแบบไหนถึงจะถูกต้อง ดังนั้นจึงควรศึกษาก่อนที่จะไปปฎิบัติจริง เพื่อทำให้สามารถฝึกกล้ามเนื้อส่วนนั้นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะถ้าคุณทำท่าไม่ถูกต้องจะเกิดบาดเจ็บได้

2. คาร์ดิโอ

คาร์ดิโอคือการบริหารหัวใจและเบิร์นไขมัน เช่น วิ่ง ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ แอโรบิค เดินเร็ว และกระโดดเชือก เป็นต้น โดยทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น หายใจเร็วขึ้นกว่าปกติ ต้องทำแล้วรู้สึกเหนื่อย รู้สึกหอบ และรู้สึกหัวใจเต้นเร็ว ควรทำแบบต่อเนื่องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 30 นาที แต่ไม่นานเกิน 45 นาที เพราะหลังจากนั้นร่างกายจะดึงเอากล้ามเนื้อออกมาใช้แทน แต่ถ้าแค่เต้นยึกยัก เดินไปเรื่อยๆ วิ่งนิดๆ หน่อยๆ และทำงานบ้าน สิ่งเหล่านี้ไม่ถือว่าเป็นการคาร์ดิโอ

3.การยืดเส้น

การยืดตัว การโยคะ หรือการนวดแผนไทย เพื่อป้องกันไม่ให้กล้ามเนื้อเกิดการบาดเจ็บ ช่วยลดอาการปวดหรือตึงหลังจากออกกำลังกาย และทำให้กล้ามเนื้ออ่อนตัว ดังนั้นจึงควรยืดเส้นหลังจากเล่นเวทเสร็จทุกครั้ง

***หมายเหตุ ตารางการจับคู่เล่นเวทของครูปุ้ยมีดังนี้

- หน้าท้อง & คาร์ดิโอ
- ขา & ก้น
- หลัง & ไบเซ็ปส์
- อก & ไทรเซ็ปส์

เรียนรู้เคล็ดลับเรื่องอาหารกับครูปุ้ย

1. อาหารคลีน

อาหารคลีน คือ อาหารที่ปรุงแต่งรสชาติน้อย ผ่านการแปรรูปน้อย เพราะการปรุงแต่งรสชาติจัดมากๆ จะทำให้เราได้รับปริมาณโซเดียมมากเกินที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน และทำให้มีอาการบวมน้ำ ซึ่งต้องใช้เวลาหลายวันในการกำจัดออก ซึ่งอาหารในแบบฉบับครูปุ้ยนั่นก็ คือ การทานอาหารคลีน ทำให้เราไม่รับไขมันใหม่ เมื่อเราไม่รับไขมันใหม่เข้าร่างกาย เวลาไปออกกำลังกาย เราก็จะเอาไขมันเก่าออก จึงทำให้เราเห็นการเปลี่ยนแปลงของร่างกายไวขึ้น

2. อาหารเพื่อสร้างกล้ามเนื้อ

- ควรรับประทานโปรตีน อาทิ อกไก่ แซลมอน ไข่ ทูน่า ปลา นม เต้าหู้ คอทเทจชีส กรีกโยเกิร์ต เวย์โปรตีน ฯลฯ เป็นต้น เพราะจะช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโต ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และไม่ได้แค่ช่วยสร้างกล้ามเนื้อเท่านั้น แต่ยังช่วยบำรุงรักษาเนื้อเยื่ออื่นๆด้วย ดังนั้นร่างกายจึงต้องได้รับโปรตีนในแต่ละวันมากพอ ถ้าได้รับน้อยร่างกายก็จะไปดึงเอาโปรตีนจากกล้ามเนื้อที่เราสร้างมาใหม่มาใช้แทน ถ้าเป้าหมายคือการสร้างกล้ามเนื้อ ดังนั้นควรทานโปรตีนเยอะๆ เพราะการทานโปรตีนไม่ได้ทำให้อ้วน

คาร์โบไฮเดรต เป็นสารอาหารที่เป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญของมนุษย์ เมื่อย่อยแล้วก็จะได้กลูโคสเอาไปใช้พลังงาน (การทำกิจวัตรในแต่ละวัน กิน เดิน คุย เป็นต้น) และเมื่อมีมากก็จะถูกเก็บไว้ในรูปของไกลโคเจนที่ตับและกล้ามเนื้อเพื่อใช้ในการเล่นเวทและออกกำลังกาย แต่ถ้ามากเกินไปมันก็จะเปลี่ยนเป็นไทรกลีเซอไรด์เข้าสู่กระแสเลือดและเก็บไว้เป็นไขมัน ยิ่งถ้าเป็นพวกน้ำตาล แป้งขาว หรือข้าวขาวที่ถูกย่อยและดูดซึมเข้าแก่กระแสเลือดได้เร็ว จึงทำให้อ้วนเร็วยิ่งขึ้น แต่ถ้าทานเป็นข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ขนมปังโฮลวีต หรือพวกไม่ขัดสี ก็จะช่วยให้ย่อยช้าและอิ่มนาน ลดการหลั่งอินซูลินให้น้อยลง

-ไขมันดี อาทิ อัลมอนด์ น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก น้ำมันคาโนล่า อโวคาโด เนยถั่ว แซลมอน ฯลฯ เป็นต้น เป็นพลังงานสำรองและให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย ช่วยรักษาสมดุลของฮอร์โมน ช่วยในเรื่องการดูดซึมของวิตามินที่ละลายในไขมัน แต่ควรงดทานพวกน้ำมันหมู น้ำมันปาล์ม และไขมันตรงหนังไก่ เพราะเป็นไขมันไม่ดี

-เกลือแร่หรือแร่ธาตุเป็นสารอาหารอีกประเภทหนึ่งที่ร่างกายต้องการและขาดไม่ได้ เพราะแร่ธาตุบางชนิดเป็นส่วนประกอบของอวัยวะและกล้ามเนื้อบางอย่าง บางชนิดเป็นส่วนของสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการเจริญเติบโตในร่างกาย นอกจากนี้แร่ธาตุยังช่วยในการควบคุมการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายให้ทำหน้าที่ปกติ เช่น ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อและระบบประสาท การแข็งตัวของเลือดและช่วยควบคุมสมดุลของน้ำในการไหลเวียนของของเหลวในร่างกาย พบได้ใน พืช ผัก ชนิดต่างๆ

- วิตามิน เป็นสารอาหารที่ร่างกายของเราต้องการในปริมาณน้อยแต่ก็ไม่สามารถขาดได้ ถ้าขาดจะทำให้ระบบร่างกายของเราผิดปกติ หรือเกิดโรคต่างๆได้ พบได้ใน ผลไม้ชนิดต่างๆ
อาหารคลีนของครูปุ้ย
ของว่างคลีนๆ ของครูปุ้ย
เคล็ด(ไม่)ลับการดูแลสุขภาพแบบครบครันในแบบฉบับครูปุ้ย

1. ค่อยๆ ปรับการทานอาหารให้ครบ 3 มื้อหลัก และมี 2 มื้อย่อย (ของว่าง) ระหว่างวัน

2. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะร่างกายของเรานั้นจะทำการซ่อมแซมทุกระบบในร่างกายในช่วงเวลาการนอนหลับ ควรนอนอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง

3. ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว ต่อวัน ช่วงการออกกำลังกายควรจะมีขวดน้ำไว้จิบตลอดเวลา เพื่อรักษาระดับน้ำในร่างกาย หากรอจนกว่าจะรู้สึกกระหายน้ำถึงค่อยดื่ม ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าร่างกายขาดน้ำเรียบร้อยแล้วและจะส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย

4. เลิกอดอาหาร เพราะว่าการที่เราอดอาหารหรือทานอาหารน้อยๆ มาเป็นเวลานานๆ ร่างกายจะปรับเข้าสู่ safe mode ซึ่งการเผาผลาญจะต่ำลงมากๆ เมื่อทานอะไรเข้าไปนิดหนึ่งก็จะเกิดอาการโยโย่ เนื่องจากตอนที่ร่างกายทำงานปกติ ร่างกายเตือนเราว่า "หิว หิว หิว" เราก็ไม่ทานอะไรเข้าไป เมื่อเตือนบ่อย ครั้ง เราก็ยังไม่ทานอาหาร ร่างกายก็จะไม่มีการเตือน เพราะเตือนไปก็ไม่กิน ดังนั้นเราก็จะไม่ค่อยรู้สึกหิว เพราะร่างกายปรับเข้าสู่ safe mode เป็นที่เรียบร้อย แต่ร่างกายยังคงต้องใช้พลังงาน สิ่งที่ร่างกายนำมาใช้คือพลังงานจากกล้ามเนื้อ ส่วนไขมันร่างกายไม่นำมาใช้เพราะคิดว่าไขมันเป็นพลังงานสำรอง เก็บไว้ใช้หลังสุด หลังจากใช้กล้ามเนื้อหมดแล้ว

การอดอาหารจะเกิดผลเสียตามมาดังนี้

- ถ้ากลับมาทานปกติ ต้องยอมรับว่าจะเกิดการโยโย่ ยกตัวอย่างเช่น จากที่เคยทาน 500 cal ร่างกายเผาผลาญอยู่ที่ 500 cal แต่เมื่อเราทานเข้าไป 1000 cal ที่เหลือร่างกายก็จะเก็บสะสมไว้ แต่เมื่อเราทานแบบนี้และออกกำลังกายทุกๆวัน ร่างกายก็จะกลับมาทำงานปกติ

- ค่อยๆ เพิ่มจำนวนอาหารที่ทานเข้าไปในแต่ละมื้อ เพื่อให้ร่างกายค่อยๆ ปรับไปทำงานปกติ

แต่อย่างไรก็ตาม 2 วิธีที่ครุปุ้ยแนะนำมานั้น สาวๆ ควรทำอย่างสม่ำเสมอ ถ้าทำๆ หยุดๆ ร่างกายคุณจะงงว่าจะเอายังไง จะกินหรือไม่กิน แล้วผลมันจะแย่กว่าเดิม

5. ควรรับประทานอาหารมื้อเช้า เพราะคนที่ทานอาหารเช้าที่มีประโยชน์จะหุ่นดีกว่าคนที่อดข้าวเช้า เพราะอาหารเช้านั้นจะทำให้ระดับเมตาบอลิซึมพุ่งเป็น 2 เท่า และในช่วงที่คุณนอนหลับ 8-9 ชั่วโมง ร่างกายยังคงใชัพลังงานในการซ่อมแซมกล้ามเนื้อที่สึกหรอ ดังนั้นเมื่อคุณตื่นควรหาอาหารทานภายใน 30 นาที เพื่อเติมสารอาหารให้กับร่างกาย ถ้าคุณไม่ทานอาหารในมื้อเช้าเลย จะทำให้ร่างกายเข้าสู่ Safe Mode และสิ่งแรกที่ร่างกายนำมาใช้คือ กล้ามเนื้อ (ออกกำลังกายมาแทบตาย มาจบกันที่มื้อเช้า)

6. มื้อก่อนออกกำลังกายก็สำคัญ แนะนำให้รับประทานอาหาร2-4 ชั่วโมงก่อนที่จะไปออกกำลังกาย เพื่อจะได้มีพลังงานสำรองเพียงพอ คาร์โบไฮเดรตซึ่งจะช่วยให้กล้ามเนื้อมีปริมาณพลังงานสะสมได้เต็มที่(มีไกลโคเจนเพียงพอที่จะใช้ในการออกกำลังกาย) รวมถึงโปรตีนไขมันน้อย ควรเป็นอาหารหลัก หลีกเลี่ยงอาหารที่ใช้เวลาย่อยนาน อาหารที่มีไขมันสูง และอาหารที่มีไฟเบอร์สูง (เคยเป็นมั้ยเวลาที่ไปออกกำลังกาย แต่ไม่มีแรง หมดแรงเร็ว เหนื่อยง่าย มาจากข้อนี้เลย)

7. มื้อหลังจากออกกำลังกายใครว่าไม่ควรกิน ร่างกายคุณจะเข้าสู่ช่วงที่เรียกว่า "ชั่วโมงทอง" คือกล้ามเนื้อจะดูดซึมสารอาหารส่วนใหญ่ และเป็นช่วงที่ไกลโคเจนจะถูกแทนที่อย่างมีประสิทธิภาพ เติมอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตเพื่อฟื้นฟูพลังงานสะสมของกล้ามเนื้อ และโปรตีนเพื่อช่วยสร้างเสริมเนื้อเยื่อของกล้ามเนื้อ การรับประทานเพื่อซ่อมแซมร่างกายควรทำภายใน 45 นาทีหลังจากออกกำลังกายเสร็จ

8. ควรมีของว่างทานระหว่างมื้อ เพื่อไม่ให้ต้องทานมิ้อใหญ่ๆ เพิ่มเป็น 4-5 มื้อ ถ้าเราบริโภคของดีมีคุณภาพ เราก็ย่อมได้ผลลัพธ์ที่คุณภาพดีตามมา

รู้ไว้ใช่ว่า...

1. การมีกล้ามเนื้อดีกว่าไขมันยังไง ???

จากการที่เราอดอาหารมาเป็นระยะเวลานานก็จะเข้าสู่ safe mode เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งตอนนั้นร่างกายของเราจะไม่ค่อยมีกล้ามเนื้อมากเพราะร่างกายได้นำไปใช้ ก็จะมีแต่ไขมันอยู่ตามร่างกาย เซลลูไลท์ตามส่วนต่างๆ ซึ่งเมื่อเราทานอาหารเกินปริมาณการเผาผลาญก็จะเปลี่ยนไปเป็นไขมันสำรองทันที แต่เมื่อเราหันมาออกกำลังกายและเล่นเวทเพื่อสร้างกล้ามเนื้อ การมีกล้ามเนื้อจึงดีกว่าไขมันตรงที่...

- เมื่อเรามีกล้ามเนื้อมาก... การเผาผลาญก็จะดีขึ้น เพราะกล้ามเนื้อใช้พลังงานในการเผาผลาญตลอด 24 ชั่วโมง แม้แต่ในขณะที่เราหลับก็ยังทำงานในการซ่อมแซมกล้ามเนื้อที่สึกหรอ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเราหิวตลอดเวลา และทานเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน เพราะร่างกายได้นำไปใช้

** ดังนั้นเมื่อรู้สึกหิวไม่ควรอดอาหาร ควรหาอะไรทานแต่เน้นอาหารที่มีประโยชน์ อาหารคลีนเป็นหลัก ออกกำลังกายแค่ 30% แต่อาหารสำคัญ 70%

- กล้ามเนื้อหนักกว่าไขมันนี้จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมให้ดูสัดส่วนของร่างกายมากกว่าตัวเลขบนตาชั่ง เพราะมันไม่สามารถบอกได้ว่าน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นคือน้ำหนักของกล้ามเนื้อหรือไขมัน ยกตัวอย่างเช่น คนที่มีน้ำหนักตัวมาก เมื่อน้ำหนักลดลงเพียง 2-3 โล แต่รูปร่างเปลี่ยนไปมากๆ เพราะส่วนที่หายไปคือไขมัน หรือ คนที่มีน้ำหนักตัวน้อย เมื่อน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นแต่ร่างกายกลับดูเฟิร์มขึ้น เพราะมีกล้ามเนื้อมากขึ้น

** ดังนั้นควรใช้สายวัด หรือ ถ่ายรูปเพื่อช่วยบันทึกการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย แต่น้ำหนักไม่ควรเพิ่มเกิน 2 โล ต่อเดือน

2. ร่างกายเก็บสะสมไขมันไว้ที่ไหนบ้าง ??

ร่างกายจะเก็บสะสมไขมันไว้ที่... ต้นขา หน้าท้อง และบริเวณเอวด้านหลัง ที่เวลาเราใส่กางเกงแล้วมันจะมีส่วนเกินออกมา ซึ่งเป็นส่วนที่จะเบิร์นไขมันออกค่อนข้างช้า

3.ทำไมเล่นเวทแล้วตัวใหญ่ขึ้น ??

เพราะเรามีกล้ามเนื้อที่ซ้อนทับไขมันอยู่ จึงดูตัวใหญ่แต่ถ้าเราเบิร์นไขมันออกให้ลดน้อยลง เราก็จะดูมีกล้ามเนื้อ ดูเฟิร์มกระชับ

4.เพราะเหตุใดคนผอมจึงคิดว่าตัวเองอ้วนตลอดเวลา ???

เพราะเมื่อร่างกายเข้าสู่ Safe Mode จากการอดอาหาร กล้ามเนื้อก็จะเริ่มน้อยลง การสะสมไขมันก็จะเริ่มมากขึ้น เพราะเราทานอาหารน้อยลง แต่ทานทุกอย่างไม่ได้เลือกทาน เช่น บางคนอดข้าวแต่ทานเค้ก ไก่ทอด หมูปิ้งติดมันแทน เป็นต้น เมื่อร่างกายเรามีแต่ไขมัน ทานนิดหน่อยก็มีพุง แขนก็ห้อย ขาก็มีแต่เซลลูไลท์เวลาเดินก็แกว่ง เมื่อเรารู้สึกว่าร่างกายไม่กระชับ จึงเป็นที่มาของการคิดว่าตัวเองอ้วน จึงอดอาหารต่อไปเรื่อยๆ ทั้งที่คนรอบข้างคิดว่าผอมมากแล้ว เรามักจะได้ยินเสมอว่า "เราอ้วนมากเลย" จากปากของคนเรานั้น เพราะเจ้าไขมันที่ซ่อนอยู่ใต้เสื้อผ้านั้นเอง

ดังนั้นเราจึงควรแก้ที่ต้นเหตุ คือ การออกกำลังกาย การเล่นเวท เพื่อสร้างกล้ามเนื้อ เพื่อช่วยเบิร์นเอาไขมันออก และคาร์ดิโอควบคู่เพื่อเผาผลาญไขมัน เมื่อร่างกายของเรากระชับขึ้น ทานอาหารเข้าไปมาก พุงก็ไม่ยื่น แขนขาก็ไม่ห้อย ไม่ย้วย เราจะไม่รู้สึกว่าอ้วนอีกต่อไป และมีความสุขกับการได้ทานอาหาร รูปร่างก็ดีแถมสุขภาพก็ดี หน้าตาก็สดใส เพราะได้รับสารอาหารเต็มที่

5.อาหารในวันพัก... สำคัญไฉน??

หลายๆ คนคงยังคิดว่า "วันพัก" ไม่ได้ไปออกกำลังกาย ก็ควรทานอาหารน้อยๆ เพราะไม่ได้ใช้พลังงานอะไรมาก" แต่ถ้าเป้าหมายของคุณคือการสร้างกล้ามเนื้อ มีรูปร่างที่เฟิร์มกระชับ

ในวันพัก คือ ช่วงการฟื้นฟูกล้ามเนื้อ ถ้ากล้ามเนื้อไม่ได้รับสารอาหารหรือการพักผ่อนที่เพียงพอคุณจะไม่สามารถสร้างกล้ามเนื้อได้ จึงควรทานอาหารปกติ ห้ามอดหรือทานน้อย ทานให้ได้ทุก 3-4 ชั่วโมง และในแต่ละมื้อควรมีทั้ง คาร์โบไฮเดรต (เช่น ข้าวกล้องไม่ขัดสี โฮลเกรนต่างๆ) โปรตีน (เช่น ไก่ ไข่ ปลา) ไฟเปอร์ (เช่น ผัก ผลไม้) และไขมันดี (เช่น อโวคาโด ถั่ว) เพราะอาหารจะให้ทั้งพลังงานและเข้าไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ควรจะทานอาหาร 4-5 ครั้งต่อวัน และมีของว่างระหว่างมื้อ ที่สำคัญอีกอย่างคือ ต้องดื่มน้ำอย่างน้อย วันละ 8 แก้ว เพราะน้ำจะช่วยให้ระบบเผาผลาญทำงานดีมากขึ้น

ท้ายนี้ครูปปุ้ยกำชับไว้ว่าถ้าทานน้อยหรืออดข้าว สิ่งที่หายไปคือกล้ามเนื้อที่พึ่งสร้างมาใหม่ ดังนั้นทานอาหารเถอะ เพราะครูปุ้ยใช้วิธีนี้โดยมาตลอด จึงกล้ามาแนะนำ เพราะผลที่ครูปุ้ยนั่นก็เป็นอย่างที่ทุกคนได้เห็นแล้วนั่นเอง

ข้อมูลและรูปภาพจาก ครูปุ้ย (www.facebook.com/weight.motivation.3)

กำลังโหลดความคิดเห็น