หลายคนคงคิดภาพไม่ออกว่า
หากบนใบหน้าตนเองมีก้อนเนื้อร้าย
อยู่บนใบหน้าถึงสองก้อน
จะเป็นอย่างไร
“ในตอนนั้นก้อนมะเร็งบริเวณจมูกบดบังตาข้างขวา ทำให้เธอต้องสูญเสียการมองเห็นและมะเร็งอีกก้อนบริเวณใต้คางด้านขวาส่งผลกระทบ ทำให้ลำคอขยับไม่ได้ตามปกติ ฉันเป็นกังวลว่าก้อนมะเร็งจะทำให้กลายเป็นแผลเป็น ตอนนั้นฉันจิตใจย่ำแย่มาก”
แต่ตอนสัมภาษณ์คุณซิ่วยิ้น ก้อนมะเร็งบริเวณจมูกมีขนาดเล็กลงไป 2 ใน 3 แล้ว ส่วนก้อนมะเร็งใต้คางด้านขวาได้หายไปหมดแล้ว นี่เป็นการรักษาในระยะเวลาเพียงสองเดือนเศษที่ได้ผลน่าพอใจอย่างยิ่ง
มะเร็งกลับมาอีกครั้งหลังจากการผ่าตัด
คุณซิ่วยิ้นตรวจพบก้อนมะเร็งเมื่อสองปีก่อน คือในเดือนพฤษภาคม ปี 2012 ขณะนั้นมีอายุ 60ปี เธอพบว่าตัวเองมีตุ่มคล้ายสิวทั้งเล็กใหญ่อยู่บริเวณจมูกและใต้คางด้านขวา หลังจากผลการตรวจชิ้นเนื้อ แพทย์ยืนยันว่าเธอเป็นโรคมะเร็งผิวหนัง และเป็นมะเร็งชนิดที่เติบโตเร็วมากจึงควรรีบรักษาโดยด่วน ดังนั้น เธอจึงเลือกที่จะไปผ่าตัดกับโรงพยาบาลที่เมืองไทย แต่หลังจากการผ่าตัดเพียงไม่ถึงปี เนื้อร้ายก็กลับมาอีกครั้ง
แม้การฉายแสงอาจส่งผลกระทบต่อระบบการมองเห็น แต่ในตอนนั้นไม่มีวิธีใดที่จะสามารถรักษาได้อีกแล้ว คุณซิ่วยิ้นจึงทำได้เพียงการกินยาสมุนไพร เธอรักษาด้วยวิธีนี้มาตลอดระยะเวลา8เดือน แต่ดูเหมือนว่ายาสมุนไพรจะไม่ตอบสนองต่อเซลล์มะเร็ง ก้อนมะเร็งบริเวณจมูกโตขึ้นอย่างรวดเร็วและยังกดทับเส้นประสาทตา ทำให้เธอสูญเสียการมองเห็น ซ้ำร้ายก้อนมะเร็งบริเวณใต้คางด้านขวาก็ลุกลามไปยังต่อมน้ำเหลืองอีกด้วย
เป็นเวลาปีกว่าแล้วที่มะเร็งได้กลับมาเป็นซ้ำ ในตอนนั้นคุณซิ่วยิ้นไม่สามารถทำกิจกรรมอะไรได้เลย ไม่มีจิตใจจะทำอะไรทั้งสิ้น ได้แต่รอคอยอย่างสิ้นหวังและท้อแท้ ในเดือนกันยายน ปี 2557 คุณซิ่วยิ้นได้ไปปฏิบัติธรรมที่วัดเพื่อขอพร และนั่นดูเหมือนจะทางเดียวที่พอจะเป็นที่พึ่งทางใจให้แก่เธอได้ในตอนนั้น
การรักษาด้วยการผสมผสานทางเทคโนโลยี ทำให้ก้อนมะเร็งเท่ากำปั้นหายไปได้
ในวันที่ 1 เดือนพฤศจิกายน ขณะที่ปฏิบัติธรรมอยู่ที่วัด เธอได้รับข่าวดีจากสามีเนื่องจากคนในครอบครัวของเธอค้นเจอข้อมูลเกี่ยวกับการรักษามะเร็งของโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวจากเว็บไซต์ สามีของเธอจึงรีบเข้ามารับการปรึกษากับคุณหมอที่สำนักงานในกรุงเทพทันที และตัดสินใจไปทำการรักษาอย่างเร่งด่วน
ในตอนแรกที่คุณซิ่วยิ้นเดินทางไปรักษาที่โรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจว ก้อนเนื้อบริเวณจมูกมีขนาด6×7cm ก้อนมะเร็งบริเวณใต้คางด้านขวามีขนาด7×8cm เนื่องจากอาการของเธอค่อนข้างหนัก(เนื้องอกใต้คางมีขนาดใหญ่ ทำให้ไม่สามารถขยับคอได้) ทางโรงพยาบาลจึงได้เรียกประชุมหมอที่ชำนาญอย่างเร่งด่วน ในเบื้องต้นคุณหมอลงความเห็นว่าจะทำการรักษาด้วยการทำคีโมเฉพาะจุดผสมผสานกับการฉายแสงเลเซอร์
“วันที่สาม หลังจากการทำคีโมเฉพาะจุด ฉันรู้สึกว่าก้อนมะเร็งมีขนาดเล็กลง เลยรีบโทรหาสามีด้วยความดีใจ” คุณซิ่วยิ้นเล่าว่า นับจากตอนนั้นเป็นต้นมาเธอรู้สึกมีความมั่นใจในการรักษาอย่างมาก การทำคีโมเฉพาะจุดคือการให้คีโมด้วยประสิทธิภาพเข้มข้นโดยไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกายหรือระบบประสาทตาเลยแม้แต่น้อย หลังจากนั้น8วัน คุณซิ่วยิ้นได้เข้ารับการรักษาด้วยวิธีการฉายแสงเลเซอร์ โดยการฉีดสารเข้าไปและให้ก้อนมะเร็งดูดซับสารตัวนั้น จากนั้นจึงทำการฆ่าก้อนมะเร็งด้วยแสงเลเซอร์อย่างแม่นยำ วิธีการรักษาด้วยการฉายแสงเลเซอร์นี้เป็นการรักษาที่ปลอดภัยอย่างมากสำหรับคนที่เป็นโรคมะเร็งผิวหนัง เพียงแต่ผู้ที่รับการรักษาด้วยวิธีนี้จะไม่สามารถถูกแสงแดดได้ระยะหนึ่ง ในช่วงนั้นแม้คุณซิ่วยิ้นจะไม่ได้เห็นแสงอาทิตย์ แต่เธอกลับได้แสงแห่งชีวิตครั้งใหม่กลับมาอีกครั้ง เมื่อก้อนมะเร็งทั้งสองก้อนมีขนาดเล็กลงไปกว่าครึ่ง
ขณะที่ทำการสัมภาษณ์ในวันที่ 19เดือนมกราคม ปี 2558 คุณซิ่วยิ้นได้รับการรักษาด้วยการทำคีโมเฉพาะจุดไปแล้ว4ครั้ง ฉายแสงเลเซอร์ 1ครั้ง และทำการฝังแร่ไอโอดีนบริเวณใต้คางด้านขวา 40 เม็ด ในวันที่ 9 เดือนธันวาคม ปี2014 หลังจากการรักษาด้วยการฉายแสงและฝังแร่ในระยะเวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนเศษ ก้อนมะเร็งบริเวณใต้คางของเธอได้ยุบหายไปทั้งหมด เหลือเพียงแต่ก้อนเนื้อบริเวณจมูกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
แม้ว่าการรักษาจะยังไม่เสร็จสิ้นแต่คุณซิ่วยิ้นก็ยินดีและเต็มใจอย่างยิ่งที่จะร่วมแบ่งปันประสบการณ์ในการรักษาให้แก่ผู้ที่สนใจได้รับรู้ เป็นดั่งการส่องทางสว่างให้แก่ผู้ประสบโรคภัยเช่นเธอ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร.02-645-2799 หรือ 082-799-2888
เว็บไซต์ : http://www.moderncancerthai.com
ที่อยู่ : เลขที่ 90 อาคารไซเบอร์เวิร์ลดทาวเวอร์
ชั้น 5 ห้องR5128-5129 ถนนรัชดาภิเษก
แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร 10310
หากบนใบหน้าตนเองมีก้อนเนื้อร้าย
อยู่บนใบหน้าถึงสองก้อน
จะเป็นอย่างไร
“ในตอนนั้นก้อนมะเร็งบริเวณจมูกบดบังตาข้างขวา ทำให้เธอต้องสูญเสียการมองเห็นและมะเร็งอีกก้อนบริเวณใต้คางด้านขวาส่งผลกระทบ ทำให้ลำคอขยับไม่ได้ตามปกติ ฉันเป็นกังวลว่าก้อนมะเร็งจะทำให้กลายเป็นแผลเป็น ตอนนั้นฉันจิตใจย่ำแย่มาก”
แต่ตอนสัมภาษณ์คุณซิ่วยิ้น ก้อนมะเร็งบริเวณจมูกมีขนาดเล็กลงไป 2 ใน 3 แล้ว ส่วนก้อนมะเร็งใต้คางด้านขวาได้หายไปหมดแล้ว นี่เป็นการรักษาในระยะเวลาเพียงสองเดือนเศษที่ได้ผลน่าพอใจอย่างยิ่ง
มะเร็งกลับมาอีกครั้งหลังจากการผ่าตัด
คุณซิ่วยิ้นตรวจพบก้อนมะเร็งเมื่อสองปีก่อน คือในเดือนพฤษภาคม ปี 2012 ขณะนั้นมีอายุ 60ปี เธอพบว่าตัวเองมีตุ่มคล้ายสิวทั้งเล็กใหญ่อยู่บริเวณจมูกและใต้คางด้านขวา หลังจากผลการตรวจชิ้นเนื้อ แพทย์ยืนยันว่าเธอเป็นโรคมะเร็งผิวหนัง และเป็นมะเร็งชนิดที่เติบโตเร็วมากจึงควรรีบรักษาโดยด่วน ดังนั้น เธอจึงเลือกที่จะไปผ่าตัดกับโรงพยาบาลที่เมืองไทย แต่หลังจากการผ่าตัดเพียงไม่ถึงปี เนื้อร้ายก็กลับมาอีกครั้ง
แม้การฉายแสงอาจส่งผลกระทบต่อระบบการมองเห็น แต่ในตอนนั้นไม่มีวิธีใดที่จะสามารถรักษาได้อีกแล้ว คุณซิ่วยิ้นจึงทำได้เพียงการกินยาสมุนไพร เธอรักษาด้วยวิธีนี้มาตลอดระยะเวลา8เดือน แต่ดูเหมือนว่ายาสมุนไพรจะไม่ตอบสนองต่อเซลล์มะเร็ง ก้อนมะเร็งบริเวณจมูกโตขึ้นอย่างรวดเร็วและยังกดทับเส้นประสาทตา ทำให้เธอสูญเสียการมองเห็น ซ้ำร้ายก้อนมะเร็งบริเวณใต้คางด้านขวาก็ลุกลามไปยังต่อมน้ำเหลืองอีกด้วย
เป็นเวลาปีกว่าแล้วที่มะเร็งได้กลับมาเป็นซ้ำ ในตอนนั้นคุณซิ่วยิ้นไม่สามารถทำกิจกรรมอะไรได้เลย ไม่มีจิตใจจะทำอะไรทั้งสิ้น ได้แต่รอคอยอย่างสิ้นหวังและท้อแท้ ในเดือนกันยายน ปี 2557 คุณซิ่วยิ้นได้ไปปฏิบัติธรรมที่วัดเพื่อขอพร และนั่นดูเหมือนจะทางเดียวที่พอจะเป็นที่พึ่งทางใจให้แก่เธอได้ในตอนนั้น
การรักษาด้วยการผสมผสานทางเทคโนโลยี ทำให้ก้อนมะเร็งเท่ากำปั้นหายไปได้
ในวันที่ 1 เดือนพฤศจิกายน ขณะที่ปฏิบัติธรรมอยู่ที่วัด เธอได้รับข่าวดีจากสามีเนื่องจากคนในครอบครัวของเธอค้นเจอข้อมูลเกี่ยวกับการรักษามะเร็งของโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวจากเว็บไซต์ สามีของเธอจึงรีบเข้ามารับการปรึกษากับคุณหมอที่สำนักงานในกรุงเทพทันที และตัดสินใจไปทำการรักษาอย่างเร่งด่วน
ในตอนแรกที่คุณซิ่วยิ้นเดินทางไปรักษาที่โรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจว ก้อนเนื้อบริเวณจมูกมีขนาด6×7cm ก้อนมะเร็งบริเวณใต้คางด้านขวามีขนาด7×8cm เนื่องจากอาการของเธอค่อนข้างหนัก(เนื้องอกใต้คางมีขนาดใหญ่ ทำให้ไม่สามารถขยับคอได้) ทางโรงพยาบาลจึงได้เรียกประชุมหมอที่ชำนาญอย่างเร่งด่วน ในเบื้องต้นคุณหมอลงความเห็นว่าจะทำการรักษาด้วยการทำคีโมเฉพาะจุดผสมผสานกับการฉายแสงเลเซอร์
“วันที่สาม หลังจากการทำคีโมเฉพาะจุด ฉันรู้สึกว่าก้อนมะเร็งมีขนาดเล็กลง เลยรีบโทรหาสามีด้วยความดีใจ” คุณซิ่วยิ้นเล่าว่า นับจากตอนนั้นเป็นต้นมาเธอรู้สึกมีความมั่นใจในการรักษาอย่างมาก การทำคีโมเฉพาะจุดคือการให้คีโมด้วยประสิทธิภาพเข้มข้นโดยไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกายหรือระบบประสาทตาเลยแม้แต่น้อย หลังจากนั้น8วัน คุณซิ่วยิ้นได้เข้ารับการรักษาด้วยวิธีการฉายแสงเลเซอร์ โดยการฉีดสารเข้าไปและให้ก้อนมะเร็งดูดซับสารตัวนั้น จากนั้นจึงทำการฆ่าก้อนมะเร็งด้วยแสงเลเซอร์อย่างแม่นยำ วิธีการรักษาด้วยการฉายแสงเลเซอร์นี้เป็นการรักษาที่ปลอดภัยอย่างมากสำหรับคนที่เป็นโรคมะเร็งผิวหนัง เพียงแต่ผู้ที่รับการรักษาด้วยวิธีนี้จะไม่สามารถถูกแสงแดดได้ระยะหนึ่ง ในช่วงนั้นแม้คุณซิ่วยิ้นจะไม่ได้เห็นแสงอาทิตย์ แต่เธอกลับได้แสงแห่งชีวิตครั้งใหม่กลับมาอีกครั้ง เมื่อก้อนมะเร็งทั้งสองก้อนมีขนาดเล็กลงไปกว่าครึ่ง
ขณะที่ทำการสัมภาษณ์ในวันที่ 19เดือนมกราคม ปี 2558 คุณซิ่วยิ้นได้รับการรักษาด้วยการทำคีโมเฉพาะจุดไปแล้ว4ครั้ง ฉายแสงเลเซอร์ 1ครั้ง และทำการฝังแร่ไอโอดีนบริเวณใต้คางด้านขวา 40 เม็ด ในวันที่ 9 เดือนธันวาคม ปี2014 หลังจากการรักษาด้วยการฉายแสงและฝังแร่ในระยะเวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนเศษ ก้อนมะเร็งบริเวณใต้คางของเธอได้ยุบหายไปทั้งหมด เหลือเพียงแต่ก้อนเนื้อบริเวณจมูกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
แม้ว่าการรักษาจะยังไม่เสร็จสิ้นแต่คุณซิ่วยิ้นก็ยินดีและเต็มใจอย่างยิ่งที่จะร่วมแบ่งปันประสบการณ์ในการรักษาให้แก่ผู้ที่สนใจได้รับรู้ เป็นดั่งการส่องทางสว่างให้แก่ผู้ประสบโรคภัยเช่นเธอ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร.02-645-2799 หรือ 082-799-2888
เว็บไซต์ : http://www.moderncancerthai.com
ที่อยู่ : เลขที่ 90 อาคารไซเบอร์เวิร์ลดทาวเวอร์
ชั้น 5 ห้องR5128-5129 ถนนรัชดาภิเษก
แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร 10310
