xs
xsm
sm
md
lg

ไม่ต้องพึ่งหมอ วิธีขจัด "หินปูน" ด้วยตัวคุณเอง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ยามที่คุณกำลังเอร็ดอร่อยกับอาหารจานโปรดอยู่นั้น ซี่งนอกจากความสุขของการรับประทาน ทั้งดื่ม ชิม กิน อย่างเพลิดเพลินแล้ว เราๆ ท่านๆ ทั้งหลาย ต่างก็แทบจะไม่คิดเรื่องอะไรเลย เพราะสมาธิต่างๆ จะถูกจดจ่อไปกับการกินไปทั้งหมดทั้งสิ้น และ ถึงขั้นละเลยจนเราอาจจะชะล่าใจในบางคราวก็เป็นได้
เครดิตภาพ : wikimedia.org
แต่ถ้าเมื่อยามเสร็จสิ้นภารกิจแห่งความสำราญในการกิน ชิม หรือ ดี่มแล้ว หลายๆ คน ก็ไปทำภารกิจอื่นๆ ต่อ ไปโดยไม่ใส่ใจเรื่องในช่องปากเลย หรือถ้าดีประมาณหนึ่ง อาจจะทำได้แค่บ้วนปากให้พอสะอาดเรียบร้อยแบบคร่าวๆ จนแทบจะไม่ใส่ใจเลย โดยหารู้ไม่ว่า เศษอาหารที่คุณ คุณ และคุณ ได้ทานไปนั้น กำลังจะรวมตัวเป็น “หินปูน” อย่างเงียบๆ
หินปูนนี้ ดูเผินๆ แทบจะไม่มีผลกระทบอะไรมาก แต่ถ้าหากปล่อยปละละเลยไปไม่สนใจ บางทีสุขภาพฟันของคุณอาจจะมีผลกระทบอย่างไม่ตั้งใจ แล้วเผลอๆ ถ้าเวลายิ้มแล้วมีหินปูนเกาะด้วยแล้ว อาจจะดูไม่สวยงาม เผลอๆ โดนตอกกลับมาด้วยซ้ำ แต่อย่าเพิ่งเสียใจไป เรามีความรู้เกี่ยวกับ ‘หินปูน’ มาให้ทราบกัน และ วิธีที่จะช่วยให้หินปูน แยกจากฟันของเราออกไปเสียที
หินปูน คือ...

คราบหินปูน คือคราบแบคทีเรียที่สะสมจากน้ำลายรวมกับเศษอาหารและบวกกับเชื้อแบททีเรียจนแข็งตามตัวฟัน ซึ่งเชื้อตัวนี้ จะสามารถย่อยอาหารและหลั่งกรดออกมาทำลายเนื้อฟันทีละนิด แถมสามารถจับตัวที่ร่องเหงือกได้อีกด้วย ซึ่งหากปล่อยสะสมไว้นานวัน ก็อาจจะเป็นอันตรายต่อเนื้อเยื่อเหงือก ซึ่งจะนำไปสู่โรคที่อันตรายต่อช่องปากอย่างฟันผุ และ โรคเหงือก

นอกจากนี้ หินปูน ยังส่งผลให้ความสวยงามในการยิ้ม เพราะ หินปูนจะดูดซับคราบสกปรกได้ง่ายกว่า อาจจะทำให้ยิ้มไม่สวยงามอีกด้วย
เครดิตภาพ : manager.co.th
สาเหตุปัจจัยเสี่ยงของการเกิดหินปูน

แน่นอนมีปัจจัยต่างๆ มากมาย ที่ทำให้เกิด เช่น การสูบบุหรี่, นอนกัดฟัน,การทานอาหารโดยเฉพาะที่มีน้ำตาล, ปากแห้ง,โรคประจำตัวที่มีอยู่ เช่น เบาหวาน, ฟันสบกันไม่ดี, มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนร่างกาย หรือการใช้ยาประเภท ยาลดความดันโลหิต เป็นต้น

คราบหินปูนกับช่วงเวลา

ภายใน 24 ชั่วโมงหินปูนจะก่อให้เกิดคราบในช่องปากก่อน จากนั้น เมื่อครบ 48 ชั่วโมง จะค่อยๆ แพร่เชื้อโรค และทยอยปล่อยสารทำลายฟัน หากเราปล่อยปละละเลยในการใส่ใจดูแล ในที่สุด
เครดิตภาพ : manager.co.th
วิธีแก้ปัญหาเจ้าหินปูน

สำหรับการแก้ปัญหานั้น เราก็สามารถจัดการได้โดยไม่ต้องพึ่งคนรอบข้าง ได้แก่ แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง และใช้แปรงสีฟันที่มีขนแปรงนุ่ม ปลายมนไม่แหลม ส่วนการแปรงให้เน้นตรงรอยต่อระหว่างเหงือกและฟัน ส่วนยาสีฟันที่ใช้ ควรมีส่วนผสมของฟลูออไรต์ประกอบอยู่

ซึงถ้าจะให้ดี ควรใช่ไหมขัดฟันช่วยได้เช่นเดียวกัน แต่ใช้ได้แค่วันละครั้งเท่านั้น, ไม่ควรทานอาหารบ่อย หลีกเลี่ยงอาหารหรือขนมหวาน ซึ่ง ผักและผลไม้ น่าจะเป็นอาหารว่างที่ดีทีสุดสำหรับสุขภาพปากและฟัน และควรตรวจสุขภาพฟันทุก 6 เดือน หากไม่อยากมีปัญหา

กำลังโหลดความคิดเห็น