แนว แอ็คชั่นโอเพ่นเวิลด์
ระบบ PS4, Xbox One, PC
เรตเกม PEGI: 16 เหมาะสำหรับผู้เล่นที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป
การลองเสี่ยงเปลี่ยนตามกระแสโลกาภิวัตน์ หันมาจับแนว "โอเพ่นเวิลด์" ครั้งแรกของตำนานเกมแอ็คชั่นฟันดะสูตรต้นตำรับ ที่ไปๆมาๆอาจกลายเป็นสุสานฝังศพแฟรนไชส์
หลังจากที่เห็นบรรดาค่ายเกมสายเลือดซามูไรต่างๆรายรอบกาย ได้หยิบนำเอารูปแบบ "โอเพ่นเวิลด์" ของฝั่งตะวันตก มาประเดิมลองใช้กับเกมซีรีส์ดังของตน จนประสบความสำเร็จกันไปมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Metal Gear Solid V The Phantom Pain, Xenoblade Chronicles X, Final Fantasy XV รวมถึง The Legend of Zelda : Breath of the Wild จึงไม่น่าแปลกที่ทาง Koei Tecmo อีกหนึ่งค่ายเกมร่วมผืนแผ่นดิน จะนึกวาดฝันไปไกลขอลองเสี่ยงทำตามดูบ้าง เพื่อเป็นการปฏิวัติ และมอบความสดใหม่ให้กับแฟรนไชส์ "สามก๊กมุโซว" ที่วิวัฒนาการหยุดแช่แน่นิ่งมาเนิ่นนาน แม้ว่างานที่รออยู่เบื้องหน้าจะหนักหนาสาหัสสากรรจ์ เกินขีดกำลังความสามารถของตน ก็ตาม
สำหรับโหมดสตอรี่แคมเปญของเกม Dynasty Warriors 9 หรือในชื่อเรียกภาษาญี่ปุ่น Shin Sangoku Musou 8 นั้น จะเป็นการหยิบนำเรื่องเก่ามาเล่าใหม่ อ้างอิงตามวรรณกรรมประวัติศาสตร์ "สามก๊ก" ซึ่งตัวละครหลักๆก็จะวนเวียนมาแต่หน้าเดิมๆที่แฟนๆคุ้นเคยกันดี โดยเนื้อหาจะถูกแบ่งแยกแตกต่างกันไปตามแต่ละก๊ก ก๊กใครก๊กมัน เริ่มแรกเราจะเลือกบังคับได้แค่เฉพาะตัวละครหัวหน้าก๊ก ส่วนตัวละครที่เหลืออื่นๆภายในก๊ก จะค่อยๆทยอยถูกปลดล็อคออกมาให้ได้ใช้กันเมื่อเล่นเคลียร์ไปเรื่อยๆ แต่ด้วยความที่มันเป็นเกม โอเพ่นเวิลด์ เนื้อหายิงยาวต่อเนื่องตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่มีฉากเมนู หรือหน้าจอบรีฟภารกิจโผล่ขึ้นมาคั่นกลางขัดขวางอารมณ์อีกต่อไป ฉะนั้นแล้ว หากเกิดนึกอยากเปลี่ยนตัวละครขึ้นมา เราก็ต้องกดออกไปเลือกใหม่ที่หน้าจอเมนูหลักสถานเดียว
นอกจากแม็พแผนที่ที่ถูกอัพไซส์ให้ใหญ่ขึ้นแล้ว ระบบแอ็คชั่นการต่อสู้ภายในเกม ยังได้รับการปรับปรุงแก้ไขใหม่เช่นเดียวกัน โดยภาคนี้ทางทีมงานได้มีการแยกปุ่มกดท่าโจมตีพิเศษ ออกไปจาก 4 ปุ่มแอ็คชั่นพื้นฐานปกติ ยามใดที่ต้องการใช้งาน ก็เพียงแค่กดปุ่ม R1 เพื่อดึงเมนูท่าพิเศษขึ้นมา แล้วเลือกกดใช้ได้ตามอัธยาศัย อีกทั้งเวลาที่ศัตรูง้างดาบเตรียมจู่โจม บริเวณเหนือหัวของมันจะปรากฏสัญลักษณ์รูปปุ่มสามเหลี่ยมแจ้งเตือน ซึ่งหากเรากดมันได้ถูกจังหวะ ตัวละครก็จะโจมตีสวนกลับอย่างทันควัน และกันไม่ให้เราเสียคอมโบที่อุตส่าห์สะสมมา
แม้มองดูผิวเผินมันจะเหมือนกับเกม "โอเพ่นเวิลด์" ทั่วๆไป ที่ผู้เล่นมีอิสระในการเลือกรับเควสต์ภารกิจ ปีนป่ายหอคอยเพื่อเปิดแม็พ มีระบบสภาพอากาศแบบไดนามิค ฝนตกแดดออก และวันเวลาหมุนเวียนกลางวัน-กลางคืนแบบเรียลไทม์ แต่หากใครลองสัมผัสจริงๆ จะรู้สึกได้ถึงความแปลกพิลึกขององค์ประกอบต่างๆที่อยู่ภายใน ราวกับว่าทีมผู้พัฒนาแอบไปจดจำเขาแล้วมาเลียนแบบทำเอง ยกตัวอย่าง "ม้า" อันเป็นยานพาหนะหลักของเกมที่พบเห็นอยู่มากมายตามฉาก แต่กลับไม่สามารถขึ้นไปขี่มันได้, การเดินทางข้ามผ่านแม่น้ำด้วยเรือที่ล็อคเส้นทางเป้าหมายเอาไว้เสร็จสรรพ ไม่ให้อิสระผู้เล่นในการบังคับหางเสือท่องสำรวจเอง, ฉากหลังสภาพแวดล้อมรายรอบที่โล่งเตียน เห็นแต่ต้นไม้กับบ้านเมืองที่ถูกใช้ซ้ำวนไปมา ยิ่งผสมรวมเข้ากับกองทัพ AI ศัตรู หรือฝูงสัตว์ป่าที่ยืนเฉยเป็นเป้านิ่งไร้วิญญาณให้เราซ้อมเหมือนกระสอบทราย และแอ็คชั่นการเคลื่อนไหวของตัวละครที่แข็งทื่อตามสไตล์ซีรีส์มุโซวด้วยแล้ว มันจึงเป็นประสบการณ์ที่ชวนให้เราอยากดึงแผ่นเกมออกมาหัก ยิ่งนัก
ส่วนแฟนๆสามก๊กที่คาดหวังในเรื่องภาพกราฟิกว่า ต้องออกมาสวยแจ่มสมสมรรถนะเครื่อง PS4 เกมนี้อาจทำให้คุณถึงกับช็อคหมดความเชื่อมั่นศรัทธาในค่าย Koei Tecmo ไปอีกนานได้ เพราะถึงแม้ใบหน้าผิวพรรณของตัวละครยามที่ยืนโพสต์ท่าอยู่นิ่งๆ จะดูโอเคเนียนตาในระดับหนึ่ง แต่เมื่อใดที่เราเลื่อนก้านอนาล็อคซ้ายให้ตัวละครเยื้องย่างก้าวขยับขา ความสวยงามทุกอย่างจะพังล้มครืนไม่เป็นท่า เนื่องจากถูกบดบังด้วยปัญหาอัตราเฟรมเรต ที่ร่วงดร็อปแบบทิ้งดิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฉากที่มีจำนวนยูนิตศัตรูนับร้อยพันปรากฏขึ้นพร้อมๆกัน แม้ว่าเราจะเลือกปรับเป็น Action Mode เน้นเฟรมเรตไม่เน้นภาพ ตามที่ตัวเกมบอกแนะนำแล้วยังไงก็ไม่รอด หรือต่อให้ตัดใจย้ายมาเปิดเล่นบนเครื่อง "เพลย์สเตชัน 4 โปร" การจะรักษาเฟรมเรตให้คงอยู่ที่ 30 fps ตลอด ก็ยังเป็นงานที่ยากลำบาก
ซึ่งจากปัญหาเฟรมเรตร่วงกราวน์ ขนาดนั่งเล่นคนเดียวตามลำพังภาพยังกระตุกเป็นเจ้าเข้านี้เอง จึงไม่น่าแปลกที่ผลงานเกมสามก๊กในภาคล่าสุด ทางทีมพัฒนาจำเป็นต้องยอมขัดใจแฟน เลือกตัดเอาโหมด Co-op แบ่งหน้าจอช่วยกันเล่นสองคน ที่ถือเป็นเสน่ห์จุดขายอยู่คู่กันมาแทบทุกภาคออกไป หลงเหลือทิ้งไว้เพียงแค่ประสบการณ์การเล่นแบบซิงเกิลเพลย์เยอร์ ในขณะที่โหมดออนไลน์ก็ไร้เงาวี่แววเช่นเดียวกัน ฉะนั้นแล้ว อารมณ์ความสนุก และความคุ้มค่าของมัน จึงเทียบไม่ติดเลยกับผลงานเกมในภาคก่อนๆ
ครั้งแรกที่เห็นเทรลเลอร์ตัวอย่างจากงาน E3 ที่เปิดตัวออกมาอย่างเลิศหรูอลังการ ในใจเราคิดว่าซีรีส์นี้กำลังเดินมาถูกทาง และเชื่อว่า "โอเพ่นเวิลด์" คงเป็นคำตอบที่เหล่าแฟนๆฟันดะตั้งตารอคอย ซึ่งค่อนข้างน่าเสียดาย หากพวกเขาทำมันสำเร็จได้จริงเหมือนอย่างที่เคยคุยเอาไว้ Dynasty Warriors 9 ก็คงไม่ต้องตกที่นั่งลำบาก ถูกวิพากษ์วิจารณ์ถล่มยับ และกลายเป็นเกมที่ได้คะแนนน้อยที่สุดเท่าที่เราเคยรีวิวมา
เกมการเล่น | 4 |
กราฟิก | 5 |
เสียง | 5 |
ความคิดสร้างสรรค์ | 5 |
ภาพรวม | 4.8 |
ข้อดี : ตัวละครขาวเนียน กับฉากที่กว้างขึ้น
ข้อเสีย : แอนิเมชั่นแข็งกระด้าง, สภาพแวดล้อมด้อยรายละเอียด, สิ่งปลูกสร้างซ้ำๆเหมือนก็อปมาแปะวาง, บัคอย่างพรึ่บ, เควสต์น่าเบื่อ, การสำรวจที่ไม่ค่อยเปิดอิสระ, AI เรียนมาน้อย, เฟรมเรตต่ำเตี้ยเรี่ยดิน, โหมด Co-op ที่หายไป และนับเป็นภาคแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของแฟรนไชส์
Shin
สนับสนุนบทความรีวิวโดยบริษัท โซนี่ อินเตอร์แอคทีฟ เอนเตอร์เทนเมนต์ ฮ่องกง สาขาสิงคโปร์ (หรือ SIES) และบริษัท Next Generation InnovationNGIN
*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับรู้ข่าวสารวงการเกมครับ*