แนว สยองขวัญเอาตัวรอด
ระบบ PS4, Xbox One, PC
เรตเกม PEGI: 18 เหมาะสำหรับผู้เล่นที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
การกลับคืนสู่สามัญของตำนานเกมยิงผี ที่ยังคงไว้ซึ่งเสน่ห์ความเป็นเอกลักษณ์ของซีรีส์ แต่ที่มากขึ้นคือความสยองขวัญ จนคุณมิอาจนั่งเล่นมันโดยลำพัง
หลังจากได้กระแสตอบรับด้านลบมากมายจากแฟนๆ และได้ยลโฉม "The Evil Within" ผลงานเกมสยองของบิดาคนก่อน "ชินจิ มิคามิ" ที่ช่วยเป็นไกด์ไลน์นำร่องจุดประกายชี้ทางสว่างให้ ในที่สุดบริษัทแคปคอม ก็ประจักษ์แลเห็นถึงความผิดพลาดที่ตนได้ทำไว้กับแฟรนไชส์ "ไบโอฮาซาร์ด" มานานเกือบสิบปี และหวังที่จะแก้ตัวเรียกศรัทธาแฟนๆให้กลับคืนมาอีกครั้ง ด้วยผลงานภาคหลักลำดับที่เจ็ดในซีรีส์ ที่เปรียบเสมือนเป็นการรีบูทเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ และสอนให้แฟนๆได้รับรู้ว่าเกมสยองที่ดีนั้นควรเป็นเช่นไร
เช่นเดียวกับการสร้างภาพยนตร์ ในการเข้าถึงรากลึกแก่นแท้ของความสยอง มันต้องเริ่มปูตั้งแต่ประวัติพื้นเพของตัวละคร และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ในภาคนี้ ทางทีมงานหันมานำเสนอตัวละครหน้าใหม่สดซิงอย่าง "อีธาน วินเทอร์ส" หนุ่มผิวขาวชาวอเมริกันบ้านๆทั่วไป ผู้ไร้ซึ่งทักษะ หรือสกิลการต่อสู้ใดๆติดตัว ที่ออกเดินทางตามหาภรรยาสาวแสนสวยที่หายตัวไป แต่กลับต้องมาเผชิญหน้ากับฝันร้ายของครอบครัวแสนประหลาดพิลึกพิลั่น ท่ามกลางสภาพแวดล้อมอันวังเวงห่างไกลความเจริญแห่งหลุยส์เซียน่า
อย่างที่ได้เห็นกันในเดโม ตัวเกมไบโอฯภาคล่าสุดนี้จะปฏิวัติใหม่หันมาใช้มุมมองบุคคลที่หนึ่ง เห็นเพียงแค่มือกับอาวุธที่ถืออยู่ และจะเป็นเช่นนี้เรื่อยไปตลอดทั้งเกมตั้งแต่เริ่มยันจบ คล้ายๆกับเกมแนวสยองเซอร์ไววอลรุ่นพี่อย่าง Outlast, Alien Isolation หรือว่าจะเป็นตัวอย่างเดโม Silent Hill P.T. ของเฮียโคจิมะ ที่มิได้สานต่อ ซึ่งมุมกล้องที่เปลี่ยนไปในครั้งนี้ นอกจากที่เราจะได้มุมมองใหม่ๆแล้ว ยังเป็นการเปิดโสตประสาทรับความสยองแบบเต็มขั้น และง่ายต่อทีมพัฒนาในการสอดแทรกมุกสะดุ้งตกใจ ด้วยมุมมองอันจำกัดเห็นแต่เบื้องหน้า นึกอยากใส่อะไรโผล่มาข้างหลัง ผู้เล่นก็ไม่มีโอกาสได้ทันระวังตั้งตัว ยิ่งถ้าใครมีแว่น "เพลย์สเตชัน วีอาร์" ติดบ้านด้วยแล้ว ประสบการณ์ความหลอนก็จะยิ่งคูณสองจนถึงขั้นปัสสาวะเล็ดเลยทีเดียว
ถึงแม้มุมกล้องจะเป็นแบบเกม FPS แต่หากใครได้ลองสัมผัสจะรู้สึกค่อนข้างแปลกๆกับการบังคับเคลื่อนไหวตัวละครซักหน่อย ไม่ว่าจะเดินหน้า ถอยหลัง หันซ้าย หันขวา หรือออกตัววิ่ง ทำไมไม่กระฉับกระเฉงฉับไวทันใจตามสปีดความเร็วของนิ้วที่เราดันแกนอนาล็อคลงไปเลย อารมณ์ประมาณว่าหากใครเอาเมล็ดกาแฟให้เจ้าสลอธกิน มันคงเดินแซงหน้าพ่อหนุ่มอีธานของเรา ซึ่งความเชื่องช้าที่ทีมงานเซตตั้งค่ามาเพื่อกันไม่ให้คนสวมแว่น VR อ้วกแตกอ้วกแตนนี้ มันกลับกลายเป็นหอกสองคมที่ไปทำลายอรรถรส แลดูขัดแย้งกับบรรยากาศของเกมที่ควรจะลุ้นระทึกตื่นเต้นอะดรีนาลีนพลุ่งพล่าน ไม่ใช่กำลังถูกฆาตกรโรคจิตหมายชีวิตวิ่งไล่ฆ่า แล้วยังมาขยับตัวเคลื่อนไหวเรื่อยๆเอื่อยเฉื่อยเหมือนคนเมากัญชาแบบนี้
ในวาระฉลองครบรอบ 20 ปีซีรีส์ไบโอฮาซาร์ด ดูเหมือนทางทีมงานจะตั้งใจให้ผู้ที่จับผลงานภาคล่าสุดนี้รู้สึกราวกับว่าตนได้ย้อนอดีตวันวานกลับไปเล่นภาคแรกต้นฉบับอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นฉากมูวี่เปิดตัวที่ได้นำเอาภาพจริงมาผสมโรง ระบบการเล่นเน้นเดินสำรวจหาของ เก็บสมุนไพรตามฉากมาปรุงยา จัดสรรพื้นที่ว่างในช่องสัมภาระ การเซฟที่ต้องทำผ่านเครื่องบันทึกข้อมูล ปริศนาพัซเซิลมากมายที่ต้องแก้ รวมไปถึงกระสุนที่ให้มาแบบพอดีพอใช้กับจำนวนศัตรู ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป แต่ถ้าเผลอทำปืนลั่น หรือยิงพลาดเป้าก็มีสิทธิ์น้ำตาร่วงได้เช่นกัน
เมื่อเทียบกับไบโอฯต้นฉบับภาคแรก ปริศนาภายในเกมถือว่าไม่ได้ยากเย็นอะไรนัก เพราะส่วนใหญ่จะเป็นปริศนาแบบพื้นๆเห็นแวบเดียวก็มองออกแล้วว่าต้องทำ หรือหาอะไรมาใส่ เพียงแต่อาจต้องอาศัยความจำ และการสังเกตกันหนักสักเล็กน้อย เนื่องด้วยบางปริศนาอาจให้เราต้องเสียเวลาเดินย้อนกลับไปไกลเพื่อเก็บของบางอย่าง ฉะนั้นแล้วการวาดแผนผังขึ้นมาในหัว พยายามจดจำทุกรูลูกบิดกุญแจ และประตูทุกบานที่เราเดินผ่าน จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำเป็นอันดับแรก หากไม่อยากเดินงงวนหลงกุมขมับเพราะหาทางไปต่อไม่เจอ
เรื่องหนึ่งที่ต้องขอเชยชม คืองานด้านภาพกราฟิก ที่สามารถถ่ายทอดบรรยากาศความหลอนภายในเกมออกมาได้ดีสมจริงสมจังไร้ที่ติ จนต้องหลุดปากกู่ก้องร้องลั่นบ้านทุกครั้งยามที่ศัตรูโผล่มา ด้วยอานิสงส์ของขุมพลัง RE Engine เทคโนโลยีเอนจิ้นใหม่ล่าสุดสัญลักษณ์รูปมือคนคว้าดวงจันทร์ ที่ทางค่ายแคปคอมอุตส่าห์ลงทุนสร้างมาเพื่อเกมนี้ จึงทำให้ไม่ได้มีเพียงแค่ฉากสภาพแวดล้อมที่ชวนขนพองสยองเกล้าเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการแสดงออกทางสีหน้าอารมณ์ของตัวละคร ที่ทำเอานั่งติดเก้าอี้จิกโซฟาไม่อยากลุกไปไหน โดยเฉพาะ "มีอา" ภรรยาสาวแสนสวยของเรา ที่ช่างดูมีเสน่ห์เหลือล้นเกินหักห้ามใจ ไม่ว่าเป็นใครก็คงอยากเดินลุยฝ่าขุมนรกไปช่วยแทบทั้งนั้น อีกทั้งพล็อตเรื่องของเกมก็ถูกวางมาดีชวนติดตาม มีการหักมุมเหนือความคาดเดาของผู้เล่น พอคลายปมได้เปราะหนึ่ง นึกว่าแค่มาเจอครอบครัวเพี้ยนจิตหลุดธรรมดาๆไม่มีอะไร ที่ไหนได้กลับสามารถโยงใยไปต่อสอง สาม สี่ ได้อย่างคาดไม่ถึง ซึ่งรับประกันว่าไม่ทำให้แฟนๆไบโอฯผิดหวังอย่างแน่นอน แต่จะเป็นอะไร หรือมีที่มาที่ไปอย่างไรนั้น คงต้องไปสืบเสาะหาคำตอบกันเอาเอง
หากเทียบกับมาตรฐานของซีรีส์ เนื้อหาความยาวของเกมไบโอฯภาคเจ็ดนี้นับว่าค่อนข้างสั้นไปหน่อย เพราะสามารถนั่งเล่นชิลๆเคลียร์ได้ในระยะเวลาเพียงแค่ 10 ชั่วโมง (อาจมากกว่านั้นขึ้นอยู่กับสกิลเอาตัวรอด และไหวพริบในการแก้ปริศนาของแต่ละคน) ประดุจดั่งหนังสยองขวัญที่พอดูจบก็ลบทิ้งได้เลย ไม่มีทั้งโหมดมินิเกมกราดยิงผ่อนคลายระบายอารมณ์ หรือโหมดออนไลน์มัลติเพลย์เยอร์ให้เราวัดดวลกับใครอื่น แต่ทว่าในห้วงเวลาอันสั้นของเกมนั้น มันก็มากล้นเต็มเปี่ยมไปด้วยช่วงเวลาคุณค่าน่าจดจำในทุกๆวินาที
ส่วนตัวในฐานะที่เป็นคนเกลียดเกมแนวสยองเข้าไส้ แค่เห็นทางเดินมืดๆแคบๆก็รู้สึกใจสั่นขวัญผวาขาไม่ขยับเดิน ยิ่งเกมหลอนหนักๆอย่าง "จูออน" หรือ "เฟทัลเฟรม" ผีลอยผ่านแวบเดียวถึงกับปิดทีวีไม่คิดหยิบขึ้นมาเล่นอีก จึงค่อนข้างน่าแปลกใจที่ "Resident Evil 7" กลับทำให้เกมเมอร์จิตตกคนหนึ่งรู้สึกติดใจนั่งเล่นได้จนจบ ยอมรับว่าอาจมีรู้สึกไม่สบายใจบ้างในช่วงแรกๆ แต่พอเล่นไปนานๆเข้าจะรู้ว่าความสยองมันเป็นแค่องค์ประกอบเล็กๆส่วนหนึ่งในภาพรวมทั้งหมดของเกม ฉะนั้นแล้วใครที่เคยดาวน์โหลดเดโมมาลองเล่น ก็อย่าเพิ่งรีบด่วนสรุปตัดสินใจเอาจากหน้าเค้กเละๆที่ทีมพัฒนาเลือกปาดเขี่ยๆมาให้ได้ลองชิม หากไม่อยากพลาดรสชาติความอร่อยอันแสนหวานหอมหวนชวนดมที่แอบซ่อนลึกอยู่ภายใน
| เกมการเล่น | 8 |
| กราฟิก | 9 |
| เสียง | 9 |
| ความคิดสร้างสรรค์ | 9 |
| ภาพรวม | 8.9 |
ข้อดี : ผูกเรื่องราวได้น่าติดตาม, ภาพกราฟิกงามๆ, ตัวละครมีเสน่ห์ดึงดูด, ดีกรีความหลอนจัดเต็ม และองค์ประกอบความเป็นไบโอฯที่มีอยู่ครบครัน
ข้อเสีย : ไร้โหมดเสริมอื่นใดหลังเล่นจบ, ตัวละครเคลื่อนไหวเชื่องช้าถึงขนาดต้องใส่ปุ่มลัดหันหลัง 180 องศามาให้ และคงดีกว่านี้หากไม่ใช่มุมมองบุคคลที่หนึ่ง
Shin
สนับสนุนบทความรีวิวโดยบริษัท โซนี่ อินเตอร์แอคทีฟ เอนเตอร์เทนเมนต์ ฮ่องกง สาขาสิงคโปร์ (หรือ SIES)
*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับรู้ข่าวสารวงการเกมครับ*
