"จอร์แดน อามาโร" ดีไซน์เนอร์เกมแห่งสตูดิโอโคจิมะโปรดัคชันส์ ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่ออธิบายสาเหตุที่ทำให้ทีมผู้พัฒนา ตัดสินใจตัดทอนฉากคัตซีนรวมถึงบทพูดของตัวละครในเกม "Metal Gear Solid 5: The Phantom Pain" เพื่อเปิดให้ผู้เล่นมีอิสระสามารถสร้างเรื่องราวของตนเองผ่านการเล่นเกมในรูปแบบโอเพ่นเวิลด์
โดยทางอามาโร เปิดเผยกับเว็บไซต์ Eurogamer ระบุว่า "เมื่อคุณอยู่ในเกม ก่อนอื่นคุณจำเป็นต้องสังเกตการณ์สภาพแวดล้อมผ่านกล้องส่องทางไกล มาร์คตำแหน่งศัตรูแล้วคิดในใจว่า 'เอาละ เราจะทำอะไรต่อไปดี' ซึ่งนั่นมันคือเสน่ห์ของเกมที่จะไม่มีเส้นทางที่เห็นเด่นชัดให้ผู้เล่นต้องเดินตาม ผมควรจะสร้างมิชชั่นจากความรู้ตะวันตกที่ได้รับมา เพราะเมื่อก่อนผมเคยคิดแทนผู้เล่น คิดว่าทำเพื่อผู้เล่นโดยให้พวกเขาเป็นศูนย์กลางของเกม แต่ทั้งหมดนั้นเป็นสิ่งที่ผิดและขัดแย้งกับวิสัยทัศน์ของเกม MGS5"
"ดังนั้นระบบการเล่นภายในเกม The Phantom Pain มันจึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับผู้เล่นเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่สิ่งที่ทีมงานในสตูดิโอโคจิมะโปรดัคชันส์ของเราจะพุ่งโฟกัสนั้นคือการเน้นสร้างสภาพแวดล้อมที่ผู้เล่นสามารถสร้างเรื่องราวในแบบฉบับของตนเองได้โดยผ่านระบบกลไกของเกม ซึ่งทางเราได้กำจัดภาระอันบีบบังคับอย่างที่เคยมีในตัวละคร 'แซม ฟิชเชอร์' หรือใครก็ตามที่ต้องทำตามอารมณ์ หรือพยายามสื่อให้ผู้เล่นอินไปกับตัวละครเหล่านั้น"
"เราหวังให้มีการเผยธาตุแท้ตัวละครสเนคผ่านการกระทำของผู้เล่นเอง ซึ่งนั่นแหละคือการบอกเล่าเรื่องราวเกมอันแท้จริง แต่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์เดิมของสเนค เพียงแค่ครั้งนี้ในเกม The Phantom Pain ตัวละครสเนคของเราจะไม่ได้พูดมากอย่างที่เคยเหมือนในเกมเมตัลเกียร์โซลิดภาคที่ผ่านๆมา แถมตัวโคจิมะเองยังเคยพูดติดตลกว่าหากสเนคพูดมากเกินไป เราอาจต้องจ่ายค่าตัว Kiefer Sutherland (ผู้ให้เสียงพากษ์สเนค) เพิ่มขึ้นอีก" อามาโร กล่าวทิ้งท้าย
"Metal Gear Solid 5: The Phantom Pain" มีแผนพัฒนาลงทั้งเครื่องเอ็กบ็อกซ์360, เอ็กบ็อกซ์วัน, เพลย์สเตชัน 3 และเพลย์สเตชัน 4 แต่ปัจจุบันยังไม่มีกำหนดวันวางจำหน่าย โดยมีข่าวลือแว่วมาว่าแฟนๆอาจต้องรอนานถึงปี 2015
ข้อมูลและภาพประกอบจาก
gamespot
*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับรู้ข่าวสารวงการเกมครับ*
