xs
xsm
sm
md
lg

ผู้นำโสมขาวลั่นตอบโต้ “เร็ว-แรง” มะกันส่ง F-22 มาขู่โสมแดงอีกรุ่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online



เอเจนซีส์ - ประธานาธิบดีหญิงเกาหลีใต้ ให้คำมั่นที่จะตอบโต้ทางทหารอย่างเข้มข้นและทันทีทันควันต่อการยั่วยุใดๆ ก็ตามของเกาหลีเหนือ โดยที่รัฐมนตรีกลาโหมของเธอสำทับว่าโสมขาวพร้อมเปิดการโจมตีก่อนต่อสถานที่ตั้งทางนิวเคลียร์และขีปนาวุธของโสมแดงในเหตุการณ์ที่การสู้รบระเบิดขึ้นมา ส่วนทางด้านสหรัฐฯก็ส่งเครื่องบินขับไล่ “สเตลท์” อีกรุ่นเข้าร่วมการซ้อมรบกับเกาหลีใต้ ไม่กี่วันภายหลังจากที่เปียงยางประกาศเข้าสู่ “ภาวะสงคราม” กับโซล

ระหว่างการประชุมหารือกับพวกนายทหารอาวุโส และคิม ควานจิน รัฐมนตรีกลาโหม เมื่อวันจันทร์ (1) พัค กึน-ฮเย ประธานาธิบดีคนใหม่ของเกาหลีใต้ กล่าวว่า เธอให้ความสำคัญ “ด้วยความจริงจังเป็นอย่างยิ่ง” ต่อคำขู่ชวนต่อยตีของเกาหลีเหนือที่ระดมปล่อยออกมาเป็นรายวันตั้งแต่เดือนที่แล้ว โดยเธอเชื่อว่าเกาหลีใต้ควรต้องตอบโต้อย่างเข้มแข็งและทันทีทันควัน ชนิดไม่ต้องมีการไตร่ตรองทางการเมืองใดๆ ถ้าหากโสมแดงทำการยั่วยุต่อเกาหลีใต้และประชาชนของโสมขาว

พัค ผู้นำสายอนุรักษนิยมที่ในระหว่างการรณรงค์หาเสียงยังสนับสนุนนโยบายเข้ามีปฏิสัมพันธ์อย่างระมัดระวังกับเกาหลีเหนือ แต่หลังจากเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เธอก็ถูกบีบให้ใช้ท่าทีแข็งกร้าวกับโสมแดง ในเมื่อฝ่ายหลังท้าทายนานาชาติด้วยการทดลองทั้งขีปนาวุธพิสัยไกลและอาวุธนิวเคลียร์

เกาหลีใต้นั้นได้เปลี่ยนแปลงกฎการใช้กำลังปะทะ (rule of engagement) ของตน โดยอนุญาตให้หน่วยกำลังในท้องถิ่นสามารถทำการตอบโต้ได้ทันทีในกรณีถูกโจมตี แทนที่จะต้องรอให้ส่วนกลางอนุมัติก่อน ทั้งนี้หลังจากถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าตอบโต้อย่างเชื่องช้าและอ่อนแอมากในเหตุการณ์โสมแดงยิงปืนใหญ่ถล่มเกาะแห่งหนึ่งของโสมขาวเมื่อปี 2010 เวลานี้เกาหลีใต้ยังข่มขู่ด้วยว่าในกรณีที่เกิดการโจมตีขึ้นมาอีก ฝ่ายตนจะถือผู้นำโสมแดง คิม จองอึน เป็นเป้าหมาย รวมทั้งยังจะทำลายอนุสาวรีย์รูปปั้นของราชวงศ์คิมที่ปกครองเกาหลีเหนืออีกด้วย เรื่องนี้ดูจะสร้างความโกรธแค้นให้โสมแดงเป็นอย่างยิ่ง

ทางด้านรัฐมนตรีกลาโหมเกาหลีใต้ยังสำทับในวันจันทร์ว่า โสมขาวจะเปิดการโจมตีก่อนเข้าใส่พวกสถานที่ตั้งทางนิวเคลียร์และขีปนาวุธของโสมแดง ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ซึ่งแสดงความเป็นปรปักษ์ขึ้นมา

“เราจะ … ดำเนินสิ่งที่เรียกกันว่า “การป้องปรามในเชิงรุก” (active deterrence) ด้วยจุดมุ่งหมายที่จะสลายภัยคุกคามทางนิวเคลียร์และทางขีปนาวุธของฝ่ายเหนือให้หมดไปอย่างรวดเร็ว” คิมระบุ
ประธานาธิบดีหญิงเกาหลีใต้ ให้คำมั่นที่จะตอบโต้ทางทหารอย่างเข้มข้นและทันทีทันควันต่อการยั่วยุใดๆ ก็ตามของเกาหลีเหนือ
คาบสมุทรเกาหลีอยู่ในภาวะตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ นับแต่เกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ต่อด้วยการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ใต้ดินในเดือนมกราคมปีนี้ จากนั้นในเดือนกุมภาพันธ์ สหประชาชาติก็มีมติเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรโสมแดง โดยที่เกาหลีเหนือตอบโต้ด้วยการข่มขู่เกาหลีใต้และสหรัฐฯ อย่างไม่ขาดสาย ทั้งด้วยการประกาศฉีกข้อตกลงหยุดยิงระงับสงครามเกาหลีเมื่อกว่า 60 ปีก่อน และการคำรามที่จะใช้ขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์โจมตีใส่แผ่นดินใหญ่สหรัฐฯ ตลอดจนฐานทัพอเมริกันในที่ต่างๆ รวมทั้งการประกาศเข้าสู่ “ภาวะสงคราม” กับเกาหลีใต้ในวันเสาร์ (30 มี.ค.)ที่ผ่านมา

พวกผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า เกาหลีเหนือเวลานี้น่าจะยังไม่มีสมรรถนะที่จะทำการโจมตีได้อย่างที่ข่มขู่ ขณะเดียวกัน โซลกับวอชิงตันข่มขู่กลับว่าถ้าเปียงยางยั่วยุก็จะถูกตอบโต้อย่างรุนแรง อีกทั้งจัดการซ้อมรบใหญ่ประจำปี

ในวันจันทร์ กองทัพสหรัฐฯ แถลงว่า ได้จัดส่ง เอฟ-22 แรปเตอร์ เครื่องบินขับไล่ที่มีเทคโนโลยีหลบหลีกเรดาร์ หรือ “สเตลท์” (stealth) จากฐานทัพในญี่ปุ่นเข้าร่วมซ้อมรบในยุทธการ “โฟล อีเกิล” กับเกาหลีใต้ โดยที่ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน อเมริกาก็นำเอาเครื่องบินทิ้งระเบิดที่มีสมรรถนะในการบรรทุกอาวุธนิวเคลียร์ ทั้งแบบ บี-52 ซึ่งเป็นรุ่นเก๋า และแบบ บี-2 ที่เป็นรุ่นใหม่มีเทคโนโลยีสเตลท์ เข้าร่วมการซ้อมรบประจำปีคราวนี้มาแล้ว จนทำให้เปียงยางเดือดดาลออกมาขู่โจมตีสหรัฐฯ

คำเตือนของประธานาธิบดีหญิงแดนโสมขาวคราวนี้ ยังบังเกิดขึ้นในวันเดียวกับที่เกาหลีเหนือเปิดประชุมสมัชชาประชาชนสูงสุดประจำปี ซึ่งปรากฏว่ามีการแต่งตั้งให้ ปัก ปองจู ผู้อยู่ในวัย 74 ปีและได้ชื่อว่าเป็นผู้สนับสนุนนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจ กลับเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง

ปัก เคยดำรงตำแหน่งนี้ในระหว่างปี 2003-2007 เมื่อเขาเป็นหัวหอกในการปฏิรูปพวกรัฐวิสาหกิจของเกาหลีเหนือในระดับพอประมาณ แต่ดูเหมือนจะเกิดปฏิกิริยาต่อต้านทั้งภายในพรรคคอมมิวนิสต์และในกองทัพ จนทำให้เขาถูกพักงานในเดือนมิถุนายน 2006 และถูกปลดในปีต่อมา

นอกจากนั้น รัฐสภาตรายางของเกาหลีเหนือยังรับรองกฤษฎีกาว่าด้วย “การรวมศูนย์ฐานะของความเป็นรัฐผู้มีอาวุธนิวเคลียร์เพื่อการป้องกันตนเอง” ทั้งนี้ตามรายงานของสำนักข่าวเคซีเอ็นเอ ของทางการโสมแดง ความเคลื่อนไหวเช่นนี้นับเป็นการปฏิบัติตามเสียงเรียกร้องเมื่อ 1 วันก่อนหน้านี้ ของที่ประชุมคณะกรรมการกลางของพรรคคอมมิวนิสต์เกาหลีเหนือ ที่มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า พรรคผู้ใช้แรงงานเกาหลี ซึ่งมีมติให้ยืนยันสิทธิ์ในการครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือลงในกฎหมาย รวมทั้งเสริมกำลังรบนิวเคลียร์ทั้งในทางปริมาณและคุณภาพ

ถึงแม้โสมแดงประกาศเข้าสู่ภาวะสงครามกับโสมขาวในวันเสาร์ อีกทั้งเตือนว่าการยั่วยุใดๆ จะพัฒนาเป็นความขัดแย้งด้านนิวเคลียร์เต็มรูปแบบอย่างรวดเร็ว พร้อมกันนั้นก็ข่มขู่ปิดนิคมอุตสาหกรรมเกซอง ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชายแดนติดกับเกาหลีใต้ และมีบริษัทโสมขาวเข้าไปตั้งโรงงานจ้างชาวเกาหลีเหนือทำงานเป็นจำนวนมาก จนกลายเป็นแหล่งรายได้สำคัญของเปียงยาง ทว่าจนกระทั่งถึงวันจันทร์ นิคมแห่งนี้ยังดำเนินงานตามปกติ

พวกผู้สังเกตการณ์มองว่า ถ้าหากมีการปิดแกซองจริงๆ จะเป็นการส่งสัญญาณอันชัดเจนว่า ความขัดแย้งได้ลุกลามไปไกลกว่าเป็นเพียงโวหารขู่คำรามทางการทหารเท่านั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น