โปรดิวเซอร์เกมเรสซิเดนท์อีวิล 6 ออกมาเปิดใจยอมรับเสียงบ่นวิพากษ์วิจารณ์จากเหล่าแฟนๆที่ได้สัมผัสเกมยิงซอมบี้ภาคล่าสุด ซึ่งต่างไม่พอใจที่ซีรีส์เกมสยองขวัญที่ตนรักกลายมาเป็นเกมแอ็คชั่นแนวตลาดเพียงเพื่อหวังยอดขาย
เกิดเป็นประเด็นถกเถียงกันอีกครั้งระหว่างค่ายแคปคอมกับกลุ่มแฟนเกมที่เป็นห่วงอนาคตซีรีส์เกมเรสซิเดนท์อีวิล ที่กำลังจะดำเนินรอยตามฉบับภาพยนตร์เข้าไปทุกที ซึ่งภายหลังจากที่ตัวเกม Resident Evil 6 ได้ออกวางจำหน่ายไป ก็ได้เกิดกระแสตอบรับด้านลบทันที เนื่องจากตัวเกมที่เน้นความเป็นแอ็คชั่นมากจนเกินไป รวมไปถึงความยุ่งยากในการบังคับที่ต้องใช้หลายๆปุ่ม และระบบควิกไทม์อีเวนท์ที่มีมาให้คอยกดตลอดทั้งเกม
ทำให้ล่าสุดทาง "ฮิโรยูกิ โคบายาชิ" (Hiroyuki Kobayashi) เอ็กเซคิวทีฟโปรดิวเซอร์ของเกมภาคนี้ จำเป็นต้องออกมาชี้แจงผ่านบทสัมภาษณ์กับเว็บไซต์ Playstation Blog โดยเขาให้เหตุผลว่าซีรีส์เกมเรสซิเดนท์อีวิลนั้น เปรียบเสมือนเด็กที่เกิดมาจากแคปคอมกับแฟนเกม ซึ่งทั้งสองฝ่ายต่างพยายามอย่างหนักในการเลี้ยงดูให้เด็กคนนี้เติบใหญ่
"แนวทางที่ผมคิดก็คือ หากซีรีส์เรสซิเดนท์อีวิลเป็นตัวแทนของเด็กน้อยคนนึง ดังนั้นทั้งเหล่าแฟนๆ และเราในฐานะผู้ให้กำเนิดก็เปรียบเสมือนกับพ่อแม่ ซึ่งตัวเกมมันก็คือลูกที่ถือกำเนิดมาจากทั้งสองฝ่าย และมันก็เหมือนกับชีวิตจริงที่ทั้งพ่อและแม่ต่างก็มีความเห็นไม่ตรงกันว่าสิ่งไหนมันคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูก"
"มันเป็นงานของเราในการสร้างสรรค์ประสบการณ์เกมแบบใหม่ เพื่อที่จะนำเสนอสิ่งที่สดใหม่และน่าท้าทายให้กับคอเกม ทางเราต้องการทำให้มันออกมาให้เป็นที่ถูกใจพวกเขา แต่เสียงตอบรับแรกๆมันอาจไม่ใช่ด้านบวกเสมอไป และนั่นไม่ได้หมายความว่าเราไม่รับฟังเสียงของแฟนๆ เพียงแต่เราไม่สามารถทำตามที่พวกเขาต้องการได้ทุกอย่าง เพราะถ้าหากทำอย่างนั้นผมคิดว่าเราคงไม่อาจพัฒนาซีรีส์นี้ให้ก้าวไปถึงไหนได้" โคบายาชิ กล่าว
อย่างไรก็ตามถึงแม้จะมีกระแสต่อต้านจากแฟนๆ แต่ในส่วนทางด้านยอดส่งไปขายของเกม "Resident Evil 6" จนถึงตอนนี้มีจำนวนมากถึงกว่า 4.5 ล้านชุดในระยะเวลาเพียงแค่ 2 วัน และถือเป็นตัวเลขยอดส่งที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ของบริษัท ซึ่งทางแคปคอมตั้งเป้าเอาไว้ว่าภาคนี้จะขายได้มากกว่า 7 ล้านชุดทั่วโลก
ข้อมูลและภาพประกอบจาก
gamespot