"Marcin Iwinski" ซีอีโอของค่าย CD Project Red ผู้สร้างเกม The Witcher ประกาศในงานชุมนุมนักพัฒนา GDC 2012 ว่าจะเลิกใช้ระบบกันก็อปปี้เกมทุกประเภทเป็นการถาวร หลังพบสารพัดปัญหาในเกมก่อนหน้า
Iwinski ได้ขึ้นบรรยายเกี่ยวกับความสำเร็จของบริษัทซึ่งสามารถทำยอดขายเกินกว่าล้านชุดได้ด้วยงบประมาณจำกัด โดยใจความตอนหนึ่งระบุว่า "ทุกๆเกมจากนี้ไป เราจะไม่ใช้ DRM (Digital Rights Management) ทุกประเภทอีกแล้ว มันเป็นสิ่งที่ซับซ้อนเกินไป"
ผลงานล่าสุดของบริษัท The Witcher 2 ได้วางขายตามร้านค้าปลีกพร้อมกับระบบกันก็อป SecuRom ซึ่งยังคงอนุญาตให้ผู้เล่นติดตั้งได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งและสามารถเล่นได้ถึง 5 เครื่องพร้อมกัน ยกเว้นเฉพาะเวอร์ชันขายแบบดาวน์โหลดของเว็บไซต์ Good Old Games เท่านั้นที่ไม่มีระบบกันก็อป
เขาอธิบายว่า "เราวางจำหน่ายเกม แล้วมันก็ถูกแก้ระบบออกในเวลาแค่สองชั่วโมงสำหรับ The Witcher 2 ที่ผมประหลาดใจที่สุดคือพวกเล่นก็อปไม่ได้ใช้เวอร์ชันของเว็บไซต์ Good Old Games ที่ไร้การปกป้องด้วยซ้ำ พวกเขาใช้เวอร์ชันแผ่นตามร้านค้าปลีกที่มี SecuRom แคร็กมันแล้วก็บอกว่า 'เราแคร็กได้แล้วนะ' ทั้งๆที่มีเวอร์ชันที่ไร้การปกป้องขายอยู่พร้อมกัน คุณคงคิดว่าที่โดนเอาไปปล่อยเป็นเวอร์ชัน Good Old Games แน่ๆ"
หลังการบรรยาย Iwinski กล่าวกับเว็บไซต์ Joystiq ว่า "DRM ไม่ได้ปกป้องเกมของคุณเลย ถ้ามีตัวอย่างที่ทำได้จริง ผู้คนอาจจะพิจารณาใช้มัน แต่นั่นก็สร้างปัญหาซับซ้อนให้กับผู้เล่นของถูกกฏหมายอีก"
ตัวเกม The Witcher ทั้งภาคแรกและภาคสองต่างก็มาพร้อมระบบป้องกันก็อปก่อนจะถูกปลดออกด้วยแพทช์อย่างเป็นทางการหลังวางขาย โดยเฉพาะภาคสองซึ่งสร้างปัญหาสารพัดทั้งหน่วงเครื่อง ดึงเฟรมเรตภาพตก เพิ่มเวลาการโหลด ซึ่งเมื่อปลดออกก็มีการแสดงผลดีขึ้นอย่างชัดเจนทันที
ข้อมูลและภาพประกอบจาก
Joystiq
Kotaku