หลังจากที่เครื่อง "นินเทนโด วี" ออกมาวาดลวดลายให้คอเกมได้เล่นกันเกือบ 2 ปี ด้วยยอดขายกว่า 30 ล้านเครื่อง และเป็นที่รู้กันว่าเกมที่ลงบนเครื่อง วี เน้นความเรียบง่าย จับแล้วต้องเล่นได้ทันที และเล่นได้ทุกเพศทุกวัย โดยเกมที่ออกมาทั้งจำลองการเล่นกีฬาอย่าง วี สปอร์ต หรือเครื่องออกกำลังกาย อย่าง วี ฟิต จนถึงล่าสุด เกมจำลองการเล่นดนตรี วี มิวสิค ที่ความจริงเป็นคอนเซปต์ของเครื่องเกม ที่โชว์ตั้งแต่เครื่อง วี ยังไม่ออก แต่กว่าเกมจะออกมาได้ก็ปลายปี 2008 ทำให้น่าจับตามองเหมือนกันว่า ใช้เวลาสร้างนานขนาดนี้เกมจะสนุกสมกับชื่อปู่นินหรือไม่
ก่อนอื่นถ้าคุณคิดว่าเกมนี้จะเหมือนเกมดนตรีทั่วไป อย่าง Guitar Hero คงต้องบอกว่าต้องคิดผิดเพราะเกมนี้ไม่ได้เป็นเกมกดตามจังหวะให้ตรง เพื่อทำคะแนน จริงอยู่ที่ในโหมด Jam เราสามารถเลือกให้มี ตัวโน๊ต ออกให้กดหรือเขย่าตามจังหวะ แต่เกมนี้ไม่มีการให้คะแนน หรือเล่นเอาเป็นเอาตายเพื่อผ่านด่าน แต่แนวคิดหลักของเกมนี้คือ "การสร้างสรรค์เสียงเพลงด้วยเครื่องดนตรีหลากหลายชนิด กับเพื่อนฝูงหรือคนในครอบครัวเพื่อผ่อนคลาย" มากกว่า โดยเกมเล่นได้มากถึง 4 คน และเมื่อเกมทำเพื่อเล่นสบายๆกับครอบครัว ภาพในเกมต้องออกตัวไว้ก่อนว่าไม่ได้พัฒนาจะ เกมวีสปอร์ต เท่าไรนัก โดยยังเอา Mii ของเราไปเล่นได้เหมือนเดิม
โดยรูปแบบการเล่น คือการใช้วีรีโมตจำลองการเล่น ดนตรี โดยมีการกำหนดท่าหลักๆ 4 แบบคือไวโอลิน โดยต้องใช้ นันชักทำท่าทางสี ไวโอลิน บวกกับการกดปุ่ม B , เปียโน ก็เล่นได้ด้วยการ ใช้การตีวีโมตรและนันชัก , กีตาร์ เพียงแค่ขยับท่าทางเหมือนการดีด ส่วนเครื่องเป่าอย่าง ขลุ่ย ใช้การกดปุ่ม และมีลูกเล่นเล็กๆเช่นเสียงจะสูงต่ำตามการยกวีโมต หรือใช้ปุ่มร่วมให้เกิดเสียงใหม่ๆ โดยที่รูปแบบทั้ง 4 เป็นรูปแบบหลักในการใช้เล่นเครื่องดนตรีทั้งหมด (รวมทั้งสิ่งที่ไม่ใช่เครื่องดนตรี) รวมกว่า 60 ชนิด (มีประวัติเครื่องดนตรีสั้นๆให้อ่านด้วย) อย่างไรก็ตามส่วนใหญ่แล้วเกมนี้ไม่ได้เข้มงวดว่าต้องใช้นันชักเล่นหรือต้องทำท่าทางตามนี้เท่านั้น ผู้เล่นสามารถนั่งเฉยๆแล้วเขย่าๆจอย วีโมตไปมาหรือนั่งกดปุ่มๆเฉยๆแบบเซ็งๆ ก็สามารถเล่นได้เช่นกัน แต่ถ้าคุณทำตามท่าทางที่เกมกำหนด จะได้อารมณ์ร่วมมากกว่า
โหมดหลักๆของเกมนี้ก็คือโหมด Jam ที่มีให้เลือกเล่นเป็นวงดนตรี โดยเราสามารถปรับเปลี่ยนได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเลือกเพลง หรือเปลี่ยนแนวเพลงก็ทำได้ โดยสามารถเลือกแนวเพลง ว่าจะเอาเป็นแนว Rock , Jazz ,คลาสสิก หรืออื่นๆรวม 11 แนว รวมทั้งปรับความเร็วช้าได้ หรือจะแหวกแนวโดยตั้งวงเองด้วยการเลือกเครื่องดนตรีคนละแนวมาผสมกันได้ และเกิดเสียงดนตรีใหม่ๆได้ไม่รู้จบ เหมือนเราได้ตั้งวงและกำหนดได้ทุกอย่าง ส่วนรูปแบบการเล่นไม่ได้ยุ่งยากเพราะไม่ได้มีตัวคะแนนเป็นเกณฑ์เพื่อวัดว่าจะผ่านไม่ผ่านเหมือนเกมอื่น คุณจะสามารถเล่นให้ตรงจังหวะโน้ตก็ได้หรือจะปรับเปลี่ยนทำนองใหม่ระหว่างเล่นก็ทำได้แม้ในหลายต่อหลายครั้งมันจะดูมั่วไปบ้าง
องค์ประกอบหลักก็คือเพลงในเกมที่ ขนมาให้เล่นถึง 50 เพลง ที่มีหลากหลายแนวพอสมควร เพราะมีทั้งเพลงคลาสสิกอย่าง Symphony No. 9 ของ Beethoven , หรือ The Four Seasons (Spring) และเพลงเก่าๆของยุค 60- 80 หลายเพลงอย่างเช่น เพลง Sukiyaki , Every Breath You Take ของ The Police หรือ Material Girl เพลงฮิตยุค 80 ของป้า มาดอนน่า รับประกันถูกใจคน(สูงอายุ)นอกจากนี้ยังมีเพลงจากภาพยนตร์ The Sound Of Music อย่างเพลง Do re mi และ เพลงธีมจากภาพยนตร์ Chariots of Fire หรือเพลงจากเกมของปู่นินเอง เช่น เซลด้า หรือ F-Zero ก็มีให้ได้เล่นกัน พร้อมทั้งมีประวัติเพลงเล็กๆให้ได้อ่านกันด้วย
ส่วนระบบเสียงที่เป็นปัจจัยหลักของเกมก็ไม่ได้โดดเด่นหรือมีคุณภาพดีเท่าไร โดยมีการนำเสียงเครื่องดนตรีจริงผสมกับเสียงสังเคราะห์ ในระดับ MIDI ซึ่งเข้าใจได้ว่าเพื่อให้เข้าถึงได้ง่ายและง่ายต่อการปรับแต่งเพลงในเกม แต่ในยุคนี้น่าจะมีการใส่เพลงต้นฉบับมาไว้ฟังเพื่อผ่อนคลายบ้าง และในตอนนี้ปู่นินก็ยังไม่ประกาศว่าจะสามารถอัพเดทเพลงเพิ่มได้หรือไม่ แต่ถ้าจะเสริมไอเดียให้ น่าจะใส่โหมดอัพเดทเพลงเองผ่านช่อง SD Card ของ วี เหมือนหลายเกมที่ออกมาก่อนหน้านี้ ซึ่งถ้าสามารถเอาเพลงที่เรามีไปเล่น หรือปรับแต่งเพิ่มได้ เกมจะยอดเยี่ยมมาก ดังนั้นโดยองค์รวมเสียงและดนตรีประกอบที่แม้จะมีมากถึง 50 เพลง ก็ยังน่าผิดหวังไปเล็กน้อย
แต่อย่างน้อย วี มิวสิค ยังมีของแถมให้ได้เล่นอีก 3 มินิเกมอย่าง Mii maestro ที่ผู้เขียนชื่นชอบมากๆเพราะเกมให้เราเล่นเป็น วาทยกรโดยตวัดมือผ่านวีรีโมต แทนไม้บาตอง เพื่อ ให้จังหวะ ส่วนโหมด Hand Bell Harmony ที่เป็นการสั่นกระดิ่งให้ตรงจังหวะตามเสียงเพลง โดยสามารถเล่นได้ถึง 4 คน และโหมด Pitch Perfect เป็นการเล่นทายเสียงและจัดเรียงเสียงให้ถูกต้อง ตามคำใบ้โดยมีเวลากำหนดที่มีความคล้ายกับเกมจับคู่ใน Wii Play ซึ่งถ้าเล่นกับเพื่อนจะสนุกมาก และถ้าใครมี wii balance board ก็สามารถนำมาเชื่อมต่อเพื่อเล่นโหมด เรียนตีกลองโดย ใช้เท้าตี bass drum และ Hi Hat ผ่าน balance board (ที่ไม่ง่ายและไม่ค่อยสนุกเท่าไร)นอกจากนี้ยังสามารถนำ วี มิวสิค วีดีโอ ที่เราเล่นไว้ไปแชร์ให้เพื่อนๆดูได้ผ่านระบบ WiiConnect24 ได้ เสียดายถ้าเพิ่มการ ออนไลน์ เป็นการเล่นดนตรีกับเพื่อนได้เกมจะสนุกกว่านี้มาก
เป็นการลำบากใจสักเล็กน้อยที่จะให้คะแนนเกมนี้ เพราะถ้าคุณเอาความเป็น Hard Core แบบ Guitar Hero มาวัด เกมนี้สอบตก แต่ถ้าคุณหาเพื่อนฝูงหรือพ่อแม่พี่น้องมาเล่นด้วยกันเพื่อความสนุกและผ่อนคลาย เกมนี้ถือว่าทำได้เยี่ยม และถึงมันจะได้คะแนนรีวิวมากหรือน้อยแค่ไหนก็ตามที คนที่มี วี คงต้องซื้อติดเครื่องไว้อีกหนึ่งเกม เพราะอย่างน้อย การได้เล่นเกม ดนตรีที่สบายๆ แบบไม่ต้องเครียดเหมาะอย่างยิ่งในสภาพการณ์บ้านเมืองทุกวันนี้ที่มีแต่ความเครียด เกมนี้ช่วยคุณผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี
ข้อดี : มีเครื่องดนตรีและเพลงให้เลือกเยอะ เล่นครั้งแรกสนุก เล่นหลายคนก็สนุก
ข้อเสีย : แต่จะสนุกคนเดียวได้ไม่นาน แถมโหมดก็น้อยไป
ข้อแนะนำ : น่าจะมีโหมดเยอะกว่านี้
คะแนนการเล่น | 7.5 |
กราฟิก | 6.5 |
เสียง | 7.5 |
ความคิดสร้างสรรค์ | 7.5 |
ความคุ้มค่า | +คะแนนไปอีก 1 เล่นเป็นหมู่คณะ |
ภาพรวม | 7.3 |
Darth.Vader (วงศกร ปฐมชัยวัฒน์)